เจอตัวแล้ว บอยผัวโหดอุ้มตัวเมียหนีรถแหกโค้ง สุดแสบเปลี่ยนทะเบียนหวังตบตาตำรวจ (คลิป)

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ยุพิน จันทร์ศรี" ลงภาพนิ่งและเล่าเรื่องราว ระบุว่า "ใครเห็นหรือเจอผู้ชายและน้องผู้หญิงในรูปนี้ช่วยแจ้งเบาะแสให้หน่อยนะคะ คือน้องผู้หญิงเขาโดนผู้ชายคนนี้ฉุดไปจากที่ทำงานเมื่อวานนี้ค่ะ ใครเจอช่วยแจ้งไปที่ตำรวจให้หน่อยนะคะ #ตอนนี้ครอบครัวเป็นห่วงน้องมากเลยค่ะ #หรือแจ้งมาในเฟสนี้ก็ได้ค่ะ ช่วยแชร์ให้หน่อยนะคะ ขอขอบคุณล่วงหน้านะคะ"

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผัวโหดปืนจี้หัวอุ้มตัวเมียโผล่สุพรรณ เผยภาพโทรมาเย้ยแม่ยาย ซ้อมเมียหน้าเละ (คลิป)

วันที่ 18 ธ.ค. 63 เมื่อเวลา 10.00 น. นางสายสวรรค์ หมื่นนาวงศ์ อายุ 50 ปี แม่ของนางสาวปอ เดินทางมาที่ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จังหวัดปทุมธานี เพื่อเข้าพบนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ ให้ช่วยลูกสาว

นางสายสวรรค์ บอกว่า นายบอยกับลูกสาวตนได้เลิกกันแล้ว สาเหตุเพราะอดีตสามีตบตีมาตลอด และเมื่อลูกสาวตนท้องได้ 7 เดือนลูกสาวได้หนีอดีตสามีไปอยู่กับตนที่จังหวัดแพร่ และคลิปเสียงที่เขาส่งมาให้เป็นวันที่ 15 ธ.ค. 63 ในคลิปเสียงเป็นลักษณะลูกสาวตนเองถูกทำร้าย

นางสายสวรรค์ หมื่นนาวัง อายุ 50 ปี แม่ของนางสาวปอ อายุ 30 ปี เปิดใจว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงวันนี้ ยังไม่มีการติดต่อกลับมาของลูกสาว ซึ่งตนก็เชื่อว่าลูกสาวน่าจะโดนนายบอยซ้อม ก่อนหน้านี้ตนพยายามติดต่อไปยังลูกสาวแล้ว แต่คาดว่านายบอยน่าจะเป็นคนเล่นโทรศัพท์แทน และตนก็รู้จักนิสัยของนายบอยดี ถ้าหากยิ่งโทรไปนายบอยก็ยิ่งซ้อมลูกสาวตนเหมือนครั้งก่อน ตนจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายเฝ้าโทรศัพท์ รอให้ฝ่ายลูกสาวติดต่อมาเอง

ซึ่งล่าสุดตนได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน ระบุว่ายังไม่พบเบาะแส แต่ได้มีการประสานไปยังพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีให้ตั้งด่านสกัดจับแล้ว ก็ยังคงมีความหวัง และมีกำลังใจมากขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและมูลนิธิปวีณาเข้ามาช่วยเหลือ

ส่วนเรื่องการฝ่ายชายอ้างว่าลูกสาวของตนหลอกให้มีการขายที่ดินแล้วเอาเงินมาใช้นั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ถ้าหากว่ามีจริงลูกต้องเล่าให้ตนฟัง หนำซ้ำยังเป็นฝ่ายชายเสียอีกที่เป็นฝ่ายหลอกลูกสาวของตน เมื่อประมาณปี 2559 หลักจากที่ทั้งสองคนได้พบเจอกัน โดยจากการที่นายบอยมาซื้อรถ แล้วน้องปอเป็นเซลส์ขายรถ คบหาดูใจกันก็มีการออกรถยนต์เป็นชื่อของตน ส่วนลูกสาวเป็นผู้ค้ำ มีการผ่อนรถจนหมด กระทั่งช่วงต้นปี 2562 โดนไฟแนนซ์ยึดรถ ตนถึงจะมารู้ทีหลังว่านายบอยมีการเอารถไปเปลี่ยนแปลงเป็นชื่อตัวเอง แล้วเอารถเข้าไฟแนนซ์ แต่ไม่ได้มีการส่งเงิน จนถูกเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์มายึดรถ

นอกจากนี้ ทีมข่าวได้ตรวจสอบเส้นทาง ที่นายบอย คนก่อเหตุ ได้มีการรักพาตัวนางสาวปอ ออกจากบริษัทย่านพัฒนาการ มุ่งหน้าไปที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งพบว่า พิกัดดังกล่าวเป็นบ้านของพ่อนายบอย หรือเป็นภูมิลำเนาเกิด และยังพบภาพจากกล้องวงจรปิด ช่วงดึกของวันที่ 15 ธ.ค.63 หลังพาตัวหนี พบว่ารถของนายบอยซีวิก สีบอลเงิน ทะเบียน ศฏ 3934 กรุงเทพฯ พานางสาวปอมาหลับนอนอยู่ริมข้างทาง บริเวณสามแยก ถนนอำเภอด่านช้าง-อำเภออู่ทอง

นางดาว (นามสมมติ) อายุ 80 ปี ย่าทวดของนายบอย เปิดเผยว่า ตนเองเจอกับหลานชายครั้งสุดท้ายเมื่อ 4 เดือนก่อน เนื่องจากหลานชายเดินทางมาร่วมงานทำบุญ 100 วันพ่อ หลังจากที่เสียชีวิตไปเมื่อประมาณเดือน พ.ค. หลังจากนั้นก็ไม่เจอกันอีกเลย เพราะส่วนใหญ่นายบอยจะอาศัยอยู่กับแม่ที่จังหวัดขอนแก่น เนื่องจากพ่อแม่นายบอยแยกทางกัน ญาติพี่น้องฝั่งพ่อ จึงไม่ค่อยมีใครได้เจอกับนายบอย ยอมรับว่าผู้หญิงที่ไหนบอยพามา ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีการอุ้มหรือลักพาตัวครั้งนี้ ซึ่งเป็นคนละคนกัน

ทั้งนึ้ หากย้อนกลับไปในสมัยที่ตนเองเลี้ยงดูนายบอย ช่วงประมาณเกือบ 20 ปีก่อน ยอมรับว่านายบอยเป็นคนดี เป็นคนตั้งใจเรียน และไม่ได้มีนิสัยเกเร ซึ่งไม่รู้ว่าหลังจากที่เติบโตและอยู่อาศัยกับฝ่ายแม่จะมีนิสัยเป็นอย่างไร แต่หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ เพราะไม่คิดว่านายบอยจะก่อเหตุ

ขณะเดียวกัน ในคืนที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า นายบอยเข้ามาพักอาศัย และจอดรถหลับนอนอยู่กับผู้หญิงที่หน้าบ้าน ตนเองยอมรับว่าไม่ได้สังเกต และจำทะเบียนรถไม่ได้ ประกอบกับเวลาส่วนใหญ่ จะปิดประตูบ้านเข้านอน จึงเชื่อว่านายบอยอาจจะอาศัยช่วงกลางดึก แวะมาพักอาศัย จากนั้นก็รีบออกไปตั้งแต่เช้า

นางสาวอ้อย (นามสมมติ) รุ่นพี่คนสนิทของนายบอย เปิดเผยว่า หลังจากที่นายบอยพานางสาวปอ หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ตำบลหนองหลวง ตนเองทราบเบาะแสครั้งสุดท้ายคือวันที่มาถึงสุพรรณบุรี จากนั้นก็ไม่เจอร่องรอยหรือเบาะแสอีก และตนเองกับนายบอยก็เจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง ล่าสุดที่ได้เจอกันคืองานศพของพ่อนายบอย และงานทำบุญ 100 วัน มาพร้อมกับแม่และผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ 28 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น ลักษณะอุ้มท้องแก่ใกล้คลอด

สำหรับผู้หญิงคนล่าสุดที่ปรากฏอยู่ในข่าว ตนไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว นายบอยไม่เคยพามาให้เห็นในหมู่บ้าน และไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีการคบหากับผู้หญิงคนนี้ ทั้งนี้ ในฐานะคนรู้จักและตนเองก็เป็นผู้หญิง อยากจะฝากถึงนายบอยว่าตนเองเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงด้วยกัน เป็นไปได้ก็อยากให้พาผู้หญิงไปส่งคืนพ่อแม่

นอกจากนี้ ทีมข่าวย้อนกลับไปจุดที่พบรถนายบอยเช้าวันที่ 16 ธ.ค. 63 ซึ่งพบเบาะแสของนายบอยมาจอดรถพักอาศัยเพื่อใช้เป็นที่หลับนอนหลังจากที่อุ้มตัวนางสาวปอมาจากกรุงเทพฯ กล้องวงจรปิดสั่งตรงข้าม สามารถบันทึกรถยนต์ที่จอดไว้ได้ จากข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าเป็นรถของนายบอย ซึ่งรถคันดังกล่าว ได้จอดตั้งแต่เวลา 00.30 น. จนกระทั่งถึงเวลา 07.30 น. โดยไม่พบพฤติกรรมคนในรถเข้าออกหรือความเคลื่อนไหวอื่น คาดว่าเป็นการจอดรถเพื่อพักผ่อน ส่วนจุดที่ 2 ที่กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อจับภาพได้

นางบัว (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ คนที่รู้จักกับนายบอยตั้งแต่เด็ก เปิดเผยว่า ตัวเองรู้จักกับนายบอยตั้งแต่เด็กจนกระทั่งโต เจ้าตัวจะแวะเวียนไปมาหาสู่ญาติ ๆ โดยเฉพาะย้อนกลับมาเยี่ยมพ่อที่อาศัยอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนแม่ที่หย่าร้างกันไปแล้วก็อยู่อาศัยในจังหวัดขอนแก่น โดยนายบอยเป็นคนนิสัยดี เรียนเก่ง และไม่ใช่คนเกเร ตนเองค่อนข้างตกใจ เพราะไม่คิดว่าเด็กดีคนที่รู้จักจะไปก่อเหตุดังกล่าวได้ แต่ก็เชื่อว่าอาจมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้นายบอยโกรธ

กรณีที่ถูกพุ่งเป้าประเด็นเรื่องความหึงหวง ตัวเองเชื่อว่าไม่เกี่ยวข้อง เนื่องจากนายบอยมีแฟนใหม่ และแฟนใหม่ก็กำลังตั้งท้องอยู่ เนื่องจากเมื่องานศพของพ่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นายบอยยังพาแฟนใหม่มาแนะนำให้ญาติรู้จัก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปหึงหวง ที่สำคัญนางสาวปอผู้หญิงที่นายบอยอุ้มมาจากกรุงเทพนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เคยมีใครเห็นหน้ามาก่อน

ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าประเด็นที่นายบอยโกรธและตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว เนื่องจากย้อนกลับไปประมาณ 4 ปีก่อน ช่วงที่พ่อของนายบอยยังมีชีวิต เจ้าตัวเคยย้อนกลับมาขอที่ดิน 50 ไร่ โดยตอนนั้นพ่อของนายบอยก็มอบที่ดินให้ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้นำไปขาย แล้วอ้างว่าจะนำไปลงทุนประกอบธุรกิจร่วมกับผู้หญิงคนอื่น จนกระทั่งมาทราบภายหลังว่าเกี่ยวข้องกับนางสาวปอ โดยธุรกิจที่มีการร่วมลงทุน เปิดเป็นเต็นท์รถมือสอง แต่ปัจจุบันเงียบหายไป ตนเองจึงไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่เชื่อว่าเป็นเพราะผู้หญิงทำให้สูญเงินหลายล้านบาท

ตรวจสอบเฟซบุ๊กของนางสาวปอ พบว่ามีการโพสต์ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. 63 แชร์ลิงก์ข่าวเกี่ยวกับผู็หญิงถูกทำร้ายร่างกาย และแคปชั่นว่า "#ยิ่งกว่านรก ไม่ต่างกัน ไม่มีคำใดเปรียบ"

วันที่ 15 ธ.ค. 63 นายบอยใช้เฟซบุ๊กของนางสาวปอโพสต์รูปคู่กัน ใบหน้าของนางสาวปอได้รับบาดเจ็บ ล่าสุด วันที่ 16 ธ.ค. 63 นายบอยเปลี่ยนภาพโพรไฟล์ของนางสาวปอ ขณะที่ใบหน้าบวมช้ำ

ด้านนางสาวมด (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ผู้เสียหายอีกราย เปิดใจเล่าว่า ตนเองเป็นเป็นนักร้องในสถานบันเทิง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี วันเกิดเหตุช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2563 ตัวเองทำงานอยู่ในร้านตามปกติ โดยนายบอยได้เดินทางมาด้วยรถเก๋งคันที่ใช้หลบหนีอยู่ในตอนนี้ เดินทางมาใช้บริการที่ร้าน วันนั้นตนเองได้รับเงินสดจำนวน 1,000 บาท และพวงมาลัย 5 พวง พวงละ 50 บาท รวม 1,250 บาท จากนั้น นายบอยก็อยู่จนกระทั่งร้านปิดเที่ยงคืน พนักงานส่วนใหญ่ก็เริ่มทยอยเดินทางกลับบ้าน โดยในวันนั้นในร้านเหลือเพียงตนเองกับนายบอยอยู่ 2 คน ซึ่งนายบอยทำทีว่าอยู่ในอาการมึนเมา ขอให้เดินออกไปส่งที่รถ

หลังจากที่ออกจากร้านไปส่งนายบอยที่รถเก๋ง นายบอยได้ชักชวนให้ไปข้างนอกต่อ ตนได้พูดตอบกลับนายบอกว่า "พี่จะทำแบบนี้ไม่ได้ หนูมีพ่อมีแม่ มีสามีและลูกแล้ว" ทำให้นายบอยเกิดความโมโห หยิบเอาอาวุธปืนที่อยู่ในกระเป๋าสะพายออกมา พร้อมกับชี้ปลายกระบอกปืนมาที่ตัวเอง แล้วบังคับให้ขึ้นรถ ตอนนั้นด้วยความตกใจกลัวจึงไม่กล้าที่จะร้องขอความช่วยเหลือ ยอมขึ้นรถไปกับนายบอย นายบอยไม่ได้พาไปที่รีสอร์ตหรือโรงแรม แต่พาไปที่ป่าข้างทางล้อมรอบด้วยป่าอ้อย จากนั้นนายบอยได้กระทำอนาจารและบังคับขืนในตัวเอง พร้อมกับขู่ว่าห้ามไปบอกใคร หลังจากที่นายบอยกระทำอนาจารตนเองเสร็จแล้ว ก็ได้ขับรถกลับไปส่งที่ร้าน แต่ก็ไม่กล้าที่จะไปแจ้งความ เพราะด้วยความอาย ประกอบกับกลัวว่านายบอยจะมีอิทธิพล

อย่างไรก็ตาม ในครั้งแรกที่ได้รู้จักกับนายบอย มองว่าเป็นคนเรียบร้อย สุขุม และไม่ได้โหดร้ายหรือใช้ความรุนแรง จนกระทั่งหลังจากที่โดนใช้อาวุธปืนข่มขู่บังคับให้ขึ้นรถ ภาพที่เห็นจึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

นอกจากนี้ นางสาวมดได้ส่งแชตข้อความที่มีการพูดคุยกับนายบอย เมื่อช่วงประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งนายบอยได้ทักข้อความกลับมาหาด้วยถ้อยคำที่ชักชวนและข่มขู่ให้ออกไปเจอ "ชอบ ๆ ต้องโดนสั่งสอนชุดใหญ่ ปากดี ชอบๆ", "รับประกัน ต่อจากนี้ สนุกแน่", "ไหนบอกจะคบกันยาว ๆ คิดถึง ๆ เดี๋ยวออกตามหาเลยดีกว่า", "มาทำให้ติดแล้วก็เงียบ พี่สัญญาแล้วว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว ไม่เข้าไปยุ่งที่บ้าน พี่สัญญา ทำไมไม่รักษาสัญญาเลย", "แล้วพี่จะเอาเงินให้ได้ยังไง อยากให้ก็ให้ไม่ได้"

นางละออง คงด้วง ครูเกษียนราชการ ซึ่งเคยสอนโรงเรียนเดียวกันกับนางสาวปอ เปิดใจว่า ครูปอนิสัยมีมนุษยสัมพันธ์ดี มีสัมมาคารวะ ตอนที่ครูมาสอนเมื่อ 7 ปีที่แล้ว แต่ไม่รู้ลาออกเพราะอะไร ยังเป็นคนโสด ยังไม่มีครอบครัว ตนเองไม่รู้จักนายบอย ไม่เคยเห็นครูปอคบใคร มารู้ข่าวว่าครูปอโดนอุ้มหายก็รู้สึกสงสาร เพราะรู้จักกัน อยากให้คนร้ายรับโทษประหารชีวิต

นายอำนาจ จรแก้ว กำนันตำบลส้มป่อย จ.ชัยภูมิ เคยเป็นกรรมการสถานศึกษาโรงเรียน บอกว่า เมื่อครั้งครูปอมาสอนที่นี่เมื่อ 7 ปีก่อน ตนเองไม่มั่นใจว่าตอนนั้นจะคบกับนายบอยหรือไม่ แต่เห็นว่าครูปอขยันทำงาน ทำงานเก่ง จนกระทั่งมารู้ข่าวครูปอโดนอุ้มก็รู้สึกตกใจ เพราะครูปอเป็นคนดี คนสมัยนี้ชอบใจร้อน ชอบทำร้ายกัน มนุษยธรรมหายไป ถ้าจับคนก่อเหตุได้ก็อยากให้รับโทษทางกฎหมายถึงที่สุด เพราะพวกนี้เป็นขยะสังคม ถ้าคนดีต้องรู้จักแยกแยะเป็น คนแบบนี้ไม่ค่อยมีความคิด

ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านแม่ของนายบอย ให้ข้อมูล่า นายบอย ลูกชายทำงานเป็นเซลส์ขายรถที่จังหวัดนครราชสีมา ไม่ค่อยติดต่อกับตนเองหรือคนในครอบครัว 1 ปีจะกลับมาบ้าน 1-2 ครั้งเท่านั้น โดยนิสัยส่วนตัวทางตนเองนั้นก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียด เพราะอยู่กันคนละที่ ส่วนน้องปอ อดีตภรรยานายบอยนั้น ตนเองเคยพบไม่กี่ครั้ง เพราะลูกชายไม่ค่อยพากับมาบ้านน ตนเองก็ตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าลูกชายจะก่อเหตุ ไม่รู้ว่ามาจากสาเหตุใด

ล่าสุด พ.ต.อ.สมบัติ หงษ์ทอง ผกก.สน.คลองตัน ยืนยันเจอรถของนายบอยที่ใช้พานางสาวปอหลบหนีแล้วที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งรถประสบอุบัติเหตุแหกโค้ง รถได้รับความเสียหาย และกระจกแตกบางส่วน ส่วนนายบอยได้พาตัวนางสาวปอหลบหนีต่อ ซึ่งมีรถชาวบ้านได้พยายามเข้าไปช่วยเหลือ แต่นายบอยปฏิเสธ

โดยมีกล้องหน้ารถชาวบ้านบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้ บริเวณเขตรอยต่อ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี มีชาวบ้านผ่านมาเห็นในเวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังแกะรอยหานายบอยต่อไป

ตรวจสอบทะเบียนรถไม่ตรงกับทะเบียนรถของนายบอย ซึ่งมีข้อมูลว่านายบอยได้ไปโขมยถอดทะเบียนรถคันอื่น เจอทะเบียนรถของนายบอย ศฎ 3934 กรุงเทพมหานคร ถูกถอดทิ้งเอาไว้ในรถ และเอาป้ายทะเบียนใหม่ 1 ขถ 1479 กรุงเทพมหานคร ที่โขมยมาติดที่รถแทน

ชุดสืบสวนเข้าขอดูภาพกล้องวงจรปิดที่ อบจ.จังหวัดสุพรรณบุรี หลังพบว่าคนร้ายพาผู้มาพักที่รีสอร์ตก่อนเข้าเมืองสุพรรณบุรี แต่ยังไม่พบคนร้าย

อีกทั้ง ตรวจสอบกล้องหน้ารถชาวบ้านที่ลงไปช่วยเหลือรถนายบอยประสบอุบัติเหตุ แต่นายบอยได้ลากนางสาวปอหนี ปฏิเสธความช่วยเหลือนั้น

น.ส.แอมป์ (นามสมมติ) พลเมืองดีที่เข้าช่วยเหลือ บอกว่าเห็นรถตกอยู่ข้างทาง จึงเข้าไปถามว่าบาดเจ็บอะไรไหม นายบอยกับนางปอไม่ตอบ เดินขึ้นมาบนถนน ไม่มีท่าทีทะเลาะกัน หลังจากนั้นนายบอยบอกว่า "รู้จักผมไหมที่ออกข่าว ขอความช่วยเหลือ อยากหาที่พัก" จากนั้น นายบอยได้ขอติดรถชาวบ้านไป แต่มีชาวบ้านจำหน้าได้ว่าเป็นชายที่ตกเป็นข่าว นายบอยจึงชวนนางสาวปอเดินทางไปเส้นทางอื่น

ซึ่งเบื้องต้นชาวบ้านให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่านางสาวปอไม่ได้มีพฤติกรรมขัดขืน หรือต้องการให้ชาวบ้านช่วย โดยยินดีที่จะเดินทางไปกับนายบอย ซึ่งเข้าใจว่าทั้งคู่เข้าใจกันดีแล้ว และสภาพของนางสาวปอก็ดีขึ้น ซึ่งตำรวจกำลังไล่ติดตามตัวอย่างเร่งด่วนหลังจากตามหามาหลายวัน