จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงกัน มีผู้เสียชีวิตที่สวนอาหาร ม.1 ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้นายภุชงค์ แสงใส อายุ 36 ปี และนายธนสิทธิ์ อยู่เหมาะ อายุ 36 ปี เสียชีวิต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สุดโหด! รัวยิง 20 นัดคาร้านอาหาร ภาพชัดตายคาที่ 2 ศพ มือปืนฉุนถูกตีขา
วันที่ 26 ธ.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังสวนอาหารบ้านเย็น จุดเกิดเหตุ ย้อนรอยตามหาร่องรอยการหลบหนีของนายธนกฤต แสงเขียว หรือ เฉลิม และนายถนอมศักดิ์ เพ็ชรประดับ หรือ เหลือ ผู้ต้องหา
ภาพกล้องวงจรปิดในรัศมี 20 เมตร กล้องส่วนใหญ่หันหน้าเข้าหาบ้าน และกล้องที่พอเห็นเส้นทางถนนก็ไม่พบรถยนต์ของคนร้ายขับผ่าน
ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของนายธนกฤต แสงเขียว หรือ เฉลิม หมู่ 1 ต.ดอนยายหนู อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นลักษณะบ่อเลี้ยงกุ้งขนาดใหญ่ บนพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนแล้ว ไม่พบว่านายเฉลิมกลับมาที่บ้าน
ด้านคนงานบ่อกุ้ง เดินทางออกมาจากบ่อกุ้งของนายเฉลิม ให้ข้อมูลเพียงสั้น ๆ ว่า ไม่รู้เรื่องอะไรเลย และยืนยันได้ว่านายเฉลิมเป็นคนดี
นายรัตนกร ถ้ำแก้ว อายุ 48 ปี เจ้าของร้านอาหาร เล่าว่า ตนรู้จักกับนายธนกฤต หรือ เฉลิม เขาเป็นเพื่อนของรุ่นน้อง และถึงแม้ว่าจะเป็นคนกว้างขวางในกุยบุรี แต่เวลาพูดคุยกับตน ก็ค่อนข้างที่จะนอบน้อม และให้เกียรติตนเสมอ โดยลูกค้าทุกคนที่มาใช้บริการ ก็จะขับรถผ่านจุดเก็บเงินที่ตนนั่งอยู่ วันที่ 24 ธ.ค. 63 ตอนที่นายเฉลิมออกจากร้านไป ตนก็แปลกใจว่าทำไมนายเฉลิมเอารถโตโยต้ ฟอร์จูเนอร์มา ปกติจะเอารถกระบะมิซซูบิชิตอนเดียว สีบรอนซ์เทามา โดยก่อนออกจากร้านก็มีการพูดคุยกับตน ขับรถมาจอดแล้วลดกระจกลง บอกว่า "กลับดีกว่า แถวนี้มีแต่นักเลง" จากนั้นก็ขับออกไป
ส่วนเรื่องที่นายเฉลิมกลับเร็ว ตนไม่ได้เอะใจ เพราะบางทีนายเฉลิมมาไว ดื่มไว เมาไวก็กลับไวในบางครั้ง และก็ไม่มีสัญญาณอะไรที่จะบอกว่านายเฉลิมโกรธ ไม่พอใจใคร ตนก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ซึ่งนายเฉลิมจะเดินทางมาที่ร้านของตนเดือนละประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ยันร้านปิด และชอบนั่งกินต่อเรื่อย ๆ มีการสั่งของก่อนร้านปิดโดยลงบิลไว้ 1-3 บิล เนื่องจากนายเฉลิมไม่ชอบพกเงินสด แต่ว่านายเฉลิมก็ไม่เคยบิดเบี้ยว จะมาจ่ายรวบยอด 2-3 บิลเสมอ
ตนก็ไว้ใจเพียงแค่นายเฉลิมคนเดียว และบิลที่ยังคงจ้างจ่ายไว้ วันที่ 13 ธ.ค. 63 ค้างจ่าย 1,040 บาท, วันที่ 24 ธ.ค. 63 ค้างจ่าย 2,340 บาท ตนก็คงทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากนายเฉลิมหลบหนีไปแล้ว ทางญาตินายเฉลิมเองก็ยังไม่มีการติดต่อมาขอชำระเงินในส่วนนี้ ส่วนตัวมองว่าญาตินายเฉลิมเองคงไม่ทราบว่านายเฉลิมออกไปดื่มร้านไหนบ้าง
ทั้งนี้ ปัญหาส่วนตัวตนก็ไม่ทราบว่านายเฉลิมมีปัญหากับใครบ้าง เพราะปกติไม่ค่อยสุงสิงกัน เวลาที่นายเฉลิมมาที่ร้านของตน ตนก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับลูกค้า จะปล่อยให้เด็กเสิร์ฟทำหน้าที่ดูแลตามปกติ ส่วนเรื่องคดีความที่นายเฉลิมเคยลงมือก่อเหตุยิงหัวหน้าแดนซ์เซอร์เสียชีวิตเมื่อปี 2555 ตนไม่ทราบ เนื่องจากตอนนั้นยังไม่ได้มีการรู้จักกับนายเฉลิม
นางสาวกุ้ง (นามสมมติ) อายุ 37 ปี ภรรยาของนายถนอมศักดิ์ เปิดเผยว่า ปกติตนจะเป็นผู้เลี้ยงลูกชาย 3 คน คนโต 9 ขวบ คนกลาง 4 ขวบ และคนเล็ก 2 ขวบครึ่ง และประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก ปลูกข้าว เลี้ยงวัว เลี้ยงกุ้ง ส่วนนายถนอมศักดิ์เป็นคนมีนิสัยชอบตีไก่ เที่ยวกลางคืน ซึ่งตนก็ทราบว่านายเหลือมักออกไปพร้อมกับนายธนกฤต เนื่องจากเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ทุกครั้งที่นายเหลือออกไปเที่ยงกลางคืน จะกลับมานอนที่บ้านทุกครั้ง ไม่เคยมีเรื่องนอกใจ
ซึ่งทุกครั้งที่ออกไปเที่ยว นายเหลือก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ตนฟัง เรื่องที่มีการใช้ปืนตบหน้าคนอื่นที่สถานบันเทิง ตนก็ไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน ยอมรับว่านายเหลือมีปืนจริง ซึ่งตนก็เคยบอกนายเหลือว่าให้เก็บไว้ดี ๆ เนื่องจากมีลูกในบ้าน
ทั้งนี้ ตนก็รู้สึกตกใจและเป็นห่วง ไม่รู้ว่าจะไปอยู่อย่างไร กินอย่างไร แต่ก็ขอให้เข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเรื่องคดีความก็ต้องว่าไปตามคดี
นางสมศรี (นามสมมติ) อายุ 69 ปี แม่ของนายถนอมศักดิ์ หรือ เหลือ เปิดเผยว่า ตนเลี้ยงนายเหลือตั้งแต่ยังเล็ก มักรู้นิสัยลูกชายดีว่าเป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใครมาก่อน สมัยเรียนก็ไม่มีปัญหากับใคร เพิ่งจะมาเกิดเหตุเป็นคดีความก็คือเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนก็ตกใจและรู้สึกเป็นห่วงลูกชาย ยังวิตกกังวัลคอยคิดตามว่าลูกจะโดนติดคุกหรือไม่ แต่จากที่ตนดูคลิปจากภาพกล้องวงจรปิดก็มั่นใจว่าลูกชายตนไม่ได้เป็นคนลงมือก่อเหตุที่ตามไปด้วยก็เพราะนายเฉลิมและนายเหลือเป็นเพื่อนกัน
และเชื่อว่าลูกชายของตนก็ไม่ได้หลบหนีไปกับนายเฉลิม แต่ตนก็ไม่ทราบว่าหลบหนีไปที่ไหน ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมา ส่วนตัวก็ยังเชื่อเสมอว่าลูกไม่มีวันฆ่าคน อยากให้ลูกกลับมามอบตัว ไม่ต้องกลัวอะไร แม่จะเป็นคนพาลูกไปมอบตัวเอง และพร้อมจะช่วยเหลือลูกทุกวิถีทาง หากลูกต้องถูกดำเนินคดี วอนตำรวจให้ดำเนินการแบบตรงไปตรงมา อย่ายัดข้อหาให้ลูกของตน
ด้านนายกฤษณะ เสาหงษ์ อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 63 เพื่อนสาวของตนโทรมาขอความช่วยเหลือให้ไปช่วยนางสาวแนน (นามสมมติ) ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของนายเฉลิม อยู่ในอาการมึนเมาไม่ได้สติอยู่ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ตนเดินทางไปกับเพื่อนผู้ชาย 2 คน และเพื่อนผู้หญิงอีก 3 คน พปถึงร้านก็เห็นสภาพนางสาวแนนอยู่ในสภาพที่เมาไม่ได้สติ จึงมีการหามออกมาจากร้าน
กระทั่งพบเจอนายเฉลิมและนายเหลืออยู่หน้าร้าน และเดินเข้ามาถามตนว่าคือใคร จะเอาตัวหลานไปไหน ซึ่งตนก็อธิบายให้นายเฉลิมฟังว่าตนพร้อมเพื่อนอีก 5 คน มาพาตัวนางสาวแนนกลับบ้าน ซึ่งมีเพื่อนนางสาวแนนที่เป็นผู้หญิงมาด้วย แต่นายเฉลิมบอกว่า "หลานกู กูจะพากลับเอง" นายเฉลิมส่งสัญญาณให้นายเหลือใช้ปืนตบเข้าที่ใบหน้าข้างขวาของตนจนได้รับบาดเจ็บปากแตก จากนั้นวันต่อมาวันที่ตนเข้าแจ้งความ จนถึงวันนี้คดีก็ยังไม่คืบหน้า
