กรณีคนร้าย เพศชาย สวมชุดขายไก่ทอดชื่อดัง ขี่รถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืนบุกชิงทอง ภายในร้านทองแห่งหนึ่ง ถนนนครศรีฯ-ปากพนัง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท จำนวน 2 เส้นไป มูลค่า 110,000 บาท ก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงกระจก 5 นัด จนแตกกระจาย และหลบหนีไปทาง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
ล่าสุดวันที่ 8 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่ร้านห้างทองดังกล่าว เป็นลักษณะตึกแถว 3 ชั้น เรียงติดกันหลายตึก บริเวณด้านข้าง ทั้งซ้ายและขวาเป็นบริษัทเอกชนติดกัน แต่ในวันนี้ร้านทองได้ปิดจำหนาย มีป้ายติดว่าหากลูกค้าต้องการจำนำให้ติดต่อสาขาอื่น ๆ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ โดยปิดประตูเหล็กลงมาและไม่พบใครอยู่ในร้าน นอกจากนี้ยังพบเศษกระจกจำนวนมาก กระจัดกระจายอยู่บริเวณริมทางเดินหน้าร้าน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายบ่าว (นามสมมติ) อายุ 46 ปี หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ขณะนั้นตนเห็นผู้ก่อเหตุกำลังหลบหนีออกจากร้าน ช่วงเกิดเหตุ คือ เวลาประมาณ 18.00 น. ตนกำลังขายของอยู่บริเวณหน้าร้าน ได้ยินเสียงดังจากฝั่งตรงข้าม ลักษณะเสียงคล้ายประทัดดังขึ้น 1-2 ครั้ง ครั้งแรกตนไม่ได้เอะใจ คิดว่าเป็นเสียงประทัด แต่พอครั้งที่สองตนมั่นใจว่าเป็นเสียงปืน และเป็นการปล้นร้านทอง
หลังจากตนหันไปมอง สังเกตเห็นคนร้ายวิ่งออกมาจากร้าน และขี่รถจักรยานยนต์สีขาว ที่คนร้ายจอดรถเอาไว้ห่างจากร้านประมาณ 20 เมตร มีท่าทีไม่ค่อยรีบร้อน ใจเย็นมาก ลักษณะการแต่งกายสวมใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ สวมผ้ากันเปื้อนร้านไก่ย่าง และสวมใส่หน้ากากอนามัยสีดำ ตนไม่คุ้นลักษณะคนร้าย ตัวเล็ก ผิวขาว ตนทำงานแถวนี้ก็กังวลและระแวงในความปลอดภัยเช่นกัน คาดว่าคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาและเตรียมคิดเส้นทางหลบหนีเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
นอกจากนี้ เพื่อนบ้านของนายบ่าว ก็ได้นำโทรศัพท์ ออกมาถ่ายคลิปวิดีโอ วินาทีคนร้ายวิ่งออกมาจากในร้านทองขี่รถจักรยานยนต์ เป็นคลิปความยาวประมาณ 16 วินาที ลักษณะเป็นการแอบถ่ายหลังพุ่มไม้ เนื่องจากกลัวอันตรายด้วย เพราะคนร้ายมีอาวุธปืน ช่วงที่คนร้ายกำลังวิ่งออกมาจากร้าน และขึ้นรถจักรยานยนต์สีขาวไป
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้เดินทางไปยังห้างทองดังกล่าว อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อพูดคุยกับน.ส.ณัฐกานต์ รัษฐปานะ หรือ ฝ้าย อายุ 43 ปี เจ้าของร้านทอง เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุ มีพนักงานที่ร้านโทรศัพท์มาหาตน คือ เอฟ และ บุ๋ม ช่วงเกือบ 18.00 น. ว่าที่ร้านโดนปล้น ตนจึงรีบขับรถกลับไปที่ร้าน พบว่ากระจกนิรภัยหน้าร้านแตกไปหนึ่งบาน เมื่อเข้าไปในร้านเห็นพนักงานทั้ง 2 คน ยืนตัวสั่นอยู่ด้วยความกลัวบอกกับตนว่าร้านโดนโจรยิง และปล้นทองไป โดยคนร้ายทำทีซื้อทอง 2 บาท 2 เส้น รวม 4 บาท เป็นลายปล้องอ้อย 1 เส้น ลายผ่าหวาย มูลค่า 110,000 บาท โดยพนักงานคนหนึ่ง ชื่อเอฟ รู้สึกผิดสังเกต เพราะคนร้ายถือถุงผ้ามาด้วย จึงบอกว่าให้ช่วยถอดหมวก คนร้ายก็ถอดหมวกออก
