"โย ทัศน์วรรณ" ขึ้นแท่นเน็ตไอดอลสูงวัย รวมเพื่อนนักแสดง "แก๊งนางพญา" ทำคอนเทนต์ออนไลน์!!

นักแสดงอาวุโสที่ฝีมือชั้นครู "โย ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา" นอกจากจะเป็นนักแสดงอยู่เบื้องหน้ามาอย่างยาวนานแล้ว ตอนนี้ยังเป็นแอคติ้งโค้ช ที่คอยสอนการแสดงให้กับดารา นักแสดงรุ่นลูกรุ่นหลานในวงการบันเทิงอีกมากมาย เรียกว่ามีลูกศิษย์ลูกหาไม่น้อยเลยทีเดียว ล่าสุดมาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ แอบเขินถูกยกให้เป็นเน็ตไอดอลสูงวัย รวมเพื่อนนักแสดง "แก๊งนางพญา" บุกทำคอนเทนต์ออนไลน์ เผยยังคงรับงานละคร 7 วัน เพราะเป็นคนชอบทำงาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดปมในใจ "หยวน ดราก้อนไฟว์" ขาดความอบอุ่นจากครอบครัว
- "พรฟ้า ปุณิกา" ปิดเส้นทางประกวดนางงาม 8 ปี อยากผลิตนางงามคุณภาพสู่เวทีโลก!
- "แจง วราพรรณ" ใช้ธรรมะเยียวยาใจ ต่อสู้มะเร็งเต้านมกว่า 5 ปี
- "แอริน ยุกตะทัต" สัมผัสลี้ลับแรง โดนทักมีผีตามขี่คอไม่ยอมปล่อย!
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่    

ถาม ขึ้นแท่นเป็นเน็ตไอดอลอีกคน

อาโย : ลูกทำค่ะ ตอนแรกก็นำเสนอโน้นนี่นั่น ไปกินของอร่อย ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ไปช้อปปิ้งย่านที่เก่าแก่ อย่างลูกสาวพาเราไปที่สยามสแควร์ เราก็จะเล่าย้อนให้เขาฟังว่าเมื่อก่อนเป็นยังไง แตกต่างจากสมัยนี้ยังไง ให้คนดูฟัง แล้วก็แตกยอดออกไป มีเพื่อนๆเข้ามาแจมอีกอย่าง คุณติ๋ว-อรสา, คุณก้อย แล้วก็พี่จิ๋ม แล้วเราก็จะนัดกันแต่งตัว


ถาม มีชื่อแก๊งไหม

อาโย : แก๊งนางพญา ไปที่ไหนก็จะเสียงดัง เฮฮาปาร์ตี้มาก แม้กระทั่ง Live ขายเสื้อผ้ากันตอนแรก ขายเสื้อผ้ากองถ่าย กองของที่ลูกสาวทำ ไปๆ มาๆ คนโน้นคนนี่เอาเสื้อผ้ามา พอเราขายคนดูบอกว่าเราชอบมาก เพราะไม่เคยเห็นลุคนี้ของแม่ๆ เลย โดยเฉพาะคุณดวงใจ เขาจะเป็นคนเรียบร้อย พอทุกคนเห็นก็จะบอกว่าไม่เคยเห็นลุคนี้ของคุณดวงใจเลย แต่เขาเป็นคนเรียบร้อยจริงๆ แต่พออยู่กับเพื่อนๆ เพื่อนทำอะไรเขาก็ทำด้วยไปด้วยกับเพื่อน จนเราตั้งชื่อให้เขาว่ามิสอนามัย เพราะเขาเป็นคนสะอาดมาก จะมีกล่องอยู่หนึ่งกล่องที่ไปไหนต้องไปด้วย จะมีสำลีชุบเดทตอล อย่างเมื่อก่อนมีโทรศัพท์ตู้สาธารณะ เขาจะเช็คตั้งแต่ประตูไปถึงโทรศัพท์ เช็คหมดทุกอย่าง อย่างถ้าเราไปหาเขา เขามายืนคุยกับเราไม่ถึง 5 นาที แล้วพอเรากลับ เขาต้องไปอาบน้ำใหม่เลย

อาโย : ส่วนพี่ติ๋ว อรสา เป็นคนที่ขาสวยมาก หุ่นเขาคือหุ่นนางงาม เขาจะเป็นคนแต่งตัวดี เลือกเสื้อผ้าได้เก๋มากตั้งแต่สาวๆ แต่เขาเป็นคนที่คิดดังมาก อย่างเรา ถ้าเราคิด จะคิดในใจใช่ไหม ปวดหัวจังเลย แต่กับคุณอรสา เขาจะพูดออกมาเลยว่าปวดหัวจังเลยต้องหายากินๆ ทุกอย่างที่เขาคิด เขาจะพูดออกมาหมด แล้วคือคุณอรสา เคยโดนขโมยปีนเข้าบ้านด้วย เขาก็ลงมาเจอแล้วถามขโมยว่ามาทำไม ขโมยมันก็บอกว่าหิว เขาก็เลยเอาน้ำให้ขโมยดื่มอีก แล้วยังแถมจะเปิดประตูให้ขโมยมันออกไปอีก แต่ขโมยบอกว่าไม่เป็นไรครับ ผมมาทางไหนก็จะไปทางนั้น มันก็ปีนต่างหน้าออกไป (หัวเราะ)

อาโย : ส่วนคุณก้อยนะคะ ตอนนี้เขาเป็นสายธรรมะธรรมโม เขาสนิทกับพระเยอะมาก มีเบอร์พระเยอะมาก คุณก้อยจัดอีเว้นท์งานบุญได้เลยนะคะ เก่งมาก ถ้าทำเกี่ยวกับวัดอะไรเหล่านี้

อาโย : พี่จิ๋มจะเป็นพี่ใหญ่ของพวกเรา จะเป็นคนที่ช้ากว่าเพื่อน จะเรียบร้อย จะช้าๆ เป็นผู้ใหญ่ แล้วพี่จิ๋มเป็นคนที่ทำอาหารอร่อยมาก ชอบทำอาหารให้พวกเราทานกัน แต่จะเป็นคนที่เต้นแอโรบิกหรือเล่นโยคะ จะเป็นคนที่คร่อมจังหวะตลอดเวลา

อาโย : แต่เราจะเป็นคนที่เสียงดังที่สุดในกลุ่ม จะเป็นนักเลง ถ้ามีหนุ่มๆ เข้ามาจะจีบเพื่อน เราจะถามเพื่อนก่อนว่าชอบไหม ถ้าเพื่อนไม่ชอบ เราจะเข้าไปขว้างเลย

ถาม แต่ช่วงที่ผ่านมาต้องบอกว่าทุกคนยังงานเยอะ แต่ในช่วงโควิด ละคร 7 วัน ยังมีเวลาไปทำอาหารขาย

อาโย : ลูกสาวเป็นผู้จัด ตอนช่วงโควิดเขาห้ามออกจากบ้าน ต้องยกกอง เราก็นึกถึงพวกรายวันที่อยู่ในกอง เขาจะเอาอะไรกินกัน พวกแม่ครัวกองถ่ายก็ไม่ได้ออกกอง ก็เลยคิดกับลูกสาว ช่วยแม่ครัวกองถ่าย เขาทำน้ำพริกอร่อยมาก เขาทำน้ำพริกกากหมู ปลาย่าง น้ำพริกเผา เขาก็ทำมาให้ แล้วเราก็ขายออนไลน์ ปรากฏว่าขายดีมาถึงทุกวันนี้ จนแม่ครัวต้องจ้างคนมาช่วยทำ เขาก็มีรายได้


ถาม คือ มีเมนูที่แม่โยทำอร่อยมาก จนมีรถมารับของแล้วต้องไปส่งลูกค้า แต่ไม่ไปส่ง

อาโย : ไข่พะโล้ค่ะ เป็นสูตรของเราเอ งเราจะไม่ใส่เครื่องพะโล้ ใส่แค่รากผักชี กระเทียม พริกไทย ส่วนน้ำที่เป็นสีดำ เราใส่ซีอิ๊วค่ะ ตอนแรกที่เราเริ่มทำ พอมีคนได้ชิมก็บอกว่าอร่อย ก็บอกว่าจะซื้อ เราก็เลยทำขาย แล้วที่บอกว่าของส่งไม่ถึงลูกค้า เพราะมีลูกค้าสั่งซื้อทางออนไลน์มา แล้วก็มีมอเตอร์ไซค์มารับ แล้วมอเตอร์ไซต์หายไปเลย ลูกค้าที่สั่งเขาก็บอกเราว่ายังไม่ได้รับของ เราก็เช็คไปตอนแรก เพราะคิดว่ามอเตอร์ไซค์เป็นอะไรหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่ได้เป็นอะไร แต่เขาหายไปเลย ไม่ติดต่อกลับมา แล้วไม่ได้มาทำงานอีกเลย


ถาม ทุกวันนี้ อาโย ยังทำงาน 7 วัน เป็นความตั้งใจไหม

อาโย : เป็นคนชอบทำงาน ชอบถ่ายละคร แต่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมีถึง 7 วัน มันเป็นแบบนั้นมาเอง


ถาม ตลอด 50 ปีที่อยู่ในวงการบันเทิง

อาโย : ไม่เคยงานขาดเลยค่ะ สูงสุดที่รับพร้อมกันทีเดียวคือ 9 เรื่อง เราจัดคิวเองไม่เคยมีปัญหาเลยค่ะ ไม่มีผู้จัดการ ขับรถก็ขับเองเพราะเราเป็นคนที่แข็งแรงด้วย ไม่ค่อยป่วย ไม่ค่อยเหน็ดเหนื่อย


