ปิดเมืองล่าหนุ่มยิง ตร. เมียเมินคนแซะพร้อมคืนดี ห่วงลูกกำพร้า ญาติปัดไม่รู้ที่มาปืน (คลิป)

จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย และผู้ใหญ่บ้าน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะเข้าไประงับเหตุผัวเมียทะเลาะกันตามที่ชาวบ้านแจ้ง ได้แก่ คนขับรถคือ ร.ต.ท.ทรงฤทธิ์ หนูสาย อายุ 57 ปี รองสวป.สภ.ทรายขาว, คนนั่งข้างคือ ร.ต.ท.สุทัศน์ นวลจันทร์อายุ 57 ปี รอง สวป.สภ.ทรายขาว อาการสาหัส ส่วนคนนั่งในรถตอนหลังคือ นายปรีชา ชาวนา อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.คลองพน

คนก่อเหตุคือ นายเรืองศักดิ์ เรือนแก้ว หลบหนีพร้อมน.ส.กัซมาร์ พวงนุ่น ภรรยาและ ด.ช.กฤต ลูกน้อยวัย 23 วัน กระทั่งวันที่ 5 ม.ค. 64 นายเรืองศักดิ์ทิ้งรถและปล่อยให้ภรรยากับลูกน้อยกลับมาอย่างปลอดภัย แต่เจ้าตัวหลบหนีไป ซึ่งตำรวจตั้งด่านสกัดคนร้าย ยิงใส่ผู้เสียหายผิดคัน บาดเจ็บ 2 ราย เนื่องจากลักษณะสีรถคล้ายกัน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เมียเรืองศักดิ์ยันผัวหนีไร้ปืนพร้อมคืนดีหากพ้นคุก หมวดเหยื่อกระสุนหวั่นยิงสู้ถูกจับตาย
- พ่อเรืองศักดิ์หวั่นลูกถูกจับตาย พลาดยิงหัวตำรวจ ญาติขออภัยทำวุ่นยิงผิดตัว
- ฟังอีกด้าน! ตำรวจถูกยิงหัวโคม่าไม่โต้ไอ้คลั่งฉุดเมีย ห่วงเด็กเล็ก วอนสังคมเข้าใจ
- เหยื่อถูกยิงมั่วฉะตำรวจไร้สมอง ถามถ้าตายใครรับผิด ผู้การขอโทษแจงชัดรถคล้าย
- ล่าไอ้คลั่งดักอุ้มเมียวุ่น! ตำรวจยิงพลาดโดนรถชาวบ้านเจ็บ 2 ฝ่าย ชุดล่าถูกสวนเจ็บ 3

วันที่ 8 ม.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมาพบกับ น.ส.กัซมาร์ พวงนุ่น ภรรยาผู้ก่อเหตุ ตอนนี้ได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านนายเรืองศักดิ์ เพื่อรอการติดต่อกลับมาของนายเรืองศักดิ์ ทีมข่าวได้ต่อสายวิดีโอคอลให้ น.ส.กัซมาร์ และนางวันดี ผู้เป็นแม่ได้คุยกันแบบเห็นหน้าเป็นครั้งแรก หลังจากที่มีเหตุการณ์ถูกพาตัวขึ้นรถมาตั้งแต่ 4 ม.ค. 64

ทันทีที่มีการต่อสาย ต่างฝ่ายต่างยิ้มด้วยสีหน้ามีความสุข ช่วงคุยเป็นช่วงที่ลูกชาย น.ส.กัซมาร์ ร้องขึ้นมา ทำให้นางวันดี ผู้เป็นยาย สอบถามอาการไข้ น.ส.กัซมาร์ ระบุว่าลูกอาการดีขึ้น ตอนนี้ก็มีอาการหายใจไม่ออกด้วย ส่วนใหญ่นางวันดีจะบอกว่าอยากให้ลูกกลับบ้านพร้อมกับหลาน ขอให้กลับมาอยู่บ้านเรา หากหลานอาการหายดีแล้ว ส่วนหาก น.ส.กัซมาร์จะอยู่ที่บ้านเรืองศักดิ์ ก็ไม่ว่าอะไร หากสบายใจ ซึ่งน.ส.กัซมาร์ ยืนยันจะกลับ แต่ขอให้ลูกหายดีก่อน

