ไทใหญ่โหดขนอาวุธบุกบ้านนายจ้างทวงเงินเที่ยวปีใหม่ หนุ่มหวังดีรุดเตือนเจอฟันคอดับ (คลิป)

ตำรวจภูธรสารภี รับแจ้งเหตุกลุ่มวัยรุ่นไทใหญ่ยกพวกทะเลาะวิวาทกัน เหตุเกิดที่ภายในหอพักไม่มีชื่อ ม.7 ต.ไชยสถาน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ที่เกิดเหตุพบกองเลือด และท่อนไม้ที่เปื้อนเลือดกระจายทั่วบริเวณ มีชาวบ้านมุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก ตำรวจไม่พบกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ

ส่วนกลุ่มคนเจ็บผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ทราบชื่อ กลุ่มคนเจ็บและเสียชีวิต คือ นายตาล อายุ 20 ปี ผู้ตาย ถูกฟันคนเกือบขาด, นายเครือ อายุ 29 ปี ถูกฟันนิ้วก้อยซ้าย, นายหน่อ โดนไม้ฟาดแขน, นายเอ็ม อายุ 33 ปี โดนโดนทุบหัว ถูกหนังสติ๊กยิงตามตัว ถูกไม้ฟาดหลัง, นายดู่ อายุ 35 ปี นายจ้างของกลุ่มคนก่อเหตุ ถูกใช้มีดฟันแขนสองข้าง

ขณะที่กลุ่มของคนก่อเหตุ นำโดยนายปืน อาศัยอยู่ข้างห้องผู้ตาย เป็นลูกน้องของนายดู่, นายหม่อง, นายต๊ะ เพื่อนของนายปืน ที่พากันไปตามเพื่อนอีกหอพักหนึ่ง ยกพวกมาจำนวน 7-8 คน มาพร้อมกับอาวุธครบมือ มีดสปาต้า หนังสติ๊ก ไม้ และท่อนเหล็ก

วันที่ 2 ม.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ภายในซอยวัดเชียงขวาง ต.ไชยสถาน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เป็นห้องพักแบบรายเดือน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มแรงงานชาวไทใหญ่มาเช่าพักอาศัยอยู่ พบว่าเป็นห้องของญาตินายตาล ผู้ตาย มีรอยเปื้อนเลือดกระจายเต็มพื้นและผนัง เนื่องจากนายตาลโดนฟันคอ ได้วิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือจากนางสาวคำนน ลุงกอ น้าสาว ที่ห้องดังกล่าว โดยช่วงนั้นนางสางคำนนกำลังพาลูกน้อยวัย 1 ขวบเข้านอนอยู่

นางสาวคำนน ลุงกอ น้าของผู้ตาย เล่าว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุเวลาประมาณ 21.00 น. กลุ่มร้านของตนเองนั่งดื่มสังสรรค์และเตรียมแลกของขวัญเนื่องในวันขึ้นปีใหม่บริเวณโรงจอดรถ ใกล้กับหน้าห้องของตัวเอง ส่วนนายดู่ และแฟนสาว นั่งอยู่ที่โต๊ะไม้หน้าห้องฝั่งตรงข้าม สังเกตว่านายดู่ได้มีการโทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายปืน นายต๊ะ และนายหน่อง ซึ่งเป็นลูกจ้างของนายดู่ โดยมีลักษณะพูดท้าทายกันว่า "แน่จริงมึงก็มาสิ" เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กลุ่มของนายปืนเกิดความไม่พอใจ

หลังจากที่มีการวางสายโทรศัพท์ไม่นาน นายปืน นายต๊ะ และนายหม่อง ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ซ้อนสามเข้ามาที่หน้าห้องของนายดู่ มีการทวงเงินหลักพันบาท แต่ไม่ทราบว่าจำนวนเท่าไร ซึ่งนายดู่ปฏิเสธที่จะจ่ายเงิน อ้างว่าทั้งสองฝ่ายอยู่ในอาการมึนเมา กลัวว่าจะใช้เงินหมดตั้งแต่ต้นเดือน ทำให้กลุ่มของนายปืนเกิดความไม่พอใจ มีปากเสียงกันเสียงดัง กลุ่มของหลานชายลุกออกจากวงสังสรรค์ ไปตักเตือนกลุ่มของนายปืนว่า "หอพักไม่ควรเสียงดัง ให้เกรงใจคนอื่นด้วย" จากนั้นกลุ่มของนายปืนก็ได้ตอบกลับว่า "อือ" แล้วขับรถออกไปจากห้องเช่า แต่ผ่านไป 1 ชั่วโมง ขี่รถกลับมาพร้อมพวก 7-8 คน

กรูเข้ามาพร้อมกับอาวุธครบมือ ทั้งมีดสปาต้า หนังสติ๊ก ไม้ ท่อนเหล็ก เมื่อมาถึงบริเวณหน้าห้องเช่าก็ไม่ได้มีปากเสียงกันต่อ แต่ได้ยินเสียงกลุ่มของนายปืนตะโกนขึ้นมาว่าบุกมัน จากนั้น กลุ่มพรรคพวกที่มาพร้อมกับนายปืน 7-8 คน ได้ลงมาพร้อมกับอาวุธทำร้ายคนในหอพัก รวมถึงกลุ่มของหลานชายที่นั่งดื่มสังสรรค์กันอยู่ด้วย ตนไม่คิดว่าหลานชายจะถูกทำร้าย เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ตั้งแต่แรก

ที่โรงพยาบาลสารภี ากลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บกำลังยืนรอให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล นายดู่ ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ปมขัดแย้งนั้นมาจากปีที่แล้ว ที่ฝ่ายของคนร้าย ซึ่งเป็นคนรู้จักกันมาขอเบิกเงินที่ตน เพื่อที่จะนำไปเที่ยวในคืนวันเคาต์ดาวน์ ซึ่งตนก็ได้ให้ไป แต่หักไว้คนละ 1,000 บาท เพราะกลัวว่าจะนำเงินไปเที่ยวจนหมด แล้วไม่มีเงินกินข้าว แต่ก็กลับทำให้หมางใจกัน กระทั่งช่วงดึกกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้เข้ามาเคลียร์ปัญหากัน แต่ก็เคลียร์กันไม่ได้ และเกิดการรุมทำร้ายกันเกิดขึ้น

นางสาวดวง (นามสมมติ) อายุ 22 ปี แฟนสาวของนายปืน กลุ่มก่อเหตุ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองทราบว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างนายปืนแฟนหนุ่ม กลับนายดู่ นายจ้าง โดยคืนนั้นแฟนหนุ่มอาศัยอยู่กับตนเองและเพื่อน 2 คน นายต๊ะกับนายหม่องนายจ้างได้โทรศัพท์เข้ามาก่อกวนและมีการท้าทายทำนองว่า "อยากได้เงินแน่จริงก็ให้เข้ามาเคลียร์" ทำให้โกรธและมีอารมณ์ฉุนเฉียว แฟนหนุ่มได้ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปพร้อมกับเพื่อนเคลียร์ใจกันกับนายจ้าง จากนั้นก็ไม่ได้ย้อนกลับมาที่หอพัก จนกระทั่งมาทราบอีกทีว่าไปก่อเหตุขั้น

ทั้งนี้ แฟนหนุ่มจะทำงานกับนายดู่มานานหลายปี ได้รับเงินทุกต้นเดือนและกลางเดือน วันเกิดเหตุแฟนหนุ่มต้องการเบิกเงินมาใช้ในช่วงต้นปี จึงได้พยายามติดต่อนายจ้าง เป็นยอดเงินอยู่ที่ประมาณ 6,000-7,000บาท แต่นายจ้างมีลักษณะปฏิเสธ ประกอบการยั่วยุให้เกิดอารมณ์

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองอยากจะฝากขอโทษและแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้ตาย ถ้าหากจะต้องมีการชดใช้หรือเยียวยา ส่วนตัวก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เพราะหลังจากนี้ไม่รู้ว่านายปืนจะต้องรับโทษตามกฎหมายหรือติดคุกนานแค่ไหน ตนเองมีหน้าที่จะต้องดูแลลูกชายวัย 7 เดือน และยืนยันว่าจะไม่มีการประกันตัว ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดที่เกิดเหตุ และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป