จากกระแสบนโลกออนไลน์ หลังจากมีหญิงสาวรายหนึ่งโพสต์ข้อความและคลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊กเพจ YouLike (คลิปเด็ด) ระบุว่าชำระเงินค่าที่จอดรถห้างดังเปิดใหม่ ย่านบางกะปิ โดยจอดรถ 4 ชั่วโมง แต่ต้องจ่ายค่าที่จอดทั้งหมดรวม 500 บาท
วันนี้ (2 พ.ค.)
คุณกุ้ง (นามสมมุติ) ผู้โพสต์เรื่องดังกล่าว เปิดเผยว่า คืนวันที่ 30 เม.ย. เวลา 21.00 น. ตนและเพื่อนสาวขับรถไปดูคอนเสิร์ต แต่ไม่มีที่จอดรถ ตนจึงตัดสินใจเข้าไปจอดในห้างย่านบางกะปิ โดยทราบดีอยู่แล้วว่า ค่าบริการนั้นแพงแต่ก็ตกลงกับเพื่อนว่าจะจอด
หลังจบคอนเสิร์ต ตนไปถึงรถประมาณ 00.30 น. เพื่อที่จะออกรถมาต่อแถวคิดเงิน ซึ่งระยะเวลากว่าที่ตนจะเคลื่อนรถไปที่ป้อมจ่ายเงินได้นั้น ก็ประมาณ 01.00 น. เมื่อถึงตรงป้อมจ่ายเงิน ถูกเรียกเก็บค่าจอดรถ 500 บาท ตนกับเพื่อนต่างอึ้ง เพราะเห็นป้ายเขียนไว้ว่าจอดข้ามคืนคิด 200 บาท แล้วคิดค่าบริการเพิ่มรายชั่วโมง ชั่วโมงละ 50 บาท เมื่อสอบถามว่าทำไมราคาที่คิดไม่ตรงกับป้าย ก็ได้คำตอบกลับมาว่า เป็นนโยบายใหม่ ตนจึงเกิดความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามกลับไป เพราะคิดว่าเสียเวลามามากพอแล้ว จึงยอมจ่ายเงิน 500 บาทไปแบบงง ๆ
โดยภายหลังจากได้โพสต์เรื่องราวลงโซเชียล ผู้บริหารของห้างดังกล่าวก็ได้ติดต่อมาทางแชทเฟซบุ๊กส่วนตัว และได้ขอเบอร์โทรศัพท์กลับไป จากนั้นผู้จัดการสาขาห้าง ได้แอดไลน์มาพูดคุยกัน พร้อมให้ตนชี้แจงรายละเอียดให้ได้รับทราบโดยยื่นข้อเสนอว่าจะโอนเงินคืนให้ แต่ตนขอปฎิเสธรับคืน เพราะต้องการคำชี้แจงมากกว่า โดยทางผู้จัดการห้างดังกล่าว ได้ส่งรายละเอียดมาว่า
-ค่าบริการ 1 ชม. แรก ฟรี
-ค่าบริการ 22:00:07-24:00:07 น. คิดเป็น 2 ชม. ซึ่ง ชม.ละ 50 บาท เป็น 100 บาท
-ค่าปรับหลังบริการ 24.00น. 200 บาท
-ค่าบริการหลังเที่ยงคืน (ค้างคืน) 24:00:07-01:00:07 เป็น 1 ชม. คิดเป็น 100 บาท
-ค่าบริการ ส่วนเกินเศษนาที 9 นาที คิดเป็น 1 ชม. เท่ากับ 100 บาท
รวมทั้งสิ้น 500 บาท
ซึ่งตนก็ได้รับทราบ และได้เสนอแนะให้ทางห้างดังกล่าว อธิบายและชี้แจงให้ชัดเจน โดยเฉพาะควรปรับปรับปรุงป้ายให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เห็นตัวอักษรชัดเจนกว่านี้ ทั้งนี้ ตนก็ไม่ได้คิดจะรับเงินคืนจากทางห้างดังกล่าวด้วย
ด้าน
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ได้แสดงความคิดเห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่า การที่ที่จอดรถนั้นได้ติดป้ายประกาศราคาชัดเจน แสดงเจตนาในการบอกราคาชัดเจน ถ้าหากติดป้ายราคาใด ก็ต้องคิดค่าบริการตามราคาป้ายนั้น จะอ้างว่าเป็นป้ายใหม่หรือป้ายเก่าไม่ได้ เพราะการกระทำแบบนี้ จะเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค ซึ่งผู้บริโภคจะสามารถฟ้องร้องกลับได้ โดยถ้าหากผู้เสียหายต้องการที่จะดำเนินคดี ก็ต้องไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนก่อน เพื่อดำเนินคดีฉ้อโกง ว่าทางบริษัทแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จ และสามารถไปร้องเรียนกับ สคบ.ได้ด้วย