น.ส.กัซมาร์ พวงนุ่น ภรรยาผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนยืนยันว่านายเรืองศักดิ์ไม่แอบมาหาตนและลูกเลย ซึ่งนายเรืองศักดิ์รักลูกมาก ตนเองก็ยังรอให้เรืองศักดิ์กลับมา หากตนติดต่อได้ก็จะขอให้มอบตัว ทั้งนี้ วันที่พาตัวตนไป นายเรืองศักดิ์ไม่ได้สวมหมวก สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขายาว สวมรองเท้าแตะ ตอนหลบหนีตนเองไม่แน่ใจว่ามีใครมารับหรือไม่ เพราะช่วงที่นายเรืองศักดิ์จะติดต่อใคร มักจะลงจากรถไปคุยโทรศัพท์

ถึงตอนนี้ตนเองคิดไม่ออกว่านายเรืองศักดิ์หลบหนีไปไหน เพื่อนสนิทตนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะช่วงคบกัน เวลานายเรืองศักดิ์ชวนไปไหน ตนเองมักไม่ได้ไปด้วย จะอยู่แต่ที่บ้าน ตอนนี้ตนเองอยากขอให้เรืองศักดิ์มอบตัว ให้คิดถึงลูก ส่วนที่โซเชียลมีการต่อว่าตน ตนเองไม่ได้ดู จึงไม่รู้เรื่อง ที่ตนยังให้โอกาสนายเรื่องศักดิ์อยู่นั้น เพราะตนไม่อยากให้ครอบครัวพัง ลูกเพิ่งคลอด ตนอยากให้เข้าใจ เนื่องจากตนต้องคิดถึงลูกมากที่สุด ส่วนตำรวจและผู้ใหญ่บ้านที่บาดเจ็บ ตนอยากจะไปเยี่ยมเอง แต่ตนไปไม่ได้ ตนต้องฝากขอโทษแทนนายเรืองศักดิ์ด้วย เขาไม่มีเจตนาจริง ๆ

นางคำพัน ขุนอักษร วัย 81 ปี ยายของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุตนเองไม่ทราบเรื่อง ตนทราบจากลูกหลาน ตอนนั้นก็ตกใจเสียใจ ตนร้องไห้ไปหลายรอบแล้ว แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ หลานคนนี้ตนเองเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดจนถึงช่วง 4 ขวบ ก็พาไปอยู่กับครอบครัวฝั่งย่า ตั้งแต่ตอนนั้นก็แทบไม่ได้ติดต่อกันอีก ตนเองเจอหลานช่วงที่เดินทางมาเยี่ยมตนที่โรงพยาบาล ตอนที่ตนเองป่วย หลานคนนี้เป็นเด็กดี สั่งสอนอะไรก็เชื่อฟังทำตามตลอด

อย่างไรก็ตาม หลานไม่ได้มาหาตน ไม่ได้ติดต่อตน ส่วนตัวก็กลัวอันตราย อยากให้หลานมอบตัวหากรักลูกรักเมีย

ด้าน นายประสิทธิ์ ขุนอักษร ลุงของเรืองศักดิ์ เปิดเผยว่า จนถึงตอนนี้ตนเองและครอบครัวนายเรืองศักดิ์ ยังไม่สามารถติดต่อหลานได้เลย ไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าหลานไปอยู่ที่ไหน อยากให้หลานเข้ามอบตัว ตอนนี้ตนก็ตอบไม่ได้ว่าหลานเองคิดอะไร จะคิดสั้นหรือไม่ ส่วนอาวุธปืนไม่ทราบว่าหลานเอามาจากไหน และญาติ ๆ คนอื่นก็ไม่มีใครรู้เรื่องปืนเช่นกัน