จากกรณีเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4 ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพและคลิปวิดีโอ อธิบายเหตุการณ์ของพนักงานเร่งรัดหนี้สิน กำลังเข้าตรวจยึดรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ หมายเลขทะเบียน ฌอ 2979 กรุงเทพมหานคร กระทั่งมีชายไม่ทราบชื่อไม่สวมเสื้อใส่ นุ่งกางเกงขายาวสีครีมไม่สวมรองเท้า เดินถือปืนออกจากบ้านหลังหนึ่งแล้วขึ้นไปที่นั่งในรถบริเวณคนขับ ก่อนขับรถคันดังกล่าวออกไป ทราบภายหลังว่าชายคนดังกล่าวคือ
ด.ต.เอกฉัตร สมสิริ ผบ.หมู่สืบสวน สน.บางเขน จนทำให้สังคมต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเกิดอะไรขึ้นและพฤติกรรมดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่
ในวันนี้ (9 พฤษภาคม 2560) เวลา 18.50 น.
นพวรรณ จีระ ภรรยาตำรวจ ได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว ผ่าน
รายการต่างคนต่างคิด ว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ตนได้ขับรถออกไปตลาด พอขับรถเข้าหมู่บ้าน มาจอดที่ร้านค้า ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้าน ก็ได้ลงจากรถเพื่อจะไปซื้อของ ต่อมามีรถยนต์มาปิดท้ายและด้านหน้ารถยนต์ของตนเอง จากนั้นจึงได้พูดคุยกับกลุ่มดังกล่าวให้ไปพูดคุยกันที่บ้าน ซึ่งไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ แต่ทางนั้นปฏิเสธตนทุกทาง ยอมรับว่าหนีออกจากจุดดังกล่าวไม่ได้ เพราะมีผู้ชายมา 4 คน ผู้หญิง 2 คน และตัวเองเพียงคนเดียว ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้กับพวกเขา ตกใจกลัวเป็นอย่างมาก เพราะไม่รู้ว่าบุคคลกลุ่มดังกล่าวคือใคร จึงโทรบอกสามีว่า มีคนมาล้อมรถจะเอารถตัวเองไป ซึ่งด.ต.เอกฉัตร ขณะนั้นหลับอยู่พอได้ยิน จึงตกใจ และนำ
ปืนพกติดตัวไปด้วย โดยไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากไฟแนนซ์เพราะไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงตน โดยสามีก็บอกให้ตัวเองเข้าบ้านเพราะกลัวจะเกิดอันตราย
นพวรรณ กล่าวอีกว่า ตนได้นำรถคันดังกล่าวที่สามีกู้จากสหกรณ์ตำรวจเพื่อมาซื้อ ไปเข้าไฟแนนซ์โดยไม่เคยบอกกับสามี และนำเงินมาใช้จ่ายเนื่องจากช่วงนั้นมีปัญหาต้องใช้เงิน และปิดมาเป็นความลับมาตลอด จนผ่านไปปีกว่าสามีจึงมารู้
ยอมรับว่าตนเองไม่ได้จ่ายค่างวดมา 2 ปีแล้ว ซึ่งทางไฟแนนซ์ก็ไม่ได้มีการติดต่อมา และในวันเกิดเหตุก็ยืนยันว่าทางไฟแนนซ์ไม่ได้โทรหา และได้เงินจากทางกรุงไทยออโต้ลิส เป็นเงิน 160,000 บาท พร้อมยืนยันว่า
สัญญาเช่าซื้อตนเองก็ไม่มีเพราะไม่เคยได้ และที่ไม่จ่ายเงินเพราะนำเงินไปดูแลลูกและแม่ที่ป่วย ไม่ได้คิดจะเบี้ยวหนี้ ส่วนที่ทางไฟแนนซ์บอกว่ามาที่บ้านและสามีเอาปืนขู่ ตนเองไม่ทราบ เนื่องจากไม่ได้อยู่บ้านตลอดเวลา พร้อมบอกว่า
" หนูผิด หนูยอมรับ รู้สึกแย่ แฟนก็แย่ แต่เราต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน คิดเพียงว่าทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้" และหากจะมาขอยึดรถก็ต้องนำเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมายมาให้ดู ถึงจะยอมคืนรถให้
ด้าน
พัชรินทร์ จันทร์ศิริ พร้อมด้วย
นางดาวรุ่ง สายทองคำ พนักงานเร่งรัดหนี้สินของบริษัท กรุงไทย ออโต้ลีส จำกัด ที่ในวันนี้ได้เดินทางร้องขอความเป็นธรรม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่า ภายหลังจากตรวจสอบพบรถยนต์ที่ค้างค่างวดอยู่จึงตามไปทวง โดยแนะนำตัวว่าเป็นพนักงาน แต่ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวดับเครื่องรถนั่งอยู่ภายในรถ และมีการนำปืนออกมา ซึ่งทางคู่กรณีอ้างว่าไม่ได้คุยกับเรา แต่ยืนยันว่า มีการแจ้งแล้วว่ามาจากบริษัทอะไร
คู่กรณียังตอบกลับว่า ดอกแพง และมีการต่อว่าทางเรา ซึ่งเมื่อบอกน้องในทีมให้แจ้ง 191
หญิงคู่กรณีเจ้าของรถ ก็คว้ากระเป๋าวิ่งเข้าบ้าน ส่วนแฟนคือผู้ก่อเหตุ
ปิดบ้านแล้วถือปืนออกมา พร้อมกับพูดว่า ใครจะมาปล้นรถ
ทนาย สุวิจักขณ์ อัยยาพิสิฐ กล่าวว่า โดยหลักแล้วทางไฟแนนซ์ สามารถขอเข้าเจรจาได้ตลอดเวลา ซึ่งการจะยึดรถของไฟแนนซ์ต้องกระทำตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เนื่องจาก หากผู้ครอบครองรถยนต์ไม่ยอม ก็ต้องให้ทางไฟแนนซ์ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ด้านผู้เช่าซื้อก็ต้องปฏิบัติตามข้อตกและเงื่อนไขที่ให้กับทางบริษัทไฟแนนซ์เช่นกัน ตามกฎหมายแล้วทางไฟแนนซ์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 กล่าวว่า ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ ด้วยส่งมอบทรัพย์สินกลับคืนให้แก่เจ้าของโดยเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง
ด้าน
พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกับผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.เอกฉัตร พบว่า ก
ารครอบครองอาวุธปืนมีใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนถูกต้อง รวมทั้งมีใบอนุญาตพกพาที่ทางผู้บังคับบัญชาออกให้ไว้ชั่วคราวสำหรับปฏิบัติหน้าที่ โดยทางด.ต.เอกฉัตรได้นำอาวุธปืนพร้อมเอกสารหลักฐานมามอบให้กับพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งในส่วนนี้จะดำเนินการ
ข้อหา ผู้ใดทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ ตัองระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 392 แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 22) พร้อมกับจะมีการตั้งชุดคณะกรรมการสอบดาบตำรวจคนดังกล่าว