จากกรณีนายวิไล กองชุน ถูกนายนฤทธิ์ ชื่นบาน หรือ บอย แทงด้วยอาวุธมีด ข้าที่ใต้ราวนมข้างซ้าย 1 แผล เสียชีวิตหน้าบ้านที่เกิดเหตุ ก่อนที่คนก่อเหตุจะหลบหนีไป โดยเหตุเกิดในพื้นที่ หมู่ 10 ต.วังตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
วันที่ 15 ธ.ค. 63 ทีมข่าวเดินทางมาที่หมู่บ้านที่เกิดเหตุบ้านของนางเดือนเพ็ญ ชัชวาล ภรรยาคนตายและแม่คนก่อเหตุ พักอยู่บ้านชั้นเดียวยกใต้ถุนราว 50 เซนติเมตร ส่วนบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างยกใต้ถุนสูง
นางเดือนเพ็ญ ภรรยาผู้ตาย ซึ่งอยู่ในอาการเสียใจ เปิดเผยว่า ตนเองขอให้ลูกชายกลับมามอบตัว ทุกอย่างจะได้ดีขึ้น วิงวอนขอให้ลูกกลับมา เพราะตอนนี้ตนเองก็อยู่ด้วยความลำบาก
โดยเหตุที่เกิดขึ้นเกิดช่วง 19.00 น. นายวิไล กระทืบทำร้ายตนบริเวณที่นอน โดยคิดว่าลูกชายคนจะเห็น และคงโกรธที่เห็นนายวิไลทำร้ายตน เนื่องจากตอนนั้นตนได้ยินเสียงลูกชายตะโกนมาว่า "แม่ก็ตัดใจจากเขาไม่ได้สักที" แต่ลูกชายไม่ได้เดินมา โดยขาตนยังมีรอยเขียวช้ำอยู่ และมีรอยช้ำตามร่างกาย เหตุที่นายวิไลทำร้ายตนเนื่องจากความหึงหวง ซึ่งไม่แน่ใจว่าหึงอะไร
ทั้งนี้ นายวิไลทำร้ายตนตนบ่อยมาก ตนคบกับนายวิไลมาราว 14 ปี ตนเองตัดความรำคาญจึงเดินไปที่บ้านเกิดเหตุ เพื่อไปกินเหล้ากับนายประมวล บ้านข้างกัน แต่สามีก็ตามไปอาละวาด ไปทำร้ายตนอีก กระทืบและตบตน ตอนเกิดเหตุตนเองไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนเกิดเหตุนายวิไลขอตัวไปซื้อเหล้า และจากนั้นก็หายไปเป็นชั่วโมงแล้วไม่กลับมาอีก ตนเองนั่งกินเหล้ากับนายประมวล ก็ไม่ทราบว่าเหตุอะไรเกิดขึ้น
นางเดือนเพ็ญร้องไห้ตลอดการสัมภาษณ์ ระบุว่า ตนเองไม่รู้ลูกชายมาตอนไหน ไม่รู้ไปทะเลาะกันอย่างไร ตนเองมาเห็นอีกที ลูกสาวคนตายร้องเรียก "พ่อ ๆ ๆ" ตนคิดว่าลูกสาวคนตายมาตามกลับบ้าน ตนจึงกลับมานอนที่บ้านตน จนกระทั่งตำรวจมาเรียกตน ตนจึงทราบว่าเกิดเหตุ ตนเองเห็นว่าสามีนอนอยู่จุดเกิดเหตุ ตนไม่รู้ว่าเขาตาย ตนคิดว่าสามีหลับไปเท่านั้น และตนเองไม่เห็นว่าลูกชายตนอยู่ที่ไหน ตนเองเห็นแค่ว่าลูกชายอยู่แถวบ้าน แต่ไม่ทราบว่าทะเลาะอะไรกัน
"ลูกชายกับสามีตนรักกันดี ไม่คิดส่าจะมีเหตุแบบนี้เกิดขึ้น เวลานายวิไลมีเรื่อง นายบอยก็จะไปช่วยเหลือ สองคนนี้ช่วยเหลือกันดี ทุกอย่างมันไวมาก ตนเองไม่ทราบว่าลูกหนีไปไหน ตนพาตำรวจไปหาตามบ้านญาติก็ยังหาไม่เจอ ตอนนี้ตนเองอยากไปอยู่กับสามี อยากไปนอนอยู่ข้างสามี ตนเองไม่โกรธลูกชาย ขอแค่ให้ลูกกลับมาเพื่อให้ตนมีกำลังใจอยู่ต่อ ตอนนี้ตนเองไม่มีกำลังใจเลย"
ทั้งนี้ ร่างสามีตนเองก็ไม่สามารถไปดูได้ ครอบครัวสามีไม่ให้ตนไปงานศพ ตนเองอยากไปหาสามี ตนเองอยากเห็นหน้า ตนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องห้ามตนด้วย ตนไม่เข้าใจว่าจะห้ามตนทำไม
ระหว่างที่ทีมข่าวเดินกลับออกมาจากบ้านที่เกิดเหตุ พบว่านางเดือนเพ็ญมีอาการเครียด นั่งถือมีดทำครัวอยู่ ลักษณะแกว่งไปมา ทีมข่าวจึงเข้าไปสอบถาม กลัวจะทำร้ายตัวเอง นางเดือนเพ็ญร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ระบุว่า ต้องการจะไปกราบศพสามี หากไม่ได้ไปตัวเองอยากจะคิดสั้นฆ่าตัวตายเพื่อไปอยู่กับสามี
ต่อมา ทีมข่าวได้พูดคุยจนนางเดือนเพ็ญจนอาการเย็นลง จนสุดท้ายนางเดือนเพ็ญยอมวางมีด และยื่นให้ทีมข่าว ด้านทางญาติของผู้เสียชีวิตให้นางเดือนเพ็ญไปกราบศพได้
ทีมข่าวรับนางเดือนเพ็ญเพื่อไปงานศพ นางเดือนเพ็ญนั่งรอด้วยความหวังบนรถของทีมข่าว และมีสีหน้าที่ดีขึ้นหลังทราบว่าแม่สามีอนุญาตให้ไปกราบศพได้ ระหว่างทางได้ร้องไห้ออกมาหนักมาก ระบุว่าจะได้ไปกราบศพสามีเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อร่ำลา ระหว่างทางมีการจับมือทีมข่าวแน่นมาก พร้อมร้องไห้ตลอด
เมื่อไปถึงที่วัด นางเดือนเพ็ญลงจากรถและเดินไปหน้านางบังอร แม่สามีทันที โดยยกมือพนมและกราบลงที่เท้า นางบังอรได้พูดออกมาทำนองว่า "ในอดีตนางเดือนเพ็ญไม่เคยเห็นหัวแม่ พูดจาไม่มีเยื่อใย โดยขอให้นางเดือนเพ็ญไปกราบศพลูกชายตน ไม่ต้องมาไหว้ตน ตนเองขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วขาดกันไปเลย ไปทางใครทางมัน มาทางไหนให้ไปทางนั้น สมัยที่อยู่บ้านตน ก็ไม่เคยทำตัวให้เมตตา ขอให้ไปกราบศพแล้วก็แยกกันไป"
จากนั้น นางเดือนเพ็ญได้ไปที่หน้าโลงศพนายวิไล จุดธูป 1 ดอก และไว้ขออโหสิกรรม พร้อมขอให้หากชาติหน้ามีจริง ขออย่าได้เจอกันอีก หรือหากมาเจอกัน หลังจากนั้นนางเดือนเพ็ญเคาะโลงพูดคุยกับร่างไร้วิญญาณ แล้วร้องไห้หนักมาก พร้อมกอดโลงศพ บอกกับสามีว่าจะกลับมางานศพอีกครั้งในวันเผา นางเดือนเพ็ญยังพยายามพูดขอให้นายวิไลตื่นขึ้นมา บอกให้ผู้ตายกลับมาหาตัวเองบ้าง
ก่อนกลับ นางเดือนเพ็ญ ได้ไปกราบญาติ ๆ และแม่ของนายวิไลอีกครั้ง พร้อมโผกอดกับนางบังอร ซึ่งนางบังอรบอกว่า "ขออย่าได้ยุ่งเกี่ยวกันอีก" จากนั้นน้องชายของนายวิไลได้เดินมาด้วยอารมณ์โกรธ ถามว่าที่ผ่านมาเคยสำนึกไหม ทำไมนายบอยต้องทำขนาดนี้
โดยนางเดือนเพ็ญพยายามบอกว่าตนเองไม่ทราบเรื่อง แต่น้องชายนายวิไลบอกว่าลูกของนางเดือนเพ็ญควรรู้สำนึก พร้อมไล่นางเดือนเพ็ญออกไปจากวัด และขอให้ย้ายออกไปจากหมู่บ้านที่อาศัยอยู่
ล่าสุด พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมรอง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ได้เดินทางไปที่ สภ.วังตะเคียน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและผลการสืบสวนติดตามคนร้าย
โดยผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปในพื้นที่ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว เนื่องจากทราบว่าพ่อแท้ ๆ ของนายบอยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ไปรอดักซุ่ม เพื่อจับกุมตามหมายจับของศาลจังหวัดกบินทร์บุรี พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อไป