"แหม่ม คัทลียา" เล่าชีวิตรักหมดเปลือก ไม่ได้หักอก "แท่ง ศักดิ์สิทธิ์"

14 ธ.ค. 63

"แหม่ม คัทลียา" เผยที่มาของฉายา "เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงคนแรก" ที่ได้มาพร้อมความกดดัน เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่คนธรรมดา อีกทั้งเปิดใจเรื่องราวความรักที่ไม่เคยพูดที่ไหน ตั้งแต่เรื่องความดุของคุณแม่ ขนาดที่เพื่อนยังโทรมาหาไม่ได้เลย รวมถึงเรื่องราวความรักกับสามีสุดที่รัก "บีบี๋ สงกรานต์" แบบหมดเปลือก คบกันแบบไม่ได้ปิด แต่ก็ไม่ได้เปิด และสิ่งที่ทำให้แน่ใจว่าคนนี้คือ "คู่ชีวิต" คือความเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติตนและครอบครัว พร้อมเปิดเผยครั้งแรกถึงสถานะระหว่างตัวเองกับคู่จิ้นในตำนาน "แท่ง ศักดิ์สิทธิ์"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่     

ถาม เมื่อถูกชมว่าสวยตลอดรู้สึกยังไง

แหม่ม : ต้องรู้สึกดีอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าเราก็รู้ตัวเองเสมอว่าตอนเช้ามาหน้าของเราก็ธรรมดา ยังมีคนอีกมากมายที่สวยมากในประเทศเราเราเลยไม่ได้รู้สึกว่าพิเศษไปกว่าคนอื่นๆ เลยค่ะ ไม่รู้ว่าเกี่ยวด้วยไหม ที่บ้านคุณแม่จะไม่เคยชมเลย ไม่เคยอวยเราเลย ถามยังบอกว่านี่สะโพกใหญ่มาก ต้องออกกำลังกายแล้วนะ ตายแล้วแหม่ม ทำไมคิ้วรกอย่างนี้ คุณแม่จะเป็นแบบนี้ตลอดเลย ไม่เคยบอกเราเลยว่าสวย


ถาม เป็นน้องสาวที่มีพี่ชายหล่อมากในประเทศ ในยุคหนึ่งเขาดังมาก ตอนนั้นเรารู้สึกยังไงบ้าง

แหม่ม : สิ่งที่เรารู้สึกมากกว่าว่าเขาหล่อหรือไม่หล่อ เพราะเราเห็นกันตั้งแต่เกิด มันเลยชินตา แต่สิ่งที่เราเห็นคือสาวๆ มาชอบพี่ชายเราเยอะมาก ฉันต้องทำตัวเป็นแม่มดเพราะห่วงพี่


ถาม แล้วที่มาของการเป็นเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงคนแรก

แหม่ม : จริงๆ เราเป็นคนธรรมดา แต่ต้องขอบคุณหลายๆ สื่อที่ตั้งฉายาให้ อาจจะเป็นเพราะเราเล่นละครเรื่องที่สอง หลังจากเล่นเรื่อง เพื่อเธอ พอเรื่องที่สอง อยากหยุดตะวันไว้ที่ปลายฟ้า ของพี่บอย เราเล่นรับบทเป็นเจ้าหญิง แล้วตอนนั้นยังไม่ค่อยมีละครเกี่ยวกับเจ้าหญิงมากก็เลยเรียกกันว่าเจ้าหญิงๆ ด้วยหรือเปล่า เพราะว่าสื่อเป็นคนตั้งขึ้นมาให้รู้สึกเป็นเกียรติมาก แต่เราก็รู้สึกว่าเราก็แค่คนธรรมดา แต่ก็กดดันนะคะ แต่พอสักพักใหญ่ๆ จนมีเรื่องราวต่างๆ เข้ามา เพราะในชีวิตจริงๆ เราไม่ใช่เจ้าหญิง เราเป็นคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งที่มีรัก โลภ โกรธ หลง ผิด ถูกต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้


