แบงค์โต้ 4 โจ๋อำมหิต ไม่เต้นท่ายั่วโทสะ พยานแฉทั้งแก๊งพูดเท็จ ญาติป้องลูกฉันคนดี (คลิป)

30 ธ.ค. 63

กรณีกลุ่มวัยรุ่นชายประมาณ 4 คน ร่วมกันรุมทำร้ายร่างกาย นายนพรัตน์ บุญรัตน์ หรือ แบงค์ อายุ 23 ปี หนุ่มนักเต้นหน้าตาดี ด้วยการกระทืบเตะต่อย ใช้ขวดตีหัว และเก้าอี้ฟาดซ้ำหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บสาหัสกะโหลกศีรษะร้าว ขณะไปนั่งดื่มกับพี่ชายที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งใน อ.ละหานทราย เมื่อคืนวันที่ 23 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา

820438

ถัดมาวันที่ 28 ธ.ค.63 พนักงานสอบสวน สภ.ละหานทราย ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย ได้แก่ นายวิกรม หรือกล้า, นายอนุชา หรือ ตาล, นายมอส และนายโจ ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมีข้อมูลว่า นายมอส เป็นพี่ชายของนายกล้า ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายโจ และเป็นญาติห่าง ๆ กับนายตาล

933091

กระทั่งวันที่ 29 ธ.ค.63 ผู้ปกครองนำผู้ต้องหาทั้ง 4 รายเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละหานทราย ประกอบด้วย นายวรพล หรือ มอส อายุ 23 ปี และนายวิกรม หรือ กล้า อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นพี่น้องกัน, นายอนุชา ทองโปรด หรือ ตาล อายุ 20 ปี และนายสนธยา กงทอง หรือ โจ อายุ 22 ปี โดยผู้ต้องหาอ้างว่าทำไปเพราะเมา และนายแบงค์ เต้นทำท่าชูมือเป็นรูปกากบาท ลักษณะคล้ายเหยียดหยามช่วงที่กำลังจะเป่าเค้ก ตามที่นำเสนอข่าวไปนั้น

424114

ล่าสุดวันที่ 30 ธ.ค.63 เวลา 11.30 น. ที่สภ.ละหานทราย พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาเข้าสอบปากคำในห้องสอบสวนทีละคน โดยนายวรพล กงค์ประโคน หรือ มอส อ้างว่านายแบงค์ เต้นทำมือรูปกากบาทใส่นายกล้า น้องชายตัวเอง พร้อมมองหน้าจึงไม่พอใจ อีกทั้งปฏิเสธว่าตัวเองกับพวกไม่ได้พูดว่ามาจากบ้านสันติสุข

107236114035

ด้านนายสนธยา กงทอง หรือ โจ ผู้ต้องหาอีกราย กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตนเมามาก จำเหตุการณ์ไม่ได้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง รวมถึงไม่รู้ปมเหตุ แต่ก็น่าจะเกิดจากความไม่พอใจที่อีกฝ่ายทำท่าทางคล้ายเหยียดหยามพวกตนตามที่เพื่อนบอก โดยเหตุที่ตนทำลงไปเพราะทำตามเพื่อนเท่านั้น แต่มั่นใจว่าตนไม่ได้ใช้เก้าอี้ฟาดคนเจ็บ ทั้งนี้ก็อยากขอโทษอีกฝ่ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

476099959522

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหา และถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นได้รับอันตรายสาหัส”  โดยเบื้องต้นได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เพราะเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ก่อนนำตัวส่งศาลจังหวัดนางรองภายในวันที่ 30 ธ.ค.63 ซึ่งเบื้องต้นทั้ง 4 รายให้การรับสารภาพ อ้างว่าทำไปเพราะถูกผู้บาดเจ็บเต้นยั่วยุท่ากากบาท 

454734

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ น.ส.กาญจนา ภูวนผา อายุ 40 ปี แม่นายแบงค์ กล่าวว่า ตนทราบข่าวเรื่องที่ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนเข้ามอบตัวแล้ว สอบถามลูกชายจำไม่ได้ว่าผู้ก่อเหตุใช่ 4 คนที่มีข่าวหรือไม่ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก แต่พยานยืนยันกับตนว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 คนคือผู้ก่อเหตุจริง

621329439364

โดยตนยังสอบถามนายแบงค์ ด้วยว่าได้เต้นและทำท่าเหยียดหยามตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างหรือไม่ ลูกชายตนปฏิเสธว่าไม่ได้ลุกขึ้นเต้น ก่อนเกิดเหตุนั่งกินข้าวและดื่มเหล้าตามปกติ โดยไม่ได้สนใจกลุ่มผู้ต้องหาที่นั่งอยู่ในร้านด้วยซ้ำ ซึ่งลูกชายยังบอกด้วยว่า อยากถามผู้ต้องหาว่ามาทำร้ายทำไม ส่วนที่นายกล้า ให้สัมภาษณ์ว่าทำไปเพราะเมานั้น ตนไม่เชื่อว่าช่วงก่อเหตุจะเมาจนขาดสติ คิดว่าต้องรู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไรลงไป การฝากมาขอโทษทางครอบครัวตนก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว เพราะอีกฝ่ายทำผิด ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เพราะเสียอนาคตทั้ง 2 ฝ่าย ตอนนี้เป็นช่วงปีใหม่แทนที่จะได้อยู่กับครอบครัวกลับต้องติดคุก อยากให้เป็นบทเรียนไม่ต้องไปทำกับใคร ขอให้คดีของลูกชายตนเป็นคดีสุดท้าย

831474

ทั้งนี้ตนก็อยากไปดูหน้าผู้ต้องหาด้วยตัวเอง แต่ต้องดูแลลูกชายที่โรงพยาบาล จึงไม่สามารถไปได้ ส่วนคดีก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้อาการของลูกชายเริ่มดีขึ้น ยังปวดหัว และมีลิ่มเลือดในสมอง ซึ่งแพทย์ระบุต้องใช้เวลาสลายประมาณ 3-4 เดือน หากอยากให้สลายเร็วต้องผ่าตัด แต่ลูกชายไม่อยากผ่า ตนก็กลัวว่าจะอันตรายจึงตัดสินใจว่าจะขอให้ลิ่มเลือดสลายไปเอง

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้แพทย์จะเริ่มให้นายแบงค์ ทำกายภาพบำบัด ด้วยการลุกเดิน คาดว่าใช้เวลาไม่นานน่าจะกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้

569440

ร.ต.อ.อนุสรณ์ ศรีพรหม รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ละหานทราย ได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ประกอบไปด้วย นายวรพล กงค์ประโคน หรือ มอส อายุ 23 ปี, นายวิกรม กงค์ประโคน หรือ กล้า อายุ 22 ปี สองพี่น้อง, นายอนุชา ทองโปรด หรือ ตาล อายุ 20 ปี และนายสนธยา กงทอง หรือ โจ อายุ 22 ปี เพื่อประกอบสำนวนคดี โดยทำการแยกสอบทีละคน ซึ่งหลังจากสอบปากคำเสร็จก็จะประสานทางโรงพยาบาล ได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากมีผู้ต้องหา 3 คน เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง พร้อมกันนี้ก็ได้ประสานเจ้าหน้าที่จากเทศบาล ต.ละหานทราย มาทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตามจุดต่าง ๆ ภายในโรงพักด้วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 

657828

ขณะที่ญาติของผู้ต้องหาก็ได้เดินทางมาเยี่ยมที่โรงพัก นางนิตยา แม่ของนายอนุชา หรือ ตาล หนึ่งในผู้ต้องหา บอกว่า ที่พาลูกชายมามอบตัวเพราะไม่อยากให้ลูกหลบหนี แต่อยากให้ยอมรับในสิ่งที่ทำ ซึ่งลูกชายก็ยืนยันกับตำรวจ และบอกกับตนว่าวันเกิดเหตุได้ไปเที่ยวและอยู่ในเหตุการณ์จริง แต่ไม่ได้ร่วมลงมือทำร้ายด้วย  

898671

ในช่วงที่ชุลมุนลูกชายกำลังจีบสาวอยู่ที่โต๊ะ แต่ก็ต้องยอมรับเพราะอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งตนก็ไม่ได้เข้าข้างลูก ผิดก็ว่ากันไปตามผิด ก็รู้สึกเสียใจและตั้งใจจะไปเยี่ยมคนเจ็บและขอโทษครอบครัวผู้บาดเจ็บด้วย ก็เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ถ้าลูกของตัวเองถูกทำร้ายก็ต้องรู้สึกเหมือนกัน ซึ่งตนก็ไม่ได้อยากให้ลูกเป็นแบบนี้ ก็บอกลูกว่าเมื่อไรที่เป็นพ่อแม่คนแล้วจะเข้าใจว่ามันทุกข์และเจ็บปวดแค่ไหน ยอมรับว่าตอนนี้ถูกญาติของผู้บาดเจ็บ รวมถึงโซเชียลฯ รุมด่าแบบเสียหาย ก็เสียใจแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ก็อยากให้สังคมเข้าใจว่า ไม่มีใครอยากให้ลูกเป็นแบบนี้

529682

เมื่อสรุปคำสัมภาษณ์ของญาติ ๆ และผู้ปกครองของผู้ต้องหา นางดวงพร แม่ของนายมอส บอกว่า "ลูกไม่ได้มีนิสัยอันธพาล หรือไปมั่วหาเรื่องใครก่อน ลูกทั้ง 2 คนเป็นคนมีเหตุผลพอสมควร อาจจะขาดสติ เพราะเมา" ส่วนนางรื่น ย่าของนายโจ บอกว่า "หลานไม่เคยทำตัวเป็นขาใหญ่ ไม่มีนิสัยอันธพาล" ขณะที่นางทิพย์ แม่ของนายตาล บอกว่า "ลูกอาจไม่ได้ร่วมก่อเหตุ แต่ไปด้วยกันกับผู้ก่อเหตุ"

887503

ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และได้พูดคุยกับ น.ส.เตย (นามสมมติ) ผู้เห็นเหตุการณ์การรุมทำร้ายในครั้งนี้ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงว่าที่กลุ่มผู้ต้องหากล่าวอ้างมานั้นจริงหรือไม่ เล่าว่า ในวันเกิดเหตุมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอยู่เต็มร้าน โดยผู้บาดเจ็บมากับพี่ชาย (ลูกพี่ลูกน้อง) ซึ่งทั้งคู่นั่งอยู่ในพื้นที่โต๊ะของตัวเอง อาจจะมีลุกขึ้นเต้นบ้าง แต่ก็เต้นอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ไม่ได้รบกวนโต๊ะอื่น ๆ

ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาหลังจากที่ดื่มสุราไปได้สักพัก ก็ได้มีการเป่าเค้กวันเกิด โดยทางร้านก็ได้ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ ซึ่งขณะนั้นผู้บาดเจ็บก็ได้นั่งอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ทำท่าทางอะไรหรือเต้นอะไรตามที่กลุ่มผู้ก่อเหตุกล่าวอ้าง

cg_8

โดยเมื่อทางร้านร้องเพลงอวยพรวันเกิด กลุ่มผู้ต้องหาก็ได้ถือแก้วลุกเดินไปหาผู้บาดเจ็บ แล้วขอสุราจากผู้บาดเจ็บ ขณะนั้นพี่ชายของผู้บาดเจ็บไม่อยู่ที่โต๊ะ เพราะได้ลุกไปห้องน้ำ ผู้บาดเจ็บจึงได้เทสุราให้ พร้อมถามตามมารยาทว่า “พี่ ๆ มาจากแถวไหนครับ” สิ้นสุดคำกลุ่มผู้ต้องหาก็ได้รุมทำร้ายผู้บาดเจ็บในทันที ทั้งนี้ตนยืนยันได้ว่าผู้บาดเจ็บไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการท้าทายกลุ่มผู้ต้องหา ขอให้กฎหมายเป็นตัวจัดการกลุ่มผู้กระทำผิด