ถาม ปัจจุบันยังสอนนักแสดงอีกด้วย

อาโย : ที่เราสอน จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะสอนนะ อันนี้ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อเหมือนกัน เพราะเราเคยเจอหมอดูขึ้นชื่อว่าดูแม่น แล้วเขาก็ทักเราว่าวันหนึ่งเราต้องไปสอนคนนะ เราก็ตกใจเพราะเราไม่ได้เป็นครูและไม่เคยคิดว่าอยากเป็นเลย แต่เขาบอกว่าเราพูดเก่งนะ เราก็คิดว่าเพราะเราเป็นนักแสดง เราต้องพูดเก่งอยู่แล้ว เขาก็บอกว่าไม่ใช่ครับ สอนคน และหลังจากที่เขาทักเรา ไม่นานมีผู้จัดทักเรามาว่า พี่โย พี่โยมาสอนน้องๆ เด็กๆ หน่อยได้ไหมคะ ก็ได้ไปสอนเด็กๆ ที่จะมาเล่นละคร หรือนักแสดงที่เขาเข้าไม่ถึงบท เขาก็ให้เรามาสอน ตอนแรกเราก็ยังไม่มั่นใจเพราะเราไม่เคย แล้วอยู่ๆ ก็มีที่ที่หนึ่งเขาเปิดสอนการแสดงใหญ่ เขาก็มาเชิญไปสอน เพราะเราเป็นคนชอบเด็กไงคะ ก็มีมาให้สอนเรื่อยๆ แล้วพอเวลาเรื่องไหนที่มีบทยากหรือนักแสดงไปไม่ถึง เขาก็จะมาเรียกเราไปเป็นโค้ชในกอง

ถาม บทอะไรยากสุด

อาโย : มันยากทุกบทนะคะ ถ้าคุณไม่เข้าใจ ต่อให้บทง่ายๆ ถ้าคุณไม่เข้าใจ ไม่ค้นคว้า ไม่ทำความเข้าใจให้ดี ยาก


ถาม และลูกศิษย์คนล่าสุดคือน้องพลอยเจ ลูกของคุณเจจินตัย เขาบอกว่าแม่โยเป็นคนบอกว่าเอามาเรียน

อาโย : เราก็บอกว่าเอาลูกสาวมาเรียนๆ เจเขาก็ถามเราว่าได้เหรอครับ เราก็บอกว่าลองเอามาดู น้องพลอยเจเป็นเด็กเล็กที่สุดในห้องเรียน แต่นางมีจินตนาการมาก ถ้าให้เวลาอีกหน่อย ต้องเป็นนักแสดงแน่นอน


ถาม ความถึงเรื่องความรักของแม่โย มีบ้างไหม

อาโย : ไม่มีเลย เป็นคนไม่ใส่ใจเรื่องนี้ตั้งแต่สาวๆ แล้ว ถ้าสมมติว่าคบเล่นๆ แก้เหงา ไม่เอา ไม่ได้


ถาม มีคนมาจีบเยอะไหม

อาโย : ก็มีมานะคะ แต่ก็ไม่ได้เยอะ เราเป็นคนไม่เปิดแล้วก็ไม่ได้สนใจ ถ้าไม่ชอบแล้วมาเล่นๆ สนุก ไม่ได้ แล้วเราก็ไม่มีมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่เป็นไร อยู่ได้แล้วสบายๆ เพราะมีน้องขวัญ ลูกสาวมาเติมเต็มเราทุกอย่าง แล้วมีอะไรให้เราทำเยอะแยะไปหมดเลย ไหนจะอยู่กับเพื่อน เล่นละคร เราก็ไม่มีเวลาไปคิดอย่างอื่นแล้ว และที่ทำให้เรามีความสุขทุกวันนี้ คือเราไม่คิดลบเลย อะไรที่ทำแล้วเป็นสาเหตุของปัญหา เราจะตัดตั้งแต่ต้น เราก็จะได้ไม่เป็นทุกข์

อาโย : สิ่งที่อยากฝากท่านผู้ชมทุกท่านนะคะ ทุกข์ สุข มันอยู่ที่ใจเรา มันอยู่ที่ความคิดของเรา อยู่ที่ใจของเราว่าเราจะไปคิดให้มันทุกข์ หรือให้มันสุข มันอยู่ที่ตัวคุณเองทั้งนั้น อย่าไปคิดลบ ให้คิดบวกเอาไว้ ปัญหาที่หาทางแก้ไม่ได้เราก็ทิ้งมันไปเลย ไม่ต้องไปสนใจมัน เราเอาเวลาไปทำมาหากินอย่างอื่นดีกว่า