สองผัวเมียพาลูกเดินเล่นชายหาด สุดเฮงเจออ้วกวาฬ หนัก 15 กิโลฯ เตรียมขึ้นแท่นเป็นเศรษฐีป้ายแดง
วันที่ 21 ธ.ค.63 น.ส.มลฤดี จันทร์บุญ อายุ 26 ปี และนายวีระ เจืองบุญ อายุ 32 ปีและสองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 43/2หมู่4ต.ควนพังอ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนและสามีเดินทางไปรับเพื่อนคนหนึ่งที่ จ.ภูเก็ต หลังเพื่อนประสบปัญหาว่างงานเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด–19 และเพื่อนไม่มีค่ารถจ้างขนสัมภาระย้ายกลับบ้านที่ จ.นครศรีธรรมราช จึงขอร้องให้ตนนำรถกระบะไปรับ ตนจึงเดินทางไปเพื่อนที่จังหวัดภูเก็ตพร้อมกับสามีและลูก
โดยในระหว่างอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ลูกอยากเที่ยวทะเล ตนและสามีจึงพาลูกไปเดินเที่ยวแถว หาดในทอน อ.ถลาง
ระหว่างนั้นคลื่นทะเลค่อนข้างสูงและแรง ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ ขณะนั้นคลื่นทะเลซักเศษซากสิ่งปฏิกูลต่างๆ ทั้งเศษไม้ ขยะอวนประมงเข้าริมชายหาดจำนวนมาก ปรากฏว่าขณะเดินเล่นริมชายหาดกับสามีและลูก พบว่ามีสิ่งแปลกลักษณะเป็นก้อนๆ คล้ายขี้ยางพารา แต่เมื่อเอามือสัมผัสพบว่าไม่ใช่ขี่ยางแต่ก้อนดังกล่าวมีผิวลื่นมีกลิ่นคาว
ยอมรับว่าตอนนี้ไม่แน่ใจว่าอะไรแต่สามีคิดว่าน่าจะเป็นขี้วาฬอ้วกวาฬหรืออัมพันทะเลที่มีราคา เพราะสามีเคยดูสารคดีเกี่ยวกับอ้วกวาฬ จึงมั่นใจว่าใช่แน่นอน สามีจึงใช้ไฟแช็คลนที่ก้อนดังกล่าว พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเป็นของเหลวคล้ายเทียนไขถูกล้นไฟและมีกลิ่นคาว จึงมั่นในว่าเป็นอ้วกวาฬแน่นอนจึงนำกลับมาที่บ้านเช่าของเพื่อนและชั่งน้ำหนักได้รวม 15 กก. แล้วนำอ้วกวาฬดังกล่าวใส่ลังพลาสติกก่อนจะนำกลับมาที่บ้านที่ อ.ร่อนพิบูลย์เก็บรักษาไว้อย่างดี
อย่างไรก็ตามตั้งใจว่าจะประกาศขายในโซเชียล แต่ด้วยความกลัวว่าจะถูกหลอกว่าก้อนดังกล่าวไม่ใช่อ้วกวาฬจึงเก็บรักษาไว้จนปัจจุบันนานเกือบ 5 เดือน สุดท้ายพบว่ามีข่าวชาวบ้านพบอ้วกวาฬที่ อ.ปากพนังหนัก
กว่า 100 กก.และมีนายทุนติดต่อขอซื้อหลังออกข่าว ตนจึงตัดสินใจแจ้งนักข่าวให้ทราบเพื่อต้องการออกข่าวจะได้มีคนซื้ออ้วกวาฬที่ตนพบจริงๆ และเพื่อเลี่ยงมิจฉาชีพ