ถาม มีหนุ่มๆ มาจีบเยอะไหม

แหม่ม : ต้องบอกเลยนะคะ น้อยมากๆ เพราะในหนึ่งสัปดาห์เราเรียน 5-6 วัน เราต้องลงหน่วยกิตให้มันอัดแน่น ให้อยู่ 3 วันนี้ เพื่อที่อีก 4 วันจะไปถ่ายละคร เพราะฉะนั้นเรียนกับทำงาน เราค่อนข้างหนักแล้ว เราเลยไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้ แล้วก็ไม่ค่อนเห็นมีใครเข้ามา หรือหน้าเราคว่ำก็ไม่รู้ ผู้ชายเข้าหาเราน้อยมาก อย่าง ABAC แหม่มก็เจอกับ หนุ่ม ศรราม ตอนนั้นเขาก็ดังกว่าเรามาก


ถาม ช่วงนั้นเป็นแฟนกับ พี่แท่ง หรือเปล่า

แหม่ม : อุ๊ย!!!! เป็นคำถามที่หลายๆ คนถามเนอะ สนิทกันมากค่ะ เพราะเล่นละครด้วยกัน อย่างที่บอกค่ะ ชีวิตเราอยู่ที่กองถ่ายกับมหาวิทยาลัยเท่านั้น แล้วก็อยู่กับแม่ พี่แท่งเป็นเหมือนรุ่นพี่ที่เราไปร่วมเล่นกับเขา และเขาดังกว่าเรามาก แล้วด้วยความที่เราใหม่มาก เขาก็เลยพยายามที่จะทำลายกำแพง แต่ที่คนอินกันเยอะมาก เพราะเราเป็นคู่ขวัญ คนเลยอินทั้งนอกจอในจอเลย สมมติมายืนคู่กัน ถ่ายรูปปุ๊บ ก็จะมีเสียงกรี๊ดดังเข้าไปอีก ที่เขาเรียกว่าคู่จิ้นๆ ที่ทุกคนยังคงมองเราตลอดเวลาว่าเคมีของเราคงเข้ากันได้ดี ล่าสุดก็เพิ่งกลับมาเจอกัน มีเล่นเรื่องหนึ่ง ทุกวันนี้ก็ยังเจอกันสวัสดี ทักทายกันเหมือนเดิมค่ะ


ถาม คนก็ยังมองว่าเพราะพี่แท่งอกหักจากเรา จนทุกวันนี้ยังไม่ยอมมีใครสักคนเลย ในขณะที่แหม่มเป็นคุณแม่ลูกสามไปแล้ว

แหม่ม : ไม่ อันนั้นเจ้าชายกลัวฝนตัวจริง เจอพี่กบกับมอส ก็คุยกันไปกันมา เขาก็บอกมาว่าตาคนนั้นหาคนอยู่ด้วยยาก เป็นเจ้าชายที่กลัวฝนค่ะ


ถาม ครั้งแรกที่เจอกับ คุณสงกรานต์ เจอกันยังไงที่ไหน

แหม่ม เป็นการนัดให้เราเจอกันของเพื่อนๆ ค่ะ เพื่อนเป็นคนนัดให้ ซึ่งวันนั้นเพื่อนๆ ก็อยู่ด้วย พอเราไปถึงร้านที่เพื่อนๆ นัดไว้เปิดประตูเข้าไป เขาก็ลุกขึ้นยืนให้เรา เราก็แอบคิดเหมือนที่พ่อทำให้แม่เลย ก็รู้สึกประทับใจเบาๆ แต่ยังไม่ได้ชอบหรือปิ๊งเลยนะคะ ในตอนนั้นเพื่อนๆ ก็คงพยายามที่จะเซตให้เขานั่งตรงที่พอเวลาเราเดินมาถึง เขาต้องลุกขึ้นมาแล้วก็นั่งใกล้กัน แต่มีเคสที่เราเจอเขาก่อนหน้านั้นอีกค่ะ แต่เราจำเขาไม่ได้ ตอนนั้นไปเจอกันที่โปโล ออกกำลังแล้วแหม่มก็นั่งอยู่กับพี่ไก่ แล้วบี่บี๋ เดินมาสวัสดีครับพี่ไก่ แล้วคือตอนนั้นเรากำลังคุยเรื่องทริปไปดำน้ำกันอยู่ แล้วพี่ไก่เขาก็แนะนำ ช่วงนั้นเราก็มนุษย์สัมพันธ์ดี ก็ชวนเขา ไปดำน้ำไหมค่ะ ซึ่งเรื่องนี้คุณบี่บี๋เขามาเล่าให้เราฟังทีหลัง ตอนที่มาเจอเขาอีกครั้ง ถามว่าเขาสเป็กไหม ตอนนั้นเราก็อายุ 32 แล้ว ไม่ใช่แบบ 22 เพิ่งเรียนจบ เราก็ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาประมาณหนึ่งแล้ว ความรู้สึกไม่ได้เหมือนแบบหนุ่มๆ สาวๆ เพิ่งเจอกัน


