จากกรณีเหตุตำรวจชุดสืบสวนไล่ล่าแก๊งค้ายาเสพติดสุดระทึก หนุ่มนักค้ายาบ้า กระโดดทิ้งรถวิ่งหนี เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 7 ม.ค. 64 ร.ต.อ.อดิศร หยีสัน รอง สว.(สอบสวน)สภ.เหนือคลอง จ.กระบี่ รับแจ้งมีรถประสบเหตุตกข้างทาง ริมถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้าหมู่ 9 ต.ปกาสัย อ.เหนือคลอง หลังรับแจ้งจึงเร่งเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบตำรวจชุดสืบสวน ภูธรจังหวัดกระบี่ ชุด นปพ.กระบี่กว่า 10 นาย
โดยมี พ.ต.ต.ศราวุธ กิตติเรืองระยับ สว.สส.ภ.จ.กระบี่ เป็นหัวหน้าชุดอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนบริเวณคูน้ำข้างทางพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ ตอนครึ่ง สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บพ 3006 กระบี่ พุ่งตกลงไปข้างทางสภาพหน้ารถพังเสียหาย
จากสอบถามชุดสืบสวนทราบว่า รถคันดังกล่าวเป็นของผู้ต้องสงสัยค้ายาเสพติด ที่ขับแหวกวงล้อมตำรวจก่อนกระโดดรถหลบหนี ต่อมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบยาบ้าอยู่ในห่อตกอยู่บริเวณพื้นห้องโดยสารฝั่งคนนั่งจำนวน 1 ห่อ ภายในมียาบ้ากว่า 2,100 เม็ด ถุงบรรจุยาไอซ์ถุงละ 1 กรัม อีก 7 ถุง ชิ้นส่วนอุปกรณ์การเสพ 1 ชิ้น อาวุธปืนขนาด 9 มม.1 กระบอก กระสุนปืนตกอยู่ที่พื้นรถฝั่งคนขับ 1 นัด จึงยึดของกลางทั้งหมดไว้ตรวจสอบ
โดยก่อนเกิดเหตุ ชุดสืบสวนทำการสืบสวนติดตามคนร้ายในคดียาเสพติด ทราบว่านายปรมินทร์ แก้วชูแสง อายุ 35 ปี ชาว ต.เพหลา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ มีพฤติกรรมน่าสงสัยประกอบกับเคยมีประวัติต้องโทษในคดียาเสพติดเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อเดือน ต.ค.63 จึงทำการสืบสวนติดตาม และติดต่อเพื่อจะล่อซื้อยาบ้า นัดให้มาพบกันใกล้กับจุดเกิดเหตุ จนนายปรมินทร์เดินทางมาตามนัด ชุดสืบสวน จึงแสดงตัวขอตรวจค้น โดยขับรถประกบรถของนายปรมินทร์ที่จอดอยู่ข้างทาง
แต่นายปรมินทร์กลับขัดขืน ขับรถพุ่งแหวกวงล้อมของตำรวจ จนรถเสียหลักพุ่งขึ้นไปบนเกาะกลางถนน ระหว่างรถยังติดเครื่องวิ่งอยู่ นายปรมินทร์ฉวยโอกาสเปิดประตูรถกระโดดหนีออกไปกลางถนน ก่อนจะวิ่งหนีไปทางป่า ถนนฝั่งตรงข้าม หนีหายไปในความมืด ส่วนรถของนายปรมินทร์ซึ่งยังติดเครื่องอยู่ก็พุ่งต่อไปจนพุ่งไปตกข้างทาง
ล่าสุดทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ แบ่งเป็น 5 จุด ได้แก่ จุดแรก 7-11 ปกาสัย ตำรวจนัดคนร้ายล่อซื้อยา, จุดสองใกล้หลักกิโล กม. 989 คลองเหนือ 4 กม.ไปกระบี่ 21 กม. หากจาก 7-11 ปกาสัยหรือปากทางเข้าโรงไฟฟ้ากระบี่เพียง 100 เมตร เป็นลอยรถล้อรถ คาดว่ามีการเบรกอย่างแรง จุดต่อมาที่หน้าบ้านของชาวบ้าน ขณะเดียวกัน จุดที่สามทีมข่าวพบรอยเส้นทางเป็นแนวล้อรถเบรกเป็นทางยาวข้ามเกาะกลางถนน
จุดที่สี่ เป็นจุดที่คนร้ายกระโดดลงจากรถหลบหนี เป็นคลองข้างถนนขนาดเล็ก มีโพร่งหญ้าสูงเท่าหัวเข่า ถัดไปจุดที่ห้าเป็นพื้นหญ้าเตียน ก่อนที่จะทะลุไปด้านหลังมีทุ่งนา ป่าหญ้า และดงปาล์ม บริเวณที่หลบหนีหายไป
นางจันทรา (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า เวลา 19.00 น. ของวันที่ 7 ม.ค. 64 ตนเองได้ยินมีเสียงปืน 1 นัด พร้อมเสียงเบรก คาดว่ามีรถเบรคอย่างแรง และเสียงดังโครมคราม แต่ลูกชายกลัวว่าจะมีอันตรายจึงไม่กล้าออกมาดู ได้ส่องดูจากหน้าต่างภายในบ้าน ซึ่งไม่กี่นาทีผ่านไปก็เห็นตำรวจจำนวนมากอยู่ฝั่งตรงข้ามเต็มไปหมด อย่างไรก็ตาม ตนเองปลูกบ้านอยู่ริมถนนเส้นนี้มาตั้งแต่ปี 2519 ก็พบอุบัติเหตุบ่อยครั้ง แต่พบกรณีตำรวจไล่จับคนร้ายบริเวณนี้เป็นครั้งแรก
นายปรมินทร์ แก้วชูแสง อายุ 35 ปี แม่ของนายปรมินทร์ ผู้ต้องหา อยู่ในอาการเคร่งเครียด กล่าวทั้งน้ำตาว่า ทราบข่าวเมื่อคืนนี้ตกใจมาก ไม่มีแรง ไม่เคยสนับสนุนลูกในทางนี้ วันนั้นมายืมรถตนเองไป ซึ่งเป็นรถที่ลูกชายใช้ประจำอยู่แล้ว แต่รถเป็นชื่อตนเอง ก็คิดว่าไปทำเบาะรถข้างหลัง เพราะเห็นลูกเอาเบาะออก โดยเฉพาะหลังออกจากเรือนจำมา ตนเองเตือนสอนลูกตลอด เพราะที่บ้านก็มีที่ดินทำกิน เป็นสวนปาล์มตั้ง 50 ไร่ ลูกชายก็ออกไปทำงานทุกวัน ไปแทงปาล์มทุกวัน ตนเองไม่คิดอะไรมาก
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ลูกไม่ติดต่อมาเลย ส่วนโทรศัพท์ของลูกก็คงติดต่อไม่ได้ เพราะเห็นว่าทิ้งไว้ในรถ และตำรวจก็เก็บไปเป็นพยานหลักฐานแล้ว นอกจากนี้ ตนเองก็อยากวอนให้ลูกมอบตัว เพราะเป็นห่วงสุขภาพ และกลัวถูกวิสามัญ เนื่องจากลูกชายมีโรคประจำตัว เป็นโรคปอด และมีเลือดไม่ปกติ ถ้าขาดยาก็จะปวดเมื่อย อีกทั้งลูกชาย ก็มีลูกติด 2 คน คนเล็กอายุ 3 ขวบ กับคนโตอายุ 11 ปี เป็นห่วงหลานจะขาดความอบอุ่น ซึ่งเมื่อคืนหลายก็ถามตนเองว่า "ป๊าตายไหม" ตนเองก็ตอบหลานว่า "ยังไม่ตาย แต่หาพ่อไม่เจอ" ซึ่งนาทีนั้นสงสารหลาน เพราะแม่หลานก็ทิ้งหลานไปตั้งแต่ยังเล็ก ๆ