กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ยุพิน จันทร์ศรี" ลงภาพนิ่งและเล่าเรื่องราว ระบุว่า "ใครเห็นหรือเจอผู้ชายและน้องผู้หญิงในรูปนี้ช่วยแจ้งเบาะแสให้หน่อยนะคะ คือน้องผู้หญิงเขาโดนผู้ชายคนนี้ฉุดไปจากที่ทำงานเมื่อวานนี้ค่ะ ใครเจอช่วยแจ้งไปที่ตำรวจให้หน่อยนะคะ #ตอนนี้ครอบครัวเป็นห่วงน้องมากเลยค่ะ #หรือแจ้งมาในเฟสนี้ก็ได้ค่ะ ช่วยแชร์ให้หน่อยนะคะ ขอขอบคุณล่วงหน้านะคะ"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตามหาสาว เพื่อนผัวเก่าฉุดหายจากที่ทำงานข้ามวัน แม่ตามหาวุ่นจนเป็นลม
วันที่ 17 ธ.ค. 63 ทีมข่าวเดินทางไปที่บริษัทสินเชื่อเงินด่วน ย่านพัฒนาการ กรุงเทพฯ จุดเกิดเหตุที่นางสาวปอ อายุ 31 ปี ถูกนายบอย หรือ วรวิทย์ เตียวเจริญกิจ อายุ 38 ปี บุกเข้าไปช่วงระหว่างทำงานของวันอังคารที่ 15 ธ.ค. 63 เวลา 16.00 น. โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงานบริษัท ก่อนจะกระชากนางสาวปอออกไปนอกบรษัท พร้อมกับมีการทำร้ายร่างกาย
พนักงานในบริษัทที่คนเห็นเหตุการณ์ และเพื่อนร่วมงาน ส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธให้ข้อมูล อ้างว่ามีการให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว และไม่กล้าให้ข้อมูล กลัวว่าจะถูกทำร้าย เนื่องจากนายบอยมีอาวุธปืน ส่วนในที่เกิดเหตุมีระบบวงจรปิดติดตั้งอยู่ สามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ทั้งหมด แต่ด้วยเป็นเหตุอุกอาจ เจ้าหน้าที่จึงได้นำไปตรวจสอบแล้ว รวมถึงติดตามจากรถยนต์ของนายบอย
นางกลิ่น (นามสมมติ) อายุ 49 ปี น้าของนางสาวปอ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตนเองได้รับประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีชายเข้ามาอุ้มนางสาวปอ หลานตัวหลาน หายตัวไปจากบริษัท โดยในช่วงเวลาเกิดเหตุ นายบอย แฟนของนางสาวปอ คนก่อเหตุ ได้เข้ามาพร้อมกับอาวุธปืน ขับรถจอดด้านหน้าบริษัท และตรงเข้าไปใช้อาวุธปืนข่มขู่ ประกาศว่า "ใครไม่เกี่ยวข้องไม่ต้องมายุ่ง" ซึ่งทำให้พนักงานตื่นตระหนก ไปรวมตัวกันหลังเคาน์เตอร์ แล้วเรียกให้นางสาวปอมาเจอ
จากนั้น ได้ใช้อาวุธปืนข่มขู่หลานสาว ใช้มือจิกผม ลากออกจากบริษัท บังคับให้ขึ้นรถเก๋งซีวิค สีดำ ทะเบียน ศฏ 3934 กรุงเทพฯ ซึ่งนางสาวปอขัดขืนจึงถูกใช้ด้ามปืนตบ ทุบตีจนช้ำเขียว ขึ้นรถมุ่งหน้าขึ้นไปทางภาคเหนือ จนถึงวันนี้ผ่านไป 2 วัน ยังไม่รู้ชะตากรรม มีเพียงเฟซบุ๊กของหลานสาวซึ่งมีนายบอยเป็นคนเล่น โพสต์ภาพหลานสาวหลังโดนทำร้ายที่มีใบหน้าเขียวช้ำ
สำหรับ นายบอย คนที่ก่อเหตุ เป็นแฟนปัจจุบันของนางสาวปอ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนฟ้องหย่าในศาล โดยทั้งคู่คบหากันมานานกว่า 4 ปี มีลูกชาย 1 ขวบ 6 เดือน 1 คน แต่ในช่วงหลังประมาณ 2 ปี นางสาวปอได้ย้ายมาทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเงินเลี้ยงดูลูกเพียงลำพัง ส่วนลูกชายได้นำไปฝากแม่ที่อยู่ จ.แพร่ เลี้ยงเอาไว้
ก่อนหน้านี้ ยอมรับว่าทั้งคู่รักกันดี เหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป แต่หลังจากที่เริ่มตั้งท้องและหลังคลอดลูกมักถูกนายบอยทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง ทุบตีใบหน้า หัว และใช้ด้ามอาวุธปืนซ้อมทำร้าย และเคยมีเหตุการณ์รุนแรงสุด ในสมัยที่นางสาวปอกำลังตั้งท้อง นายบอยเกิดความหึงหวง เห็นนางสาวปอเล่นเฟซบุ๊กจึงเกิดความเข้าใจผิด เข้าไปใช้ด้ามปืนและกำปั้นทำร้ายร่างกาย จนกระทั่งสลบ และต้องผ่าตัดส่งโรงพยาบาล
อีกทั้งยังเคยมีเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ประมาณ 3 ปีก่อน ตอนนั้นนางสาวปอยังคงรับราชการเป็นครูอยู่ในโรงเรียนที่ จ.ชัยภูมิ โดยทุกเช้านางสาวปอจะแต่งชุดข้าราชการครูไปทำงาน แต่ด้วยในโรงเรียนมีครูผู้ชาย นายบอยจึงเกิดความระแวง และกลัวว่าแฟนตัวเองจะไปคุยกับคนอื่น กลับมาถึงบ้านจึงได้มีปากเสียงกัน พร้อมทั้งมีการชกต่อยจนใบหน้าช้ำเขียว ซึ่งวันรุ่งขึ้นนางสาวปอไม่กล้าที่จะไปสอนเด็กนักเรียน เนื่องจากอับอาย จนกระทั่งต้องลาออกจากความเป็นครูในที่สุด
เหตุการณ์ถูกทำร้ายร่างกายไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง จึงทำให้นางสาวปอทนไม่ไหว ตัดสินใจหอบลูกหนีออกจากบ้าน ดำเนินคดีในชั้นศาลเพื่อฟ้องหย่า หลังจากที่นางสาวปอ ตัดสินใจแยกทางกัน นายบอยก็ได้ไปมีหญิงอื่น 2 คน ลักษณะรัก ๆ เลิก ๆ
ขณะที่แม่ของนางสาวปอ หลังทราบข่าวถูกโทรมาข่มขู่ว่า "จะฆ่าตายยกครัว" จึงทำให้เกิดอาการช็อก ต้องเข้าโรงพยาบาลทันทีหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาได้ก็เอาแต่ร้องไห้ จากนั้นก็ช็อกหมดสติต่อ เป็นเหตุการณ์ที่ครอบครัวไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ตนเชื่อว่าตอนนี้หลานสาวยังมีชีวิตรอด แต่เพียงถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ อยากบอกนายบอยว่า "เวรกรรมมีอยู่จริง อย่าคิดทำอะไรที่ไม่ดี เพราะฝ่ายหญิงมีลูกต้องดูแล ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ลูกน้อยจะอยู่อย่างไร"
ทีมข่าวได้รับคลิปวิดีโอที่บันทึกช่วงเหตุการณ์ หลังจากที่นายบอยพาตัวนางสาวปอออกไป ในวันที่ 15 ธ.ค. บังคับให้นางสาวปอ พูดคุยกับญาติ มีการทำร้ายร่างกายโชว์ให้ญาติดู จับใจความได้ว่า "แหมตัวเองมีใคร เอ้าพูดสิ พูดมาสิ ถุย บอกแม่แล้ว บอกแม่แล้ว พอแล้วพี่อย่าทำหนู ตายก็ตายด้วยกันนี่แหละ ก็กูยอมตายอยู่แล้ว" โดยมีเสียงแม่ของผู้เสียหายพูดแทรกขึ้นมาว่า "ไอบอย มึงไม่คิดถึงลูกบ้างหรา"
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านผู้เสียหาย ต.นาพูน อ.วังชิ้น จ.แพร่ นางสายสวรรค์ หมื่นนาหวัง อายุ 50 ปี แม่ของน้องปอ อยู่ในอาการเสียใจ ร้องไห้ตลอดเวลา เปิดเผยว่า ลูกสาวคบหานายบอยมา 4 ปี ตอนยังไม่ท้อง ก็โดนตบตีมาโดยตลอด จนกระทั่งน้องปอ คลอดลูกได้ 3 เดือน จึงเลิกกัน และฝ่ายชายพยายามมาขอโทษมาขอคืนดี แต่ไม่เป็นผล หลังจากนั้น นายบอยไปมีเมียใหม่อีก 2 คน ได้ข่าวว่าหนีไปอยู่ประเทศลาว แต่ไม่รู้ว่ากลับประเทศไทยเมื่อไร
หลังจากนั้น ลูกสาวไปทำงานที่กรุงเทพฯ 1 ปีกว่า วันเกิดเหตุ 15 ธ.ค. 63 ช่วงบ่าย นายบอยบุกมาเอาปืนจี้ลูกสาวถึงที่ทำงาน พร้อมฉุดกระชากลากออกจากบริษัท หลังจากนั้นติดต่อไม่ได้อีกเลย ตนไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.คลองตัน รวมทั้งประสานไปยังบ้านฝ่ายชายที่ จ.สุพรรณบุรี ญาติช่วยติดตามมาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าลูกไปอยู่ที่ไหน มีแต่ข้อมูลว่าไปอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี
ทั้งนี้ ทราบว่าผู้ชายบังคับให้ลูกสาวไปซื้อของ โดยแม่ค้าถ่ายคลิปเอาไว้ได้ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย ตนไม่คิดว่านายบอยจะทำกันแบบนี้ เห็นคลิปวิดีโอแล้วใจคอไม่ดี พยายามทำใจแล้ว แต่ก็ทำใจไม่ได้ จะฝืนทำใจแข็งก็ทำใจไม่ได้ หลานไม่ได้เห็นหน้าแม่หลายวันแล้ว ตนรู้สึกเสียใจ เป็นห่วงลูกสาวจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ อยากได้ลูกสาวกลับมาอย่างปลอดภัย อยากให้คุยกันดี ๆ
ทีมข่าวได้ตรวจสอบเส้นทาง รถยนต์ของนายบอยออกจากบริษัทย่านพัฒนาการ มุ่งหน้าไปที่ จ.สุพรรณบุรี ภาพจากกล้องวงจรปิด ช่วงดึกของวันที่ 15 ธ.ค. รถของนายบอยพานางสาวปอมาหลับนอนอยู่ริมข้างทาง บริเวณสามแยก ถนนอำเภอด่านช้าง-อำเภออู่ทอง
นอกจากนี้ พบว่าบนเฟซบุ๊กของนางสาวปอมีการเคลื่อนไหว ซึ่งมีนายบอยเป็นคนโพสต์ วันที่ 15 ธ.ค. 63 เป็นภาพนายบอยกับนางสาวปอ วันที่ 16 ธ.ค. 63 ระบุว่า "มารับศพหน่อย" เช็กอินอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี
นางสาวเปิ้ล (นามสมมติ) คนที่เจอกับนายบอยและนางสาวปอ เปิดเผยว่า ช่วงเช่าวันที่ 16 ธ.ค. 63 ตนเองพบเห็นรถเจ๋งซีวิค ป้ายทะเบียนกรุงเทพฯ ขับมาจอดบริเวณหน้าร้านข้าว จากนั้นได้ลงไปสั่งกับข้าว 2 กล่อง เมนูข้าวกะเพราหมู ตอนนั้นยังไม่เห็นฝ่ายหญิงลงมาจากรถ ซึ่งคิดว่าขับรถมาคนเดียว
จนกระทั่งเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ฝ่ายชายได้บังคับให้ผู้หญิงลงจากรถ พร้อมกับพูดว่า "กูให้เวลามึงเล่นมือถือได้ ตามเวลาที่แม่ค้าผัดข้าว หากเสร็จแล้วมึงต้องเลิกเล่นทันที" โดยจังหวะทึ่อนุญาตให้ฝ่ายหญิงเล่นมือถือนั้น นายบอย ยังพูดอีกว่า "ให้มึงเช็กอิน ให้มึงบอกญาติ แล้วให้พาตำรวจมาจับกู และเอาศพมึงไปด้วย" ครั้งแรกตัวเองก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องผัวเมียทะเลาะกัน จึงไม่กล้าเข้าไปยุ่งจนกระทั่งมาเห็นโพสต์และเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถามข้อมูล จึงทราบว่าเป็นเหตุการณ์เดียวกัน
ขณะที่พฤติกรรมของผู้หญิง หลังจากที่โดนนายบอยข่มขู่ก็อยู่ในอาการตกใจ พร้อมกับอาการอ่อนเพลีย ใบหน้าของนางสาวปอมีรอยช้ำเขียวบริเวณหน้าผาก และตามโหนกแก้ม เชื่อว่าฝ่ายหญิงจะไม่กล้าส่งสัญญาณบอกเพราะกลัวในเรื่องของความปลอดภัย
ความเคลื่อนไหวล่าสุด เฟซบุ๊กของนางสาวปอที่มีการโพสต์ข้อความระบุจุดเช็คอินบ้านเขาสลัก อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ตรวจสอบสัญญาณมือถือและสัญญาณ GPS พบว่าอยู่บริเวณใกล้เคียง