ถาม แต่เห็นว่า บี่บี๋ เขาประทับใจตั้งแต่ตอนที่เจอกันที่โปโลคลับแล้ว

แหม่ม : เราไม่รู้เลยค่ะ เพราะเมื่อก่อนเราหน้าคว่ำมาก ไม่รู้ว่าหน้าเป็นอาวุธหรือเปล่า คนเลยไม่ค่อยเข้ามาหาเรามาก พูดตรงนี้เลยมีคนพูดด้วยว่าเราหยิ่ง ตอนนั้น บี่บี๋ เขาเหมือนคุ้นๆ ว่าเราเป็นคนในวงการแต่ด้วยความที่เขาเป็นเด็กเรียนเมืองนอกมาตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยได้ดูทีวี ดูละครไทยเท่าไหร่


ถาม เพราะมุมนี้หรือเปล่าที่ทำให้แหม่มรู้สึกดี เพราะเขาไม่ได้เขามาหาเรา เพราะว่าเราเป็นคนในวงการ

แหม่ม : จริงค่ะ เขาก็เข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แบบว่าสนใจผู้หญิงคนนี้ แต่ไม่ได้สนใจว่ามีชื่อเสียงหรือว่าอะไร แล้วเราชอบที่เขาค่อยๆ เข้ามา เรียบร้อย ไม่ได้จู่โจมเรา ความสัมพันธ์ก็เริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เพราะแลกเบอร์ แล้วก็ส่งข้อความหากันประมาณหนึ่งก่อนแล้วก็ค่อยนัดออกมาเจอกันแล้วก็คุย ไม่เคยนัดแนะสรุปวันนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ ไม่มีวันครบรอบ เพราะเราเป็นคนไม่ชอบเซอร์ไพรส์ แต่ในตัวของเขาคือมีความโรแมนติกอยู่แล้ว ในความเป็นสุภาพบุรุษของเขา วันเกิดเรา เขาก็จะทำกับข้าวให้ทาน ลูกๆ ก็จะแซวว่าวันเกิดแม่ๆ ไม่พาไปไหนเหรอ เขาก็บอกว่านี่ไงวันเกิด ทำกับข้าวอร่อยๆ ให้กิน


ถาม แล้วที่บอกว่าไม่มีการขอเป็นแฟน แล้วมาคบกันตอนไหนยังไง

แหม่ม : เรามาคบกันตอนโต อายุ 32 มีอะไรเราก็พูดกันตรงๆ เราไม่ได้มีการแอบซ่อนว่าเราคบกันนะ ถามว่าพูดกันตรงๆ ตอนนั้นเราก็เป็นห่วงเขามากกว่า เนื่องจากเขาไม่ใช่คนในวงการ แล้วเขาไม่ค่อยเป็นคนสาธารณะอยู่แล้ว บวกกับเป็นคนเรียบๆ เงียบๆ เวลาไปไหน เขาค่อนข้างอึดอัด เราก็เลยไม่ได้หวือหวาไปในที่ที่มีคนเยอะๆ ไม่ได้ปิด แต่ก็ไม่ได้เปิด มันเป็นช่วงแรกๆ ของยุคการมีปาปารัซซี่ การมีหนังสือบันเทิงหลากหลายมากมาย จากคนที่เก็บตัวเงียบๆ แล้วมาบวกกับสภาพสังคมที่เกิดขึ้น ตอนนั้นเป็นปัญหาเลยค่ะ เราค่อนข้างคุยกันเยอะ เพราะเราทั้งคู่ต่างไม่เข้าใจกัน แต่แล้วสุดท้ายก็ก้าวข้ามมันได้