998085

จากการสอบถามครอบครัว ขณะนี้อาการของนายนพรัตน์ บุญรัตน์ หรือ แบงค์ อายุ 23 ปี ดีขึ้นมาก แต่นายนพรัตน์ ยังคงคิดมากและบ่นให้ครอบครัวฟังอยู่เป็นระยะว่า แพทย์สั่งห้ามเต้นเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน เนื่องจากต้องรักษาอาการเลือดคั่งในสมองให้หายสนิทก่อน ห้ามออกแรงหรือห้ามทำกิจกรรมที่กระทบกระเทือน

205960

ทีมข่าวเดินทางไปที่ จ.พิษณุโลก พบกับ นายธีรวีร์ อร่ามแสงสุวรรณ หรือ “ปัน” อายุ 28 ปี คู่หูดูโอ้นักเต้น กับน้องแบงค์ ที่ไปคว้ารางวัลอันดับที่ 1 การแข่งขันเต้นที่ประเทศเยอรมัน ปี 2019 และเป็นครูสอนเต้น เปิดใจว่า ตอนนี้น้องแบงค์พูดได้ช้า ๆ เล่นโทรศัพท์ได้ แต่จ้องมองแสงนาน ๆ ไม่ได้ ส่วนลิ่มเลือดในสมองยังต้องรอดูอาการอยู่ ได้โทรไปให้กำลังใจกันอยู่เรื่อย ๆ บอกว่า เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ยังให้กำลังใจกันอีกเยอะ อยากให้หายไว ๆ ยังมีอะไรที่ต้องทำด้วยกันอีกเยอะ ห่วงสภาพร่างกาย และจิตใจของน้องแบงค์มาก

ขณะเดียวกันที่ผู้ต้องหามามอบตัว แล้วอ้างว่าน้องแบงค์ไปเต้นกวน เรื่องนี้ตนรับไม่ได้ คนทำผิดก็ต้องรับโทษ มามอบตัวก็ไม่ต้องมีข้ออ้าง เพราะทำลงไปแล้ว ทำเพราะความสะใจได้เวลาจ่ายค่าดูแล ค่ารักษาพยาบาล และต้องรับผลกรรมที่ต้องเข้าไปในคุกได้แล้ว อย่ามาอ้างไร้สาระว่า น้องแบงค์ ไปเต้นกวนท่ากากบาท อยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้น้องแบงค์ หากผู้ต้องหาไม่รู้ว่าแบงค์เป็นนักเต้น ก็คงไม่เอาคำนี้มาอ้าง อยากให้รับโทษสูงที่สุด

696753

"มันไม่มีท่าทางเต้นแบบนี้ อย่ามาอ้างมั่ว มันฟังไม่ขึ้น ส่วนเรื่องที่บอกว่าเมาไม่ได้สติ ก็อย่ามาอ้าง ที่ทำไปเพราะขาดสติ ถ้าโดนกระทืบบ้าง ครอบครัวผู้ต้องหาจะรับได้หรือไม่ คนมีเหตุผลไม่ทำกันแบบนี้ คนที่จิตใจดีถ้าเมาหมายังไม่กล้าแตะ การทำรุนแรงแบบนี้ แจ้งข้อหาพยายามฆ่าได้เลย" นายธีรวีร์ กล่าว 

ทั้งนี้ถ้าอนาคตน้องแบงค์เต้นไม่ได้ ครอบครัวทั้ง 4 คน จะรับผิดชอบกันไหวหรือไม่ น้องแบงค์ไม่ได้เติบโตมาด้วยความร่ำรวย หรือมีพ่อแม่คอยส่งเสียเงินให้ น้องแบงค์ต้องพยามตะเกียกตะกายด้วยตัวเอง อยากถามผู้ต้องหาว่า เคยทำอะไรให้พ่อแม่ภูมิใจบ้าง มีแต่ทำให้พ่อแม่เจ็บปวด หากเรื่องนี้ตนเป็นคนกระทืบ ไม่ต้องถึงตำรวจ พ่อแม่คงกระทืบตนก่อนเเล้ว 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส