จากกรณี พบศพ น.ส.ฐิติรัตน์ สีห์ราช หรือ เอ้ อายุ 35 ปี เจ้าพนักงานธุรการ ชำนาญงาน กองการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ถูกฆ่าหมกรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทะเบียน 5กฉ 1397 กรุงเทพมหานคร ที่จอดริมถนนสายเซ้าท์เทิร์นซีบอร์ด (สุราษฎร์ธานี-กระบี่) ฝั่งขาเข้าสุราษฎร์ธานี บริเวณบ้านเขาพูล
วันที่ 26 ธ.ค. 63 ทีมข่าวเดินทางมาที่หมู่ 8 ตำบลบ้านเพชร อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นบ้านของ นางสาวฐิติรัตน์ สีห์ราช หรือ เอ้ อายุ 35 ปี ซึ่งในวันนี้ ทางญาติพี่น้องได้เคลื่อนศพมาจากบ้าน และเริ่มพิธีฌาปนกิจศพ ตั้งแต่เวลาประมาณ 12.30 น.
โดยช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. ทางญาติพี่น้อง และคนใกล้ชิดได้เดินทางมาที่บ้าน และรับประทานอาหารร่วมกัน ซึ่งบางส่วนได้เดินทางไปพูดคุยกับแม่ของผู้ตาย ก่อนจะทยอยเดินทางกลับบ้าน ส่วนญาติได้นำของใช้ส่วนตัวของผู้ตายนำมาจากที่พักของผู้ตายในกรุงเทพมหานครมาไว้ที่บ้าน ได้แก่ เตียงนอน เบาะนอน เครื่องใช้ไฟฟ้า กล่องเอกสาร และกล่องสำหรับเก็บของใช้ส่วนตัว โดยหลังจากนี้จะรวบรวม และนำไปบริจาค
นางลี สีห์ราช แม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า วันนี้เพิ่งจะเสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจศพ ส่วนพิธีทางศาสนาอื่น ๆ ยังไม่ทันได้พูดคุยกัน โดยสภาพจิตใจของตนยังคงย่ำแย่เหมือนเดิม ตนยังกินข้าวไม่ค่อยได้ และนอนไม่หลับ เพราะตนสูญเสียลูกสาว ซึ่งเป็นดั่งแก้วตาดวงใจไป ทั้งนี้ ตนยังคงจะยืนยันคำเดิมว่าไม่รับคำขอโทษของนายโอชา และหลังจากนี้ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกับนายโอชาอีกแล้ว ส่วนบทลงโทษ หากเป็นไปได้ ตนก็อยากจะให้เสียชีวิตเหมือนกันลูกสาวของตน แต่ถึงแม้จะเสียชีวิตตามกันไป ก็ไม่สามารถทดแทน หรือ เอาลูกสาวของตนกลับคืนมาได้ นอกจากนี้ ตนไม่ต้องการให้มาเยียวยา และไม่ต้องการอะไรจากคน ๆ นั้น เพราะไม่มีอะไรทดแทนสิ่งที่ตนสูญเสียไปได้ แม้แต่หน้า ตนก็ไม่อยากเห็น และไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติหน้าก็ไม่ขอเจอหน้ากันอีกแล้ว หลังจากเกิดเรื่องลูกสาวก็ไม่เคยมาให้เห็น และตนเชื่อว่าลูกสาวของตนขึ้นสวรรค์แล้ว เพราะลูกสาวเป็นคนดีมาก
นางสาวเทเวศร์ ประกายเพชร อายุ 35 ปี เพื่อนสนิทสมัยมัธยมของผู้ตาย เปิดเผยว่า ครั้งแรกที่ทราบเรื่อง ตนก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าจะมาเกิดกับเพื่อนของตัวเอง ในวันนี้เพื่อนทุกคนได้มาส่งนางสาวเอ้เป็นครั้งสุดท้าย และตนขอให้นางสาวเอ้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นคนที่น่ารัก และสร้างเสียหัวเราะให้กับทุกคน เป็นคนที่ไม่ถือตัว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างรู้สึกเสียใจ ส่วนตัวยังรู้สึกว่าเอ้ยังอยู่กับใกล้ ๆ เสมอ ต่อจากนี้ไปเพื่อนทุกคนยังคงรัก และห่วงใยนางสาวเอ้เสมอ และจะจดจำเรื่องดี ๆ ไว้ รวมถึงเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มไว้
อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากเตือนภัย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ควรจะมีสติ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว เอาคืนกลับมาไม่ได้ เพื่อนของตนก็เช่นกัน ส่วนเรื่องของการอโหสิกรรม ตนคงจะให้คำตอบไม่ได้ แต่ตนอยากให้จะปัญหาเหล่านี้ออกจากสังคมไปเสียที และอยากจะให้กฎหมายเข้มงวดกว่านี้ เพราะเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก และอยากให้เพื่อนเป็นเคสสุดท้าย
ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดป่าวีรญาณมงคล อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นสถานที่ฌาปนกิจศพของผู้ตาย ขณะนี้ร่างของผู้ตายยังคงถูกเผาอยู่ในเตาเพลิง โดยในวันพรุ่งนี้ เวลาประมาณ 07.00 น. ทางญาติพี่น้องจะทำพิธีเก็บอัฐิให้กับผู้ตาย
บุกพิสูจน์ป่าช้าเก่า ใกล้จุดจอดรถหมกศพในเก๋ง ทีมข่าวได้เดินทางมายัง ห้วยรัด หมู่ 5 ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจุดนี้เป็นจุดพบรถเก๋ง ห่างจากตัวสะพานไป 50 เมตร มีต้นกระถินณรงค์ขนาดใหญ่ มีราวเหล็กสะพาน ซึ่งจุดเก๋งจอดไว้ริมทางใต้ต้นกระถินณรงค์ ซึ่งการลงไปในพื้นที่ครั้งได้ ได้มีนายสุรสิทธิ์ แดงเพ็ชร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน, นายมงคล นิลทจันทร์ อบต.หมู่ที่ 5, นายเสรี พรรณมองดี ชาวบ้าน พาผู้สื่อข่าวไปชี้จุดพบศพอยู่ในรถเก๋ง และชาวสวนยางพบผู้หญิงยืนบนราวเหล็กข้างทาง ทำท่าโบกมือหรือกวักมือเรียกรถในยามค่ำคืน ขณะที่ชาวบ้านได้ทำท่ายืนบนราวเหล็กข้างทางและกวักทำลักษณะที่เจอ และลงมาชี้จุดร่องรอยที่มีอุบัติเหตุรถชนราวสะพานบ่อยครั้ง
ขณะนั้นทีมข่าวได้กลิ่นศพลอยมา กลิ่นรุนแรง ทำให้ทุกคนต้องตะลึง ขนลุกชี้ชันทำอะไรไม่ถูก ผู้สื่อข่าวได้อุทานออกมาว่าน้องเขายังอยู่ที่นี่ พร้อมบอกว่าที่มาทำข่าวไม่ได้ลบหลู่ หากน้องยังอยู่ก็จะเป็นสื่อกลางพาน้องกลับบ้าน พูดจบฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก รัศมีฝนตกโดยรอบ แค่ระยะ 100 เมตร เลยจากบริเวณนั้นไม่มีฝนตก ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าเหมือนวิญญาณผู้ตายรับรู้และร้องไห้ออกมา หลังจากนั้น ชาวบ้าน อบต. ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านต่างเผ่นหนีไปด้วยความตกใจ ซึ่งขณะที่เกิดเหตุช่างภาพก็ตกตะลึงไปด้วยจึงไม่ได้บันทึกภาพช่วงเวลานั้น เมื่อตั้งสติได้ก็วิ่งมาขึ้นรถแล้วจึงได้ถ่ายภาพฝนตกไว้ เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตื่นตกใจของทุกคน
ต่อมาจึงได้เดินทางมารวมตัวกันอีกครั้งที่วัดอินทรการาม หมู่ 5 ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อขอรายละเอียดจากหลวงตาฟ้า หรือ พระสินอินทรโชโต อายุ 87 ปี เจ้าอาวาสวัดอินทรการาม ที่อยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ ระยะห่าง 300 เมตร วัดอยู่ใกล้สถานีรถไฟเขาพลู
พระสินอินทรโชโต เล่าว่า จุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่ป่าช้าเก่ามีพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ ที่มีอาถรรพ์ชาวบ้านต่างหวาดกลัว ต่อมาทางราชการได้สร้างถนนเซาเทิร์นทับที่ป่าช้า ทางวัดได้ทิ้งจุดป่าช้าให้รกร้างมากว่า 20 ปี โดยมีทางรถไฟกั้นกลาง ส่วนภาพที่ชาวบ้านพบเห็นวิญญาณผู้หญิงรายหนึ่ง ก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นผู้ตาย เนื่องจากตอนที่เขามารับศพกลับไปบ้าน ไม่ทำพิธีเชิญเขากลับไปด้วย จึงเป็นวิญญาณเร่ร่อน ต้องทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลให้เขา และให้ทางบ้านผู้ตายมาทำพิธีเชิญวิญญาณด้วย
สำหรับป่าช้าเก่าที่รกร้างอยู่ห่างจากจุดพบรถ 100 เมตร แต่ทางเข้าค่อนข้างรก ต้องให้มีดพร้าฟันถางเพื่อเปิดทางเดินเข้าไป ศาลาที่ไว้สำหรับตั้งศพมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ 1 องค์ มุงหลังคาด้วยกระเบื้อง โดยรอบเป็นป่ารกปกคลุม สิ่งที่น่าอัศจรรย์พบว่าพื้นปูนเกลี้ยงสะอาด คล้ายว่ามีคนเข้ามาทำความสะอาด จึงได้สอบถามพระลูกวัด ว่ามีคนเข้ามาดูแลหรือไม่ พระลูกวัดตอบว่าไม่มีใครเข้ามาดูแล เพราะทิ้งร้างไว้เป็น 10 ปีแล้ว