ถาม มีอาการหึงหวงกันบ้างไหม

แหม่ม : ไม่เชิงว่าหวงค่ะ แต่เขาจะห่วงมากกว่า กลับบ้านกี่โมง ถึงบ้านหรือยัง เรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขามาก เราไปถ่ายละครกลับก็เหนื่อยแล้ว เรารายงานแม่ พอเราอาบน้ำเสร็จ เราก็นอน แล้วเขาก็คงรอว่าเรากลับบ้านมาหรือยัง พอตื่นเช้ามาข้อความมหาศาลเลย เขาก็บอกว่าเราอาจจะไม่รู้สึกอะไร เราแค่ห่วง


ถาม อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าเขาคนนี้คือคนที่เราจะใช้ชีวิตจากนี้ด้วยตลอดไป

แหม่ม ความเป็นสุภาพบุรุษ อันนี้สำคัญมาก มันค่อนข้างครอบคลุมหมดเลย เขาให้เกียรติเรา เขาให้เกียรติครอบครัวเรา เขาไม่เอาเราไปพูดที่ไหน แม้แต่ในกลุ่มเพื่อน เสมอต้นเสมอปลายตลอด และเรามีข้อตกลงกันว่า ถ้าเราทะเลาะกัน จะทะเลาะกันไม่เกิน 1 วัน พื้นฐานคือเราทั้งคู่รักกัน และยิ่งพอเรามีลูกคืออารมณ์ของเราเย็นลงมาก แต่เขากลับกลายเป็นคนที่โมโหเร็วกว่า เพราะว่าเขาทำงานเป็นคนคิดเร็ว คิดไปข้างหน้า แต่พอมีลูกดีขึ้นเยอะค่ะ และเป็นคนที่ไม่เจ้าชู้เลย เป็นคนรักครอบครัวมาก ซึ่งอันนี้เรารู้สึกว่าเราโชคดีที่ได้ผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต


ถาม แต่วันนี้ครอบครัว กระจ่างเนตร เป็นครอบครัวที่ต้องบอกว่ามีความรักที่แข็งแรงแล้วก็ดูแบบว่าภาพในอินสตราแกรมเป็นครอบครัวที่ดูรักและมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันเยอะแยะมากมาย

แหม่ม : ชอบทำอะไรด้วยกัน เพราะเรารู้สึกว่าไม่รู้วันหนึ่งวันใดที่ลูกโตเป็นหนุ่มแล้ว เขาจะไปเล่นกับเพื่อน ไปอยู่กับเพื่อน เราเลยพยายามกอบโกยเวลาที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด


ถาม มีใครที่มีทีท่าจะเข้าวงการบ้าง

แหม่ม : ดูท่าทางคือยังไม่มีนะคะ แต่ว่าดูแล้วแมคน่าจะเป็นคนที่มีแววที่สุดค่ะ เพราะเขาเป็นคนขี้เล่นแบบพี่วิลลี่ เขาก็จะบอกว่าแม่ๆหล่อไหม ทรงผมนี้เป็นยังไงบ้าง แต่พอเขาเจอคนเยอะๆ เขาก็จะเป็นอีกแบบเลยนะคะ


ถาม แต่ลูกๆ ห่วงคุณแม่มาก

แหม่ม : แมคมีห่วงแม่ ถ้าเขาเห็นว่าค่ำแล้วแม่ยังไม่กลับ ก็จะโทรหา ทักหาเรา แต่ตอนนี้แมคได้ส่งต่อสิ่งนี้ไปสู่น้องคิน ที่จะเป็นคนมาตามเรา เขาโทรหาเราเยอะมาก บางทีเราทำงานอยู่ เราก็จะบอกเขาว่าคินๆ แค่นี้ก่อนนะ เพราะทุกคนในกองรออยู่ เขาก็จะบอกว่าไม่ได้ๆ คุณแม่จะเสร็จกี่โมง เราก็ไม่สามารถบอกเขาได้เป๊ะๆ ว่าจะเสร็จกี่โมง แล้วก็มีถึงขั้นว่าเราไปถ่ายในป่า เขาก็หวงเราว่าเราเปลี่ยนเสื้อตรงไหน เราก็บอกว่าเขามีเต็นท์ให้เปลี่ยน มีใครเห็นแม่ๆ ไหม แล้วบางครั้งคือต้องถ่ายรูปแล้วส่งไปให้คินดูว่าวันนั้นใส่แบบไหนที่ถ่ายละคร แต่ก็ชื่นใจอีกแบบ แต่ลูกสาวคนเล็กเท่าที่เราสังเกตคือเขามีความเหมือนเรามาก สำหรับเนซซี่จะเป็นคนง่ายๆอะไรก็ได้ นักเลงๆ นิดนึง เพราะคุณยายจะเรียกเขาว่าดาวเรือง เพราะเมื่อก่อนจะมีละครเรื่องดาวเรือง แล้วนางเอกจะแก่นๆ เถียงคน สู้คน คุณย่าจะเวียนหัวกับเนซซี่มาก จนคุณยายพูดว่าแม่เธอตอนเด็กๆ เขาเรียบร้อยมากเลยนะ เขาไม่เป็นแก่นเหมือนเราหรอก


ถาม แต่ลูกๆ ดูเหมือนไม่เข้าใจความดังของคุณแม่เท่าไหร่

แหม่ม : เขาก็งงค่ะ อย่างตอนแมค 7-8 ขวบ มีคนเจอแล้วยิ้มให้ เข้ามาขอถ่ายรูป เขาก็จะแบบแม่ๆ ทำไมเขารู้จักแม่ๆ เราก็อธิบายให้เขาฟังว่าเขาคงรู้จักจากที่แม่ออกทีวี ออกรายการบ้าง


ถาม ที่มีลูกเยอะเพราะกลัวลูกเหงา เพราะตัวเองมีแค่พี่ชายคนเดียว

แหม่ม : ใช่ค่ะ เพราะเราชอบ อยากมีลูกเยอะๆ ความที่เรามีพี่น้องแค่สองคน พอพี่วิลลี่ไม่อยู่ เหงามาก พอแม่ดุ ไม่มีพวกเรา ก็ไม่รู้ว่าจะหันไปหาใคร แต่ตอนนี้เรามีลูกสามคน เราทำความเข้าใจเลยว่าถึงเราเลี้ยงเหมือนกัน แต่นิสัยที่โดยกำเนิดไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันอะไรเยอะนะคะ เพราะบางคนอาจจะได้เราไป แต่อีกคนก็ได้จากคุณพ่อเขาไป


ถาม อยากจะบอกอะไรกับลูกๆ ทั้งสามคนที่เป็นหัวใจของคุณแม่บ้าง

แหม่ม คนเป็นแม่ทำทุกอย่างเพื่อลูกอยู่แล้ว อยากจะให้ลูกทั้งสามคนที่ดูอยู่นะคะ อย่าลืมสิ่งที่พ่อและแม่สอน เราจะต้องเป็นคนดีอย่างไร ดูแลระมัดระวังอะไร เป็นพี่น้องต้องรักกัน พี่ต้องดูแลน้อง น้องต้องเชื่อฟังพี่ เกิดวันใดวันหนึ่งแม่ๆ กับพ่อไม่อยู่แล้ว เราก็ต้องดูแลกันเอง แล้วก็รักใคร่กันมากๆ และที่สำคัญที่สุดเราต้องเป็นคนดีค่ะ (น้ำตาคลอ) แม่ๆ รัก แมค คิน เนซซี่ ที่สุด จะร้องไห้


ถาม ทุกวันนี้พูดได้เลยว่าชีวิตของ แหม่ม คัทลียา อยู่เพื่อลูก

แหม่ม : แหม่มว่าแม่ทุกคน ลูกต้องมาที่หนึ่งโดยอัตโนมัติ โดยสัญชาตญาณ แต่เชื่อไหมว่าเราไม่เคยเห็นตัวเองเวอร์ชั่นนี้เลย แต่ว่าถามว่าชอบเด็กไหม ชอบเด็กมาก ชอบเล่นกับเด็ก แต่เราไม่ได้นึกว่าจะแต่งงานเป็นคุณแม่ เป็นภาพที่ไกลมาก แต่เราก็ไม่ได้คิดว่าเราไม่อยากแต่งงาน เป็นเจ้าสาวที่กลัวฝนไหม ก็มีเหมือนกัน คนนี้ยังไม่น่าจะใช่


ถาม ในความเป็นแม่ที่ทำทุกอย่างเพื่อลูก แล้วในความภรรยา เป็นภรรยาสไตล์ไหน

แหม่ม : เราก็ไม่ได้มีภาพว่าเรามีสามีเราต้องเป็นสไตล์นั้น สไตล์นี้อยู่ในหัว แต่พอมีสามี เราก็ปรับเข้าหากันค่อนข้างมากโดยอัตโนมัติ น่าจะเป็นทุกบ้าน ซึ่งแหม่มรู้สึกว่าอะไรยอมได้ เราก็ยอม เราก็ให้เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวจริงๆ เราก็ไม่ไปข่ม ไม่ไปทับไลน์ หรือมีอะไรที่ต้องตัดสินใจ เราก็ให้เขาเป็นคนตัดสิน เราไว้ใจในการตัดสินใจของเขา


ถาม อะไรคือสิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้เราปรับตัวจากความโสดในวันนั้นเปลี่ยนมาเป็นภรรยา เป็นแหม่ม คัทลียา กระจ่างเนตร

แหม่ม : มีลูกค่ะ พอเรามีลูกเราก็ต้องปรับ ทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวนี้ไปได้ดีที่สุด ทุกข์ให้น้อยที่สุด ปัญหาให้น้อยที่สุด เพราะว่าเราทำเพื่อลูก แต่ถ้าถามว่าทำไมเป็นผู้ชายคนนี้ เพราะเขามีความใกล้เคียงคุณพ่อเราที่สุด เราเป็นคนที่ช่างจู้จี้เหมือนกัน เรื่องเยอะ ยอมรับเลย ที่ต้องเป็นผู้ชายคนนี้ เพราะเขาเป็นสุภาพบุรุษอันนี้สำคัญมาก

 

ถาม ผ่านอะไรต่อมิอะไรมากมาย 30 ปีในเส้นทางของวงการบันเทิงที่เราให้ความสุขกับคนอื่น เราต้องผ่านเรื่องราวที่มีทั้งเจ็บที่สุด เหนื่อยที่สุด และมีความสุขที่สุดมาแล้ว มีวิธีคิดและเป็นกำลังใจให้กับคนอื่นอย่างไรบ้างในการรับมือสิ่งที่เกิดขึ้น

แหม่ม : สำคัญที่สุดเลยนะคะ แหม่มว่าการมีครอบครัวที่อบอุ่นสำคัญมาก ไม่ว่าจะไปเจออะไรมาหนักหนา สาหัส ขาดความรัก ขาดความเข้าใจตรงไหน พอเราหันมา ครอบครัวจะซัพพอร์ตเราเสมอ ไม่ว่าจะเป็นก่อนที่เราจะมีครอบครัว ก็คือคุณพ่อ คุณแม่ หรือพี่วิลลี่ แหม่มโชคดีที่มีครอบครัวที่ดีและเข้าใจ สำคัญคือเราต้องพูดกันให้มากขึ้น ความรัก ความผูกพัน จิตใจที่ใสสะอาด และการมองโลกในแง่ดี ในแง่บวก การมีความหวัง มีกำลังใจ มันจะเป็นพลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้ชีวิตเราก้าวไปได้อย่างมั่นคงและแข็งแรง ต่อให้จะมีอุปสรรคอะไรก็แล้วแต่นะคะ อยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกคน ทุกคนเกิดมาเท่ากัน เพียงแต่ว่าตั้งสติให้ดี หากำลังใจจากคนรอบข้าง จากคนที่เขารักเรา เพราะฉะนั้นมองโลกในแง่ดี คิดบวก เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงค่ะ เป็นกำลังใจให้ อีกอย่างสำหรับตัวแหม่มเลยคือต้องขอบคุณครม. ที่รักและซัพพอร์ตให้กำลังใจแหม่มมาตลอด ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ติดตามผลงานแหม่มมาตลอด แล้วก็ที่ (น้ำตาไหล) พูดมาเสมอว่าถ้าไม่มีคนเหล่านี้ ก็คงไม่มีแหม่มวันนี้ ก็ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้มาโดยมาตลอด และดูแลหัวใจแหม่ม พูดเสมอคนเหล่านี้คือลมใต้ปีกแหม่มมาตลอด ขอบคุณค่ะ (ยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมน้ำตา)

s__65929227

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม