ถ้าเอ่ยชื่อ “ตู้ ดิเรก อมาตยกุล” แน่นอนหลายคนต้องนึกถึงบทเพลงที่โด่งดังในตำนานหลายเพลง ยกตัวอย่าง เช่น สาวบางโพ เด็กวัด และอีกมากมายหลายเพลงที่ฮิตมาจนปัจจุบัน พร้อมกับฉายา ศิลปินฉายามนุษย์ไร้กระดูก ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เผยประสบการณ์เต้นยับจนตกเวที พร้อมเปิดใจเหตุไม่ยอมผ่าตัด เพราะกลัวเต้นไม่ได้ตลอดชีวิต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-"เอกราช สุวรรณภูมิ" เจ้าพ่อเพลงดังล้านตลับ หลงระเริงชื่อเสียงเงินทอง จนต้องกลับไปทำนา!
- "โย ทัศน์วรรณ" ขึ้นแท่นเน็ตไอดอลสูงวัย รวมเพื่อนนักแสดง "แก๊งนางพญา" ทำคอนเทนต์ออนไลน์!!
- เปิดปมในใจ "หยวน ดราก้อนไฟว์" ขาดความอบอุ่นจากครอบครัว
- "พรฟ้า ปุณิกา" ปิดเส้นทางประกวดนางงาม 8 ปี อยากผลิตนางงามคุณภาพสู่เวทีโลก!
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม ตู้ ดิเรก มนุษย์ไร้กระดูกที่ดังมากในยุค 80 น่าจะเป็นคนแรกที่ทำให้เราเห็น Moonwalk ในไทยเริ่มต้นจากอะไรทำไมเอาท่านี้มาเต้น
ตู้ ดิเรก : ตอนนั้น วงเพลสซิเดนท์ เมื่อ 40 ปีที่แล้วได้ไปอเมริกาครับ ได้ไปแสดงโชว์ที่นั่นแล้วผมได้ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเห็น Michael Jackson เต้นอยู่ในทีวี ผมเห็นผมช็อคเลยครับ ตอนนั้นผมเป็นนักร้องนำวงเพลสซิเดนท์ ก็เต้นอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้เต้นมากเท่านั้น ส่วนมากจะร้องธรรมดาแล้วเราก็ขยับตัวนิดหน่อย พอเราเห็นท่าเต้น Moonwalk เราบอกกับตัวเองเลยว่าเราต้องเอาท่าเต้นนี้กลับมาเต้นที่เมืองไทย เราเลยได้ฝึกเต้นตาม Michael Jackson ขอซื้อม้วนวีดีโอจากเขามาเลย ตอนนั้นเราก็ได้ฝึกเบรกแดนซ์ Moonwalk มา ซึ่งเมื่อก่อน 40 ปีที่แล้วเมืองไทยยังไม่รู้จักเบรกแดนซ์ แล้วพอเราได้ท่าเต้นพวกนี้มาแล้วเราก็เอามาใส่กับเพลง สาวบางโพ ซึ่งเพลงสาวบางโพทำมาอยู่แล้ว แล้วท่าเต้นค่อยมาครับ แล้วเราได้มีโอกาสไปออกรายการ ก็เอาท่าพวกนี้ใส่เข้าไปในเพลงแล้วเต้น พอคนได้เห็นคือเกิดภาพจำทำให้เราดังขึ้นมา เพราะทุกคนพูดถึง แฟนๆจำมาจนถึงทุกวันนี้
ถาม เพลง สาวบางโพ ทำให้พี่ตู้ ได้รับฉายา มนุษย์ไร้กระดูก
ตู้ ดิเรก : เพราะว่าท่าเต้นของเราที่เขาเห็นมันเหมือนว่าตัวเราอ่อนไปหมดเพราะเบรกแดนซ์ ต้องเต้นเป็นคลื่นเลยได้รับฉายานี้มาครับ
ถาม แต่เห็นเต้นเก่งขนาดนี้แต่เต้นจนตกเวทีมาแล้ว
ตู้ ดิเรก : หัวเข่ามันบาดเจ็บครับ เมื่อตอนอายุ 36 ไปเตะฟุตบอลแล้วเอ็นมันยืดครับ ทำให้หัวเข่าของเราจะพลิกอยู่เรื่อยๆ แล้วมีคอนเสิร์ตหนึ่งเราขึ้นไปร้องเพลงขึ้นไปอย่างดีเลยนะ แต่หัวเข่าเราบาดเจ็บอยู่เรานึกว่าไม่เป็นไร เอาผ้ามาพันๆไว้พอร้องๆเพลงแล้วก็เต้นๆอยู่ช่วงจังหวะที่เรากระโดดเท่านั้นพอลงมาคือ ขาเราพลิกเป็นขาไก่เลยจนทีมงานต้องมาหามลงจากเวที หลังจากนั้นเราก็ไปหาหมอ หมอนัดผ่าตัดไม่ยอมไปเพราะเรามีงานต่ออีกก็พันขาแล้วไปทำงานแต่เรารู้แล้วว่าขาเราเจ็บเราก็เลยเต้นแบบเบาๆไปประคองมาประมาณ 40 ปีแล้วครับ
ถาม แต่อาการบาดเจ็บที่ไม่ได้ไปผ่าตัด ใช้ผ้าประคองไว้แต่เห็นว่าเวลาที่มันเจ็บขึ้นมาคือ เจ็บขึ้นไปถึงสมองเลยจริงไหม
ตู้ ดิเรก : ใช่ครับผม เวลามันพลิกนะเจ็บจี๊ดเลยแทบจะขาดใจอยู่ดีๆมันไม่เจ็บครับ แต่ถ้าพลาดจะเจ็บมาก จริงหมอเขาก็นัดผ่าตัดครับแต่เราเองที่ไม่ยอมไป เพราะการรักษาอย่างเดียวที่จะหายคือการผ่าตัดที่เราไม่ไปเพราะต้องพักฟื้น กายภาพมันใช้เวลานานแล้วอีกอย่างเรากลัวว่าจะถ้าผ่าไปแล้วเราจะสามารถกลับมาเต้นได้เหมือนเดิมไหม แต่ถ้าแบบทุกวันนี้เราก็ยังเต้นประคองๆได้ แต่ถึงจุดวันที่ต้องผ่าก็ต้องผ่าครับ (เพราะในทุกวันนี้ยังมีงานร้องเพลงเต้นอยู่เหมือนเดิมปกติครับ)
ถาม เป็นนักร้องร้องเพลงมาหลายสิบปีแต่หลายคนก็ตั้งข้อสงสัย ว่าพี่ตู้ กับ อ้วน วารุณี เป็นอะไรกัน
ตู้ ดิเรก : ก็ยังสงสัยตัวเองอยู่ถึงตอนนี้เลยนะ (หัวเราะ) คงเป็นเพราะช่วงหนึ่งที่ผมกับคุณอ้วนไปออกรายการโลกดนตรีด้วยกัน สงสัยจะออกท่าทางใส่กันซะหวาน ผมประคองคุณอ้วนไปนั่งหน้าเวทีแล้วผมก็นอนตักคุณอ้วนแล้วร้อง เขาก็ลูบศีรษะเบาๆ พอตอนจบก็กอดกันทุกคนเลยคิดว่าคู่นี้ใช่แน่ๆ แต่สรุปคือเราสองคนเป็นเพื่อนกันนะครับ
ถาม ในชีวิตประจำวันตอนนี้คือ การเล่นตีกอล์ฟ แต่ก็มีข่าวว่า ตู้ ดิเรก ติดพนัน พนันหมากรุก จริงหรือเปล่า
ตู้ ดิเรก : ไม่จริงครับ เราไปเล่นหมากรุกเพื่อให้สมองทำงานเพื่อไม่ให้เราเป็นอัลไซเมอร์ เล่นทีก็สองวันสองคืน(หัวเราะ) เล่นลืมวันลืมคืนเพราะมันสนุกมากครับ
ถาม และอีกเรื่องที่ไม่ถามไม่ได้เพราะที่เห็นว่า พี่ตู้ มีงานเพลงร้องเพลงประกอบละครมีงานจ้างอยู่ถึงทุกวันนี้เพราะเล่นของ มีของดี
ตู้ ดิเรก : เมื่อก่อนนี้ก็ยังไม่มีเยอะเท่าไหร่นะ แต่ตอนนี้เริ่มมีแล้วคือผมชอบเล่นกอล์ฟ แล้วผมก็ไปได้รู้จักกับโปรฯกอล์ฟท่านหนึ่งของประเทศไทย เขาก็บอกว่าเขามีของดีเขาเลยพาเราไปหาพระท่านหนึ่งเขาก็พาเราไป คือ ก่อนแข่งเขาจะไปหาพระอาจารย์แดง แห่งวัดป้อมรามัญ ท่านเจิมหน้าผากให้เราเลยไปหาท่านให้เจิมให้เราด้วยเพราะก่อนหน้านี้ 4-5 ปีที่แล้วงานเราไม่ค่อยมีเลยพอพระอาจารย์เจิมให้เราเท่านั้น อยู่ดีๆก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ(คล้ายๆตอนที่เรายังไม่ได้เจิมอาจจะมีอะไรปิดบังไว้) นานๆ เราจะไปเจิมทีครับ แบบถ้าเรารู้สึกว่าหน้าเราหมองๆ ก็ไปเจิมทีครับ
ถาม แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้พี่ตู้มีงานอยู่จนถึงทุกวันนี้คือ
ตู้ ดิเรก : สิ่งสำคัญเลยคือเราต้องซื่อสัตย์กับงานที่เรารัก อย่างการร้องเพลงคืองานที่เรารักเราเลยต้องฝึกฝนอยู่ตลอดเวลาจนกว่าเราจะตาย
ถาม เห็นพี่ตู้ แข็งแรงอยู่แบบนี้เป็นเพราะว่าออกกำลังอยู่ตลอดเวลา แต่การออกกำลังกายท่ากลับลำไส้
ตู้ ดิเรก : อันนี้เราคิดเองนะ เราไปซื้อเชือกโยคะมาที่เป็นผ้า เราก็ไปห้อยไว้กับเพดานบ้านเล่นเอาเท้าขึ้นไปข้างบนแล้วเอาหัวห้อยลงมา เหมือนกับค้างคาวกลับหัว (เพราะเราคิดว่าให้ลำไส้กลับมาทางหัวบ้างเพราะเราคิดว่าเรานั่งอย่างเดียวลำไส้เราก็ทับๆกันตลอด แต่ถ้าเรากลับหัวบ้างลำไส้อาจนะยืดเป็นสปริง) อันนี้คิดเองนะครับ แล้วก็ให้เลือดกลับไปที่สมองทำให้หน้าของเรามีเลือดฝาดขึ้นแต่ทำไม่กี่นาทีนะครับ แต่เราทำทุกวัน (แต่การทำแบบนี้อาจจะไม่ได้เหมาะสมกับทุกคนนะครับ)
ถาม เห็นร้องเพลงบนเวทีมาเยอะ แต่ตอนนี้ไปร้องเพลงในวัดแล้ว
ตู้ ดิเรก : ไปร้องเพลงธรรมะเพื่อชีวิตครับ คือ พระอาจารย์แดง ท่านแต่งเพลงเกี่ยวกับหลักธรรมะแล้วให้ผมไปทำดนตรีแล้วก็ร้องถ่ายทอดออกมา เพราะเดี๋ยวนี้วัยรุ่นไม่ฟังเทศน์เลยต้องใส่เข้าไปในเพลงให้เขาได้ฟังกันหน่อยครับ ก็เลยไปร้องเพลงการกุศล
ถาม 40 กว่าปีในวงการเพลง พี่ตู้ ประทับใจอะไรบ้าง
ตู้ ดิเรก : มันก็มีหลายยุคนะที่ประทับใจแต่ผมประทับใจตอนที่ผมได้ไปอเมริกา และที่เราได้เจอ Michael Jackson คือ เป็นสิ่งที่เราประทับใจที่สุดแล้วครับ เพราะเราไม่เคยได้เห็นอะไรที่แปลกขนาดนั้น