จากนั้นน้องบุ๋ม ก็ให้ทองคนร้ายดู และคนร้ายก็ควักปืนขึ้นมาจากผ้ากันเปื้อน และยิงมาที่ตู้ทอง แต่ไม่โดนพนักงาน โดนตู้ทองแตก และหยิบทองทั้ง 2 เส้นไป จากนั้นก็วิ่งไปที่ปะตู โดยพยายามเปิดประตู แต่ประตูเป็นประตูล็อกอัตโนมัติ จึงเปิดไม่ออก สักพักคนร้ายจึงใช้ปืนยิงตัวล็อกเหล็กที่พื้น 1 ครั้ง แต่ก็ยังไม่ออก จึงยิงเหล็ก ด้านบนอีก 3 ครั้ง จนกระจกร้าวคนร้ายจึงวิ่งออกไป แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเป็นกระจกพิเศษ คนร้ายทำหมวกร้านไก่ทอดตก 1 ใบ และวิ่งไปที่รถ ซึ่งรถจักรยานยนต์คนร้ายอยู่ห่างจากร้าน 10 เมตร เป็นรถจักรยานยนต์สีขาว ขี่ย้อนศรไปทางปากพนัง คนร้ายใช้เวลาอยู่ในร้านไม่นานมากประมาณ 2-3 นาที ช่วงที่ดูทองไม่นานมาก แต่ตอนดึงประตูใช้เวลาค่อนข้างนาน เกือบ 1 นาที
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่หน้าหมู่บ้านเมืองทอง ครั้งนั้นคนร้ายได้ทองไปนับร้อยบาท และคนร้ายเป็นคนละคนกัน เพราะคนร้ายในคดีดังกล่าวตำรวจจับตัวได้แล้ว คนร้ายเมื่อ 5 ปีก่อน เป็นนักศึกษาทำโทรศัพท์มือถือแฟนเสีย จึงมาปล้นทอง มองว่าคนร้าย ที่มาก่อเหตุล่าสุด ลักษณะไม่ใช่โจรมืออาชีพ เพราะโจรไม่ใส่ถุงมือ
ทั้งนี้หลังจากเกิดเหตุพนักงานทั้ง 2 คนยังรู้สึกแย่มาก ขวัญเสียมาก เพราะระยะที่ยิงใกล้มาก จำนวน 5 นัด วันนี้จึงให้พนักงานหยุดพักงานก่อน เมื่อสภาพจิตใจดีขึ้นแล้ว ก็ค่อยกลับมาทำงาน โดยน้องเอฟ มีอาการบาดเจ็บเพราะล้มอย่างแรงช่วงที่วิ่งหนีคนร้าย ทำให้ปากแตก ขาบวม และปัสสาวะเป็นเลือด ส่วนน้องบุ๋ม มีอาการฟกช้ำที่ขา วันนี้ตนปิดร้าน เพราะตู้ทองและประตูหน้าร้านแตกเสียหาย
น.ส.ณัฐกานต์ ยังบอกอีกว่า จริง ๆ แล้วทุกร้านของตนปลอดภัย เพราะมีกล้องวงจรปิดเยอะมาก รวมทั้งมีสัญญาณกันขโมย มีประตูอัตโนมัติ คาดว่าคนร้ายคงไม่รู้ว่าที่ร้านมีประตูอัติโนมัติ จึงเลือกปล้นที่นี่ หลังจากนี้ตนจะต้องปรับตารางการปิดร้านให้เร็วขึ้น และมีการจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม โดยเวลาเปิด-ปิดร้าน คือ 08.30-19.00 น. หลังจากนี้คงต้องปิดเร็วขึ้น โดยหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานรอยนิ้วมือตามจุดต่าง ๆ พร้อมทั้งให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่แล้ว หลังจากนี้น่าจะจับกุมคนร้ายได้ เพราะมีกล้องวงจรปิด และพยานค่อนข้างเยอะ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุด หากจับได้คงดำเนินคดีให้หนัก ไม่ยอมความแน่นอน และร้านของตนทั้ง 5 สาขา ทำประกันภัยทั้งหมด ยกเว้นสาขาที่เกิดเหตุ เพราะหวังว่าจะวางทองไว้ไม่เยอะ จึงไม่ได้ทำประกันเอาไว้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับเจ้าของร้านไก่ทอดที่เป็นแฟรนไชส์เดียวกันกับที่คนร้ายใส่ ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กม. โดยนางนิ่ม (นามสมมติ) เจ้าของร้านไก่ทอด เปิดเผยว่า ตนไม่คุ้นเคยกับลักษณะ ท่าทาง หรือรูปพรรณของคนร้ายเลย ส่วนใหญ่พนักงาน หรือเจ้าของกิจการบริษัทในละแวกนี้จะเป็นผู้หญิง และตนก็ทำธุกรกิจนี้มานานแล้ว เมื่อมีพนักงานใหม่เข้ามาต้องเข้าอบรม และฝึกฝนก่อนทำงาน ซึ่งตนก็เป็น 1 ใน 4 ครูฝึกอบรมพนักงาน ยืนยันไม่เคยเห็นพนักงานคนนี้มาก่อน เพราะต้องผ่านหลายขั้นตอนก่อนจะขายได้
ส่วนลักษณะการแต่งกายของคนร้าย จากที่เห็นในคลิปวิดีโอก็ไม่ถูกต้อง เพราะไม่สวมเสื้อของบริษัท สวมเพียงผ้ากันเปื้อนและหมวกเท่านั้น เนื่องจากตามกฎของบริษัทต้องสวมเสื้อยืดด้านในสีแดง มีโลโก้บริษัท และใส่ผ้ากันเปื้อนและหมวก แต่หากเป็นอิสลามก็จะอนุโลมให้ใส่เพียงผ้าคลุมผมได้
