จากกรณี เมื่อคืน วันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา เกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่นนับสิบคน ทั้งผู้หญิงและผู้ชายบุกเข้าไปรุมทำร้ายนายประชัญ บัวชุม อายุ 70 ปี และนายอนัญวิชญ์ บัวชุมโชติพงษ์ อายุ 44 ปี สองพ่อลูก ในบริเวณบ้านพัก ต.ลวงเหนือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ทำให้ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกายหลายแห่ง ทั้งบริเวณศีรษะและใบหน้า ซึ่งนายประชัญ ถูกของแข็งตีเข้าที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ซึ่งสาเหตุมาจากกลุ่มวัยรุ่นมาถามหา นายบอม (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ลูกชายของนายอนัญวิชญ์ และหลานของนายประชัญ เพื่อติดตามทวงค่าเช่าห้อง
ทั้งนี้
นายอนัญวิชญ์ บัวชุมโชติพงษ์ ได้บอกว่าลูกชายไม่อยู่บ้าน และไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด เพราะช่วงนี้ไม่ได้ติดต่อกัน ปรากฏว่า นางสาวแพรวา (นามสมมติ) กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว เกิดความไม่พอใจพร้อมตำหนิ และต่อว่านายอนัญวิชญ์ด้วยถ้อยคำรุนแรง จนเกิดการโต้เถียงกัน จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นได้เริ่มลงมือทำร้ายร่างกายนายอนัญวิชญ์ จนได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า, ศีรษะ และตามร่างกาย
ขณะที่นายประชัญ ได้ยินเสียงดังโวยวายจึงออกมาห้ามปราม แต่กลุ่มวัยรุ่นไม่สนใจ และเรียกพวกมาสมทบ ก่อนจะกรูกันเข้ารุมทำร้ายนายอนัญวิชญ์ และนายประชัญ จนได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่ง จนต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล และแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอยสะเก็ด เพื่อติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
วันนี้ (21 เม.ย.)
นายประชัญ บัวชุม อายุ 70 ปี
ผู้เสียหายที่ถูกรุมทำร้าย เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเวลา ประมาณ 21.00 น. คืนวันที่ 18 เม.ย. ระหว่างที่พักผ่อนอยู่ในบ้านพักกับหลานสาวอายุ 3 ปี ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงออกมาดู พบว่า กลุ่มวัยรุ่นได้มาสอบถามหาหลานชาย เพื่อทวงถามเงินค่าเช่าห้อง จำนวน 2,400 บาท
ซึ่งลูกชายตนบอกว่าไม่รู้ว่าหลานชายอยู่ที่ใด จนเกิดการโต้เถียง และมีการทำร้ายร่างกายกัน ตนจึงได้พยายามเข้าไปห้ามปรามกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวให้หยุดรุมทำร้ายร่างกายลูกชาย แต่กลุ่มวัยรุ่นไม่สนใจและยังบังคับให้ตนกราบเท้าจึงจะยอมหยุด กระทั่งลูกชายตนมีเลือดท่วม สะบัดตัวหลุดและวิ่งหนีเข้าไปหลบในบ้าน พร้อมโทรแจ้งตำรวจ ขณะที่ตนถูกหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นใช้ของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลใหญ่ ก่อนหลบหนีไป
นายประชัญ กล่าวว่า รู้สึกสะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก เพราะอยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่เกิดจนปัจจุบัน อายุ 70 ปีแล้ว ในละแวกบ้านไม่เคยเกิดเหตุรุนแรงเช่นนี้มาก่อน ขณะที่หลานสาว อายุ 3 ปี ซึ่งเห็นเหตุการณ์ยังมีอาการหวาดผวาเช่นกัน ส่วนบาดแผลที่บริเวณเหนือหน้าผากซ้าย ลึกประมาณ 2 เซนติเมตร ต้องเย็บ 8 เข็ม เริ่มมีอาการดีขึ้นตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีอาการข้างเคียง ทั้งปวดศีรษะ และตาข้างซ้ายพร่ามัว จะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจอย่างละเอียดด้วยเครื่องสแกนสมองอีกครั้ง ทั้งนี้อยากวิงวอนให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้เร็วที่สุด