หลังจากที่ชุดสืบสวนกองการปราบปรามฯ จับกุม นางเรวดี หาแก้ว หรือ ป้าติ้น และนางวิไลพร รัตนติสร้อย หรือ ป้าเล็ก ในข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จ หลังแจ้งความเท็จเอาผิดนางสุดารัตน์ น้อยนิตย์ หรือ ป้าดา ยักยอกลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 เมษายน 2559 เงินรางวัล 30 ล้านบาท ในพื้นที่ สน.ประเวศ และแจ้งความนางจรูญ หรือ ป้าติ๋ว ยักยอกลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 เมษายน 2560 เงินรางวัล 30 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมป้าติ้น ได้ในพื้นที่ จ.หนองคาย เมื่อวานนี้ (29 เม.ย.) และสามารถจับกุมป้าเล็ก ได้ในช่วงเช้าวันนี้ (30 เม.ย.) โดยหลังการสอบปากคำ ป้าติ้นยังยืนว่าตนเองถูกรางวัลที่ 1 จริง
วันนี้ ( 30 เม.ย. 61 )
“รายการต่างคนต่างคิด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.50 น. ได้เชิญ
นางจรูญ หรือ
ป้าติ๋ว,
นางสุดารัตน์ น้อยนิตย์ หรือ
ป้าดา และ
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร่วมพูดคุยในรายการ
โดย
ป้าติ๋ว และ
ป้าดา เปิดเผยว่า รู้สึกสบายใจมากขึ้น และไม่รู้สึกโกรธแค้นป้าติ้น เพราะถือว่าป้าติ้นได้รับกรรมที่ทำไว้แล้ว ซึ่ง
ป้าดา กล่าวเสริมว่า การที่ป้าติ้นถูกจับเป็นเพราะผลจากคำสาบานที่ไปเล่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วน
ป้าติ๋ว ยอมรับด้วยว่า ป้าเล็กเคยพูดว่าจะไม่เป็นพยานให้ใคร เพราะตนเองคิดผิดที่อยู่ฝั่งป้าติ้น
ด้าน
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า เหตุที่ป้าติ้นถูกจับเพราะว่าไปก่อกรรมทำเข็ญกับคนบริสุทธิ์ 3 คน คือ ป้าดา, ป้าติ๋ว และ ร.ต.ท.สมประสงค์ ปสาทรัตน์ รอง สว.สอบสวน สน.ประเวศ หรือ หมวดโค้ก ซึ่งส่วนตัวมองว่า หมวดโค้กเพิ่งจะจบตำรวจใหม่ จึงหลงเชื่อมอบสำนวนทางคดีให้ป้าติ้น เพราะสู้เล่ห์เหลี่ยมไม่ได้ โดยถ้าป้าติ้นไม่มีสำนวนคดีที่หมวดโค้กให้ไป ก็จะไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นคนขึ้นเงิน อย่างเช่น กรณีของป้าติ๋วที่ป้าติ้นไม่มีสำนวนคดี จึงไม่รู้ข้อมูลใดๆ ทั้งนี้ตามหลักกฎหมายป้าติ้นไม่สามารถเอาสำนวนออกมาได้ โดยตนก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่า ป้าติ้นจะกล้านำเอกสารลับของกองสลากมาโชว์ในรายการ ซึ่งผิดกฏหมาย
โดยนายอัจฉริยะ เล่าด้วยว่า ป้าติ้นเคยบอกกลางรายการต่างคนต่างคิดเมื่อครั้งมาดีเบตกันก่อนหน้านี้ว่า เอกสารได้มา เนื่องจากหมวดโค้กฝากให้ตนนำไปมอบให้กองปราบฯ หลังจากนั้นก็กลับคำพูด บอกว่าเป็นคนแอบหยิบเอกสารมาจากหมวดโค้ก ส่วนตัวได้ให้โอกาสหมวดโค้กไปแล้วว่า หากหมวดโค้กไม่ได้ร่วมมือกับป้าติ้น จะต้องเข้าแจ้งความป้าติ้น ฐานลักเอกสารทางราชการ ซึ่งถ้าหากหมวดโค้กแจ้งความในตอนนั้น ป้าติ้น อาจถูกจับก่อนคดีนี้ด้วยซ้ำ แต่การไม่แจ้งความแต่อย่างใด ทำให้เห็นได้ว่า หมวดโค้กให้ความร่วมมือกับป้าติ้น ซึ่งขณะนี้ก็มีการสอบวินัยในกรณีนี้อยู่
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า กรณีที่ป้าเล็ก ถูกจับกุมนั้น เป็นคดีที่ร่วมกับป้าติ้นเพื่อเอาผิดป้าดา ซึ่งมองว่า ป้าเล็กไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะภายหลังป้าเล็กไม่ได้ให้ความร่วมมือกับป้าติ้นแล้ว ต่อมาจึงโดนจับกุม ในข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จ เพื่อให้ผู้อื่นโดนลงโทษทางอาญา มีโทษจำคุกมากกว่า 3 ปี
ทั้งนี้ จากที่ป้าติ้นยังยืนยันว่าตนเองเป็นคนถูกหวยจริงทั้ง 2 ครั้ง และอยากให้มีการตรวจสอบหลักฐานใหม่อีกครั้ง นายอัจฉริยะกล่าวว่า คดีของป้าดาก็มีหลักฐานที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่มีลายมือของป้าติ้นบนลอตเตอรี่ ทั้งนี้ในส่วนของคดีป้าติ๋ว ก็ได้มีการส่งหลักฐานส่งไปตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ก็ไม่พบลายมือของป้าติ้นเช่นกัน ซึ่งที่สำคัญคือกองปราบลงพื้นที่สอบสวนคนขายลอตเตอรี่ทั้ง 2 คดี และยืนยันว่ามีการจ้างรายละ 1 ล้านบาททั้ง 2 ราย ซึ่งคดีของป้าดา ก็มีการสอบปากคำคนขึ้นเงินทราบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับป้าดา ทั้งพยานนิติวิทยาศาสตร์ และพยานบุคคล ซึ่งขณะที่ป้าติิ้นและป้าเล็กถูกคุมขังที่กองปราบปราม ก่อนจะฝากขังที่ศาลอาญารัชดาในวันพรุ่งนี้ โดยหลักแล้วถ้ามีเงินประกันตัว ศาลก็ให้ประกัน
นายอัจฉริยะกล่าวต่อว่า ส่วนตัวมองว่าป้าติ้นติดการพนัน และเชื่อหมอดูมาก ซึ่งหมอดูทำนายว่าจะถูกรางวัลที่ 1 ก็เลยปักใจเชื่อว่าตนเองจะต้องถูกหวยจริง ตนมองว่าเป็นการมโน คิดไปเอง บวกกับความเจนจัดที่ในอดีตเคยเป็นตำรวจมาก่อน ซึ่งป้าตื้นอาจจะเสพสารบางอย่างเข้าไป ทำให้เกิดอาการจิตหลอนได้
ทั้งนี้ทางคดี นายอัจฉริยะ ระบุว่า พนักงานสอบสวนกองปราบฯ ดำเนินการอย่างละเอียด ส่งลอตเตอรี่ไปตรวจที่หน่วยงานกลาง, ลำพูน และย่านเยาวราช กรุงเทพฯ ซึ่งป้าติ้นไปติดต่อขอเสนอเงิน เพื่อให้คนที่เคยถูกหวยอ้างเป็นพยานว่า ป้าติ้นจ้างให้ไปขึ้นเงิน ซึ่งยังอยู่ในสำนวนระหว่างการสอบสวน ซึ่งในหลายพื้นที่นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับป้าติ๋วแต่อย่างใด ส่วนการที่ป้าติ้นรู้ว่ามีใครที่ถูกสลากบ้าง เพราะว่าเคยเป็นตำรวจ จึงมีพวกพ้องที่สามารถเช็กได้แม้กระทั่งเส้นทางการเงินในธนาคารของคนที่ขึ้นเงิน ซึ่งถือเป็นการแอบลักลอบดูข้อมูลของลูกค้าธนาคาร
ด้าน
ป้าดา มองว่า ถ้าหากไม่มีคนยื่นมือมาช่วยตัวเองในคดีนี้ ตนคิดว่าอาจจะลำบาก และกลายเป็นคนผิดได้ ซึ่งคดีที่ป้าติ้น ฟ้องตนยังอยู่ในชั้นศาล ตนเองก็ไม่กังวล เพราะยึดตามกระบวนการกฎหมาย เนื่องจากหลักฐานมีความชัดเจน โดยนายอัจฉริยะกล่าวเสริมว่า ในชั้นสืบสวน ป้าดามีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ตนมั่นใจว่าป้าดาจะต้องหลุดคดีอย่างแน่นอน เพราะไม่มีพยานเบิกความให้กับป้าติ้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหลังจากป้าติ้นถูกจับแล้ว ทนายความจะกล้าให้ความช่วยเหลืออีกหรือไม่
นอกจากนี้
ป้าดาบอกด้วยว่า หลังจากนี้ตนคิดจะเรียกค่าเสียหายจากป้าติ้น เพราะตนเองก็ถูกขังในเรือนจำมา 4 วัน ตนเสียทั้งหน้าที่การงาน เสียเวลา สภาพจิตใจ เสียชื่อเสียง และญาติพี่น้องก็ได้รับผลกระทบ ด้าน
ป้าติ๋ว กล่าวเสริมว่า อยากให้ป้าติ้นได้รับบทเรียน จะได้รู้ว่าการทำคนอื่นเป็นทุกข์ เวลาที่ตัวเองโดนบ้างจะรู้สึกออ่างไร
โดย
ป้าติ๋ว เล่าด้วยว่า ก่อนหน้านี้ที่ตนไม่ออกมาแสดงตัว เนื่องจากไม่อยากให้กระทบกับครอบครัวและหน้าที่การงานของลูกสาว แต่ที่ตนตัดสินใจออกมาต่อสู้ เพราะว่าตนถูกบีบคั้น ซึ่งตนบอกว่าหากป้าติ้นหยุด ตนจะไม่ดำเนินการเอาเรื่อง แต่หากป้าติ้นไปแจ้งความ ตนก็พร้อมจะต่อสู้ พร้อมแสดงตัวให้ป้าติ้นเห็นว่า ตนก็ไม่กลัว ซึ่งการที่ป้าติ้นทำแบบนี้ ส่วนตัวมองว่า ป้าติ้นอาจจะคิดว่าตนคงจะมีเงินให้จึงมาข่มขู่ หลังจากนี้ หากป้าติ้นยอมออกมาขอโทษ ป้าติ๋ว กล่าวว่า ตนคงยอมไม่ได้ เพราะตนสูญเสียมามาก ทางด้านจิตใจและครอบครัว แค่คำขอโทษก็พูดง่าย แต่สิ่งที่ทำไว้นั้นเกินกว่าจะให้อภัย เช่นเดียวกับป้าดาที่ระบุว่า ตนก็ไม่มีทางให้อภัย
ส่วนกรณีที่ป้าติ้น มีการนำทหารมาข่มขู่ป้าติ๋ว
นายอัจฉริยะ มองว่าอาจจะไม่ใช่ทหารจริง เพียงแค่ใส่ชุดทหาร เพราะทหารจริงคงจะไม่กล้าทำแบบนี้ ซึ่งตนมองว่าป้าติ้นไม่น่าจะทำร่วมกันทำเป็นขบวนการ
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า หากไม่ดำเนินการกับป้าติ้นอย่างจริงจัง เขาก็อาจจะไปทำกับคนอื่นอีก ซึ่งเป็นบทเรียนได้ว่า "คุณเคยทำคนอื่นติดคุก วันนี้ก็ต้องติดคุก" ตนรู้ว่าป้าติ้นไม่ได้มีอาชีพอะไรที่ชัดเจน จึงสงสัยว่าเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย ทั้งนี้หากจะใช้หลักฐานเอาผิดก็ไม่ใช่เรื่องยาก และคดีนี้จะได้เป็นบทเรียนให้กับสังคม เพื่อไม่ให้มีใครกล้าแอบอ้างอีก พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเชื่อว่าป้าติ้นไม่มีทางขอโทษกับสิ่งที่ได้ทำไปแน่นอน และป้าติ้นเองก็ไม่มีทางต่อสู้จนชนะคดีได้ ซึ่งตนยืนยันว่าถ้าป้าติ้นชนะได้ จะให้เหยียบหน้าตามที่เคยบอกไว้ สุดท้ายป้าติ้นจะต้องติดคุกสถานเดียว
นอกจากนี้ ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่บ้านของป้าเล็ก ย่านเอกมัย ซึ่งเปิดเป็นร้านตัดเย็บเสื้อผ้า พบว่าบ้านปิดเงียบไม่มีใครอยู่ โดย
นางขิม (นามสมมติ) เพื่อนสนิทของป้าเล็ก ซึ่งมักจะไปนั่งเล่นพูดคุยกับป้าเล็กที่บ้านอยู่เป็นประจำ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตนยังไม่ทราบสาเหตุที่ป้าเล็กถูกจับกุมตัว เพิ่งทราบตอนที่นักข่าวเดินทางมาสัมภาษณ์ ระบุว่าที่ผ่านมาป้าเล็กเคยเล่าเรื่องลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 ให้ตนฟัง โดยป้าเล็กมีท่าทางที่มั่นใจว่าตัวเองถูกรางวัลจริง และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็บอกตนว่าเพิ่งเดินทางไปศาล เพื่อไปสู้ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีทีท่าว่าตัวเองจะชนะคดีด้วย
ทั้งนี้ ตนเพิ่งเจอกับป้าเล็กครั้งล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (29 เม.ย.) ซึ่งป้าเล็กก็คุยปกติ ไม่ได้พูดถึงเรื่องลอตเตอรี่แต่อย่างใด ป้าเล็กไม่ได้มีท่าทีความกังวลว่าตัวเองจะถูกจับแต่อย่างใด ทั้งนี้ตนได้รู้จักป้าเล็กมาประมาณ 6-7 เดือน ป้าเล็กเป็นคนพูดตรงๆ เป็นคนดี มีน้ำใจชอบแบ่งปันเพื่อนๆ พอตนทราบว่าป้าเล็กถูกจับก็รู้สึกตกใจและเสียใจ ตอนนี้ก็ยังเชื่อว่าป้าเล็กไม่ได้พูดโกหก เพราะป้าเล็กไม่ได้มีนิสัยเช่นนั้น
จากนั้น ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของป้าติ้น พบว่าห้องพักของป้าติ้นปิดเงียบ โดย
นางเสริฐศรี กรูแก้ว เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ตนทราบจากข่าวแล้วที่ป้าติ้นถูกจับ ส่วนตัวเคยเจอกันบ้าง แต่ช่วงหลังนี้ไม่ค่อยได้คุยกัน ถ้าเจอกันก็มีการทักทายกันตามปกติ ตัวเองไม่รู้ว่าป้าติ้นคิดอะไรอยู่ แต่ตนคิดว่าป้าติ้นน่าจะรู้อยู่แก่ใจ เพราะที่ผ่านมาป้าติ้นไม่ได้เล่าเรื่องส่วนตัวอะไรให้ฟัง ตนก็ไม่กล้าถาม ซึ่งตนเห็นป้าติ้นครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมา ขณะมานั่งกินข้าวนอกห้องพัก ส่วนกรณีที่ป้าติ้นเดินทางไปหนองคายนั้นตนไม่เห็น
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านคนอื่นๆ ให้ข้อมูลว่า เมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมา เห็นป้าติ้นหิ้วกระเป๋าเดินทางขึ้นรถแท็กซี่ไป แต่ไม่ทราบว่าไปไหน แต่ก่อนออกจากห้องพักเห็นป้าติ้นล้างตู้เย็น ทำความสะอาดห้องพัก คล้ายกับรู้ตัวว่าจะไม่กลับห้องอีกนาน จนสุดท้ายก็มาถูกจับกุม
ขณะที่
นายสุกิจ พูลศรีเกษม ทนายความ ซึ่งก่อนหน้านี้ป้าติ้นเคยเดินทางมาปรึกษาเรื่องคดีความ เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่ป้าติ้นจะถูกจับกุมตัว ตนเคยมีโอกาสพูดคุยกันหลายครั้ง ซึ่งจากที่ป้าติ้นนำเอกสารมาให้ตนดูนั้น หลักฐานตรงนี้ยังไม่เพียงพอต่อการพิจารณาว่าป้าติ้นเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ แต่จากพยานหลักฐานที่ทางพนักงานสอบสวนขอตรวจสลากลอตเตอรี่จากกองสลากฯ ก็ไม่พบลายเซ็น แต่ต่อมา ผอ.กองสลากฯ ได้ทำหนังสือต่อศาลว่า มีแต่เป็นข้อผิดพลาด แล้วหลักฐานตรงส่วนนั้นมีรอยขูดลบ โดยพยานหลักฐานในส่วนนี้ตนดูจากภาพถ่ายที่ป้าติ้นนำมาให้ดูเท่านั้น
ตอนนี้ตนได้ตั้งข้อสังเกตว่า การหุ้นกันซื้อลอตเตอรี่นั้น ต้องมีการตรวจสอบว่า กลุ่มป้าเคยรวมกันซื้อลอตเตอรี่และไปต่างจังหวัดด้วยกันหรือไม่ เพราะถ้าวันหนึ่งเคยรวมกันหุ้นซื้อลอตเตอรี่ แต่เมื่อถูกรางวัลกลับมาบอกว่าไม่ได้หุ้นนั้น ต้องหาคนกลางมาเป็นพยาน ซึ่งตรงส่วนนี้ป้าติ้นจึงต้องมีการจ้างทนายความที่ฝีปากกล้าเพื่อดูแลคดี เนื่องจากส่วนนี้ยังเป็นข้อพิรุธอยู่
สำหรับเรื่องลอตเตอรี่ชุดที่ซื้อมานั้น จะถูกรางวัลหรือไม่ต้องดูจากยี่ปั๊วว่า ลอตเตอรี่ชุดดังกล่าวถูกส่งมาในพื้นที่คำชะโนดหรือไม่ แต่จากการที่ตนลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบว่า ลอตเตอรี่ชุดนี้ถูกส่งมาทีนี่จริง แต่เรื่องหลักฐานอื่นๆ นั้น ตนยังไม่ขอเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม นายสุกิจ บอกว่า ขณะนี้สังคมไม่มีใครเชื่อป้าติ้น แต่ตนเป็นคนให้โอกาสคน ส่วนที่มีบางคนออกมาบอกว่า เรื่องลอตเตอรี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมานั้น ก็อย่าไปให้ราคากับคนแบบนี้ เพราะไม่เคยรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง และตอนนี้ที่ตนทราบ ป้าติ้นได้ประเมินราคาที่ดินไว้เพื่อประกันตัวเอง และถ้าป้าติ้นขอความช่วยเหลือ ตนก็จะให้ความช่วยเหลือ เพราะถือว่าตอนนี้ป้าติ้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์ และจากพยานหลักฐานจึงทำให้ตนเห็นใจป้าติ้น