วันที่ 24 ธ.ค. 63 เมื่อช่วงบ่าย พ.ต.อ.สุวิทย์ ห่วงทอง ผกก.สภ.แม่กา อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่กาก็ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่อำเภอดอยเต่าจังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจสอบผู้เสียชีวิต ถูกฆาตกรรมยัดใส่ถัง นำไปวางไว้ในเตาเมรุเผาศพเพื่อเตรียมเผา ภายในบริเวณสุสานบ้านสันบ่อเย็น หมู่ 2 บ้านสันบ่อเย็น ต.โปงทุ่ง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่
ที่เกิดเหตุ พบถังพลาสติกสีฟ้าที่ใช้บรรจุยากำจัดวัชรพืชขนาด 200 ลิตร วางอยู่บริเวเมรุภายในสุสาน เ จ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ปิดกั้นที่เกิดเหตุเอาไว้ พร้อมกับแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่ และแพทย์จากโรงพยาบาลดอยเต่าเข้าไปร่วมสอบสวน เก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
ต่อมาเมื่อทางเจ้าหน้าที่มาพร้อมแล้ว จึงได้เข้าไป ตรวจสอบที่เกิดเหตุและชันสูตรพลิกศพ พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิงวัยกลางคน ห่อด้วยผ้าใบสีฟ้าพันร่างอยู่ในถัง จึงนำศพออกมาคลี่คลาย
ทราบชื่อภายหลังคือนาง อาคร สมคำ อายุ 59 ปี อยู่ที่บ้านสันบ่อเย็น ตำบลโป่งทุ่ง อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ เป็นแม่ม่ายหน้าตาดี ที่หายตัวออกจากบ้านไปเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา
สภาพศพผู้ตาย สวมเสื้อยืดคอกลมสีเขียวพับด้วย เสื้อยืดแขนยาวสีขาวแถบชมพู กางเกง สีน้ำเงินขายาว สวมถุงเท้าสีเทา รองเท้าแตะสีส้ม มีบาดแผลถูกกระแทกด้วยของแข็งเข้าที่ปลายคางจนบวมเขียวช้ำ
นอกจากนั้น ตัวผู้ตายทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบกระเป๋าสะพายลายดอกสีดำ ไม้ไผ่ผ่าซีกยาวประมาณ 1 ฟุต 2 อัน และกระเป๋าเงินใบเล็กแบบผ้า 1 ใบ มีธนบัตรฉบับละ 20 บาท 5 ฉบับ ธนบัตรฉบับละ 50 บาท 1 ฉบับ และธนบัตรฉบับละ 100 บาท 1 ฉบับ และเศษเหรียญบาทอีกจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง กุญแจรถจักรยานยนต์ 1 ดอก ตลับแป้งและลิปสติก
ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังอยู่ในรวบรวมพยานหลักฐานและสอบสวนสาเหตุของการฆาตกรรมในครั้งนี้ ส่วนการฆาตกรรมนั้น ยังไม่รู้ว่าคนร้ายฆาตกรรมโดยวิธีใด จากการตรวจสอบสภาพศพของผู้เสียชีวิตไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ หรือร่องรอยการรัดคอการบีบคอ มีเพียงบริเวณคางของผู้ชายที่มีรอยถลอกและช้ำ เจ้าหน้าที่ได้ส่งศพของผู้ตายไปชันสูตรหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แน่ชัด
ทั้งนี้ สาเหตุน่าจะเกิดจากปัญหาความแค้น หรือหรือด้านชู้สาว เนื่องจากผู้ตายเป็นแม่ม่าย และคาดว่าคนร้ายคงจะรู้จักกับผู้ตายมาก่อน จึงได้รวมผู้ตายออกบ้านมาสังหารอย่างโหดเหี้ยม ก่อนที่จะนำศพยัดใส่ถัง ใส่รถ คาดว่าน่าจะเป็นรถกระบะ และคนร้ายคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คนขึ้นไป ช่วยกันยกศพมาไว้ในเมรุเผาศพเพื่อเตรียมเผา แต่โชคร้ายที่มีชาวบ้านมาพบเสียก่อน
นายดนัย ใหม่ปลา อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งจากญาติของผู้ตาย ว่าผู้ตายหายไปเมื่อช่วงประมาณคืนของวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา จากนั้นชาวบ้านก็ได้ตามหาผู้ตายทั่วทั้งหมู่บ้าน กระทั่งมาที่สุสานได้มีการโทรศัพท์เข้าไปที่โทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่เตาเผาศพ จึงเดินเข้าไปดูก็พบว่ามีถัง 200 ลิตรครอบร่างของผู้ตายอยู่ในเมรุเผาศพ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ
นางสาววนิดา อุปการะ อายุ 27 ปี ลูกสาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนได้ติดต่อกับผู้เป็นแม่ครั้งล่าสุด เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 22 ธ.ค.63 โทรศัพท์ไปบอกกับแม่ว่าตนไม่สบาย ต้องเข้าโรงพยาบาล
จากนั้นเมื่อช่วงประมาณ 8.00 น ของวันที่ 23 ธ.ค.63 ก็ได้โทรหาแม่ แต่ก็ไม่รับสาย จากนั้นก็ได้มีการค้นหาตัวของแม่ กระทั่งมาพบเป็นศพ
นางอาลี ปุดนะ อายุ 58 ปี น้องสาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณช่วงบ่ายของวันที่ 22 ธ.ค. ตนได้ออกไปตกปลากับผู้ตายอ ผู้ตายก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกว่าลูกเข้าโรงพยาบาล แล้วก็ได้แยกกับผู้ตาย จากนั้นเมื่อช่วงเวลา 05.00 น. ตนได้มาหาผู้ตายที่บ้านแต่ก็ไม่พบ บ้านเปิดไว้ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้ตาย ตนก็คิดว่าผู้ตายน่าจะไปหาลูกที่ในเมือง
อย่างไรก็ตาม สำหรับสาเหตุการฆาตรกรรมอย่างทารุณกรรม ก่อนยัดใส่ถัง และขนมาไว้บนเมรุเพื่อเตรียมเผาทำลายหลักฐาน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้มีการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด และจะได้ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งเชิญญาติของผู้เสียชีวิตไปสอบปากคำหาข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป