ลุงพลร่ำไห้ซึ้งยูทูบเบอร์แห่เชียร์ล้นพาลูกตรวจ DNA ลั่นพร้อมช่วยถ้ามีคนโดนจับ (คลิป)

เมื่อวันที่ 10 ม.ค.64 ที่สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่า เวลา 10.00 น. ลุงพลกับป้าเเต๋น พร้อมด้วยทนายโนบิ ได้พาน้องโอมกับน้องน้ำมนต์ ลูกชายทั้งสองคนของลุงพล เข้าพบเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร เพื่อเก็บวัตถุพยาน โดยมีตาชาญ เเละยายจำลอง เดินทางมาให้กำลังใจน้องโอมกับน้ำมนต์ด้วย

นายกฤษฎา โชคดี หรือ ทนายโนบิ กล่าวว่า วันนี้เป็นเพียงการเก็บวัตถุพยาน ไม่ใช่การสอบปากคำ เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีการเก็บวัตถุพยานของคนในครอบครัวจนครบเเล้ว ขาดเพียงน้องโอมกับน้ำมนต์ที่ยังตกหล่น

ทั้งนี้วันนี้ตำรวจจึงเชิญมาเก็บวัตถุพยานเพื่อให้ครบถ้วนตามกระบวนการ โดยการเก็บวัตถุพยานของเยาวชนนั้น ผู้ปกครองมีสิทธิ์ที่จะยินยอม หรือไม่ยินยอมก็ได้ ซึ่งลุงพลก็ได้เซ็นยินยอมเพื่อให้ความร่วมมือกับตำรวจ

สำหรับการเก็บเส้นผมพร้อมราก ก็เพื่อนำไปตรวจในขั้นตอนที่ลึกลงไป ซึ่งการเก็บวัตถุพยานที่เป็นเส้นผมหรือเส้นขนนั้น เนื่องจากพื้นที่จุดพบศพน้องชมพู่ มีเศษเส้นผมตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องนำตัวอย่างเส้นผมบุคคลใกล้ชิดไปเปรียบเทียบ เพื่อเป็นการตัดข้อสงสัยในกระบวนการสืบสวนสอบสวน

โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่านอกจากน้องโอมกับน้ำมนต์เเล้ว เด็กคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านก็ถูกเก็บไปก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน ส่วนในเรื่องการสอบปากคำหลังจากนี้จะไม่มีอีกเเล้ว

นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล เปิดเผยกับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่า ก่อนจะพาลูกชายทั้ง 2 คน คือน้องโอมกับน้ำมนต์ไปที่ สภ.กกตูม เพื่อไปเก็บวัตถุพยาน หลังจากที่ตำรวจมาส่งหนังสือเชิญลูกชายทั้งคู่ให้ไปเก็บวัตถุพยาน ตนก็ไม่ได้กังวล เเละลูกชายก็ไม่ได้เครียดอะไร ตนได้บอกลูกเพียงว่าให้ตอบตำรวจไปตามข้อเท็จจริง ตามสิ่งที่พบเห็น ครอบครัวตนก็ให้ความร่วมมือมาโดยตลอด

ในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ ลุงพลก็ไม่ได้เเสดงความกังวล เเต่มีท่าทีที่ร่าเริง หยอกล้อกับยูทูบเบอร์อย่างเป็นกันเอง โดยลุงพลโชว์ฝีมือการเเทงสนุ๊กเกอร์มือเดียว ซึ่งลงหลุมทั้ง 3 ครั้ง ถือว่าเเม่นมาก นอกจากนี้ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ ลุงพลยังเล่านิทานให้ยูทูบเบอร์ฟังอย่างสนุกสนาน

จากนั้นเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่เริ่มทำการเก็บพยานวัตถุจากน้องโอมเเละน้ำมนต์ โดยมีลุงพลกับป้าเเต๋น พร้อมด้วยทนายโนบิ เข้าไปด้านในเพื่อสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเก็บวัตถุพยาน 2 ชั่วโมง ก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้านได้

ลุงพล กล่าวภายหลังจากการเสร็จสิ้นกระบวนการเก็บวัตถุพยาน ว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บตัวอย่างเส้นผมของโอมกับน้ำมนต์ คนละ 10 เส้น โดยเก็บพร้อมราก เพื่อเป็นวัตถุพยาน ซึ่งทางตำรวจเเจ้งว่าเป็นการเก็บให้ครบตามกระบวนการ ครอบครัวก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เเละเชื่อว่าการเก็บวัตถุพยานในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในทางคดี เพื่อคลายข้อสงสัยต่าง ๆ รวมถึงข้อสงสัยของญาติที่มีต่อกัน

โดยหลังจากให้สัมภาษณ์ ลุงพลได้โชว์ลูกคอร้องเพลง "สิ่งเดียวที่อ้ายขอ" ซึ่งเป็นเพลงของลุงพลที่ร้องคู่กับหนุ่ม ทัศนชัย ประพันธ์คำร้องโดย อนุชา นารถศรีทา เเละมีการเผยเเพร่ทางช่องยูทูบ "ลุงพลป้าเเต๋นเเฟมิลี่" โดยลุงพลร่วมร้องเพลงดังกล่าวกับยูทูบเบอร์ที่มาไลฟ์สดอยู่หน้า สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร เพื่อมอบให้เเฟนคลับทุกคนที่ให้กำลังใจ

นอกจากนี้ ลุงพล ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ดราม่า กรณียูทูบเบอร์ขวางรถตำรวจ ว่าเกิดจากความไม่เข้าใจกัน หลังจากเข้าเครื่องจับเท็จเสร็จสิ้น ตำรวจได้เเจ้งว่าจะพากลับที่พัก เเล้วตำรวจก็ถามว่า "จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนหรือไม่" ลุงพลตอบว่า "เเล้วแต่เจ้าหน้าที่" หลังจากนั้นตำรวจก็ได้พาตนกับป้าเเต๋นขึ้นรถเเล้วขับออกไป

เเต่สิ่งที่ทำให้ลุงพลข้องใจ คือ ตำรวจขับรถหลบออกด้านหลัง ทั้ง ๆ ที่สื่อมวลชนรออยู่ด้านหน้าเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ขณะที่อยู่ในรถ ได้ยินเสียงวิทยุสื่อสารของตำรวจ มีการพูดนัดเเนะให้รถตู้คันหนึ่งไปอีกทาง เเล้วรถให้รถตู้คันที่ลุงพลนั่งไปอีกทาง ตนก็เริ่มรู้สึกสงสัย

โดยขณะนั้นมีเหล่ายูทูบเบอร์เเละสื่อมวลชนจำนวนมากที่รออยู่ด้านหน้า ก็ไม่ทราบว่าตำรวจจะพาตนไปไหน เพราะไม่มีใครออกมาเเจ้ง ประกอบกับพฤติกรรมการขับรถของตำรวจ ที่มีลักษณะคล้ายกับการหลอก จึงปรากฏภาพดังกล่าวขึ้น

ลุงพล กล่าวอีกว่า หากมีการดำเนินคดีกับยูทูบเบอร์ มองว่าไม่เป็นธรรม เพราะเขาเองก็ไม่ได้ทำให้รถหรือทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ดังนั้นหลังจากนี้หากยูทูบเบอร์คนใดถูกดำเนินคดี ก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าเเต๋น บอกกับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ก่อนจะพาลูกชายไป สภ.กกตูม เพื่อเก็บวัตถุพยาน ว่าตนไม่ได้มีความกังวล เเละลุงพลก็ได้เซ็นยินยอมเพื่อเเสดงให้เห็นว่า ครอบครัวให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี

ส่วนเหตุการณ์ดราม่า กรณียูทูบเบอร์ขวางรถตำรวจ เกิดจากการเข้าใจผิด และไม่ได้สื่อสารกัน ซึ่งหลังจากลุงพลออกจากห้องจับเท็จ ตำรวจได้ถามทั้งลุงพลเเละตนว่าจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหรือไม่ ซึ่งลุงพลตอบว่า "เเล้วเเต่ตำรวจ" ส่วนตนตอบไปว่า "ยังไม่อยากให้สัมภาษณ์เพราะเหนื่อย" เเต่ทางตำรวจไม่ได้ออกไปเเจ้งสื่อมวลชนที่รออยู่ด้านนอกให้ทราบ จึงเกิดความสับสน ซึ่งตนมองว่าหากตำรวจไปเเจ้งให้ทราบตั้งเเต่เเรก ก็คงไม่เกิดภาพเเบบนี้ และตนก็ไม่สามารถเเจ้งใครล่วงหน้าได้ เพราะหลังออกจากห้องจับเท็จตั้งเเต่เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์

ดังนั้นสังคมไม่ควรมองเหตุการณ์เเค่ด้านเดียว เเล้วโจมตียูทูบเบอร์ เพราะทุกคนไม่มีเจตนาร้าย เขาทำไปเพราะเป็นห่วงป้ากับลุงพล

บรรยากาศที่ สภ.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร นายชาญ หลาบโพธิ์ หรือ ตาชาญ ได้เดินทางมาให้กำลังใจน้องโอมกับน้องน้ำมนต์

โดยตาชาญ กล่าวว่า การเก็บวัตุถุพยานนั้น ตำรวจก็ทำตามกระบวนการ ทุกคนก็ต้องให้ความร่วมมือ โดยก่อนหน้านี้ก็มีการเก็บวัตถุพยานจากคนในครอบครัวทุกคนจนครบเเล้ว รวมถึงตนเจ้าหน้าที่ก็มีการมาเก็บหลักฐาน 3 อย่าง คือ เส้นผม DNA ที่กระพุ้งเเก้ม เเละขนเพชร

โดยเก็บไปตั้งเเต่ตอนเกิดเรื่องใหม่ ๆ ส่วนการเก็บจากน้องโอมกับน้ำมนต์ ตาชาญก็มองว่าช้าเกินไป เเต่ก็มั่นใจในการทำงานของตำรวจ เเละตนก็ยังมั่นใจว่าลูกหลานทุกคนบริสุทธิ์

ตาชาญ กล่าวด้วยว่า เมื่อคืนฝันดีมาก ฝันว่ามีเด็กผู้หญิงมาขี่หลัง ซึ่งการที่ฝันเห็นเด็กที่มีร่างกายสมบูรณ์เเข็งเเรงมาขี่หลังเป็นสิ่งที่ดี ดังนั้นตนจึงเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีสิ่งดี ๆ เข้ามาในครอบครัว เเละเชื่อว่าตำรวจจะจับคนร้ายได้เร็ว ๆ นี้

สำหรับคำถามที่ถูกถาม ขณะเข้าเครื่องจับเท็จนั้น ตอบได้เพียงว่า "ใช่หรือไม่" ห้ามให้มีการอธิบาย ป้าแต๋นระบุว่า จำได้ 4 คำถาม คือ คุณเคยทำผิดไหม, ความผิดที่เคยทำเกี่ยวกับชมพู่มีไหม, คุณเกี่ยวข้องกับการตายของน้องชมพู่ไหม, จากบ้านคุณไปบ้านชมพู่ เดินไปได้ใช่หรือไม่ 

นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ เปิดเผยกรณีเครื่องจับเท็จว่า บนเครื่องจับเท็จ หากมีการไล่ตามลำดับ คือการหายใจ เหงื่อที่ปลายนิ้ว ความดันโลหิตหรือชีพจร ซึ่งกราฟจะทรง ๆ แบบเดิม แต่ถ้ามีการโกหก กราฟจะสูงหรือดีดขึ้นกว่าปกติ

ทั้งนี้ที่ลุงพลมีเสียงพูดแผ่วเบา คงเพราะเหนื่อยจากการโดนเข้าเครื่องจับเท็จ ตากรอกไปมาซ้ายขวา เพราะมองหาเสียงคนถาม จับแมสก์บ่อย ๆ เพราะแมสก์หลุด อาจไม่ใช่พฤติกรรมการถูใบหน้าด้วยความอึดอัดใจแบบคนพูดไม่จริง มีพูดเล่นมุกกับนักข่าว และตาเหลือบมองบนซ้ายเพราะพูดจริง โดยเฉพาะเมื่อถามถึงลักษณะการเข้าเครื่องจับเท็จ มีชี้นิ้ว เวลาตอบคำถามว่าในห้องมีแต่ถามว่า "ใช่หรือไม่" มีส่ายหัว เวลาบอกว่าที่คำถามนั้นไม่ได้ให้อธิบายเพิ่ม ทั้งชี้นิ้ว ส่ายหัว แสดงว่าไม่เก็บมือ ไม่โกหก

เสียงหนักแน่นมั่นใจ ตอนพูดวา"กฎหมายไทยคงไม่ทำร้ายตลอดชีวิต ถ้าคนทำผิดออกมายอมรับ ต้องมีลดหย่อน" จากทั้งหมด ลุงพลน่าจะไม่ใช่คนฆ่าน้องชมพู่ แต่อาจรู้ว่าใครทำหรือใครมีส่วนร่วม ทั้งนี้การวิเคราะห์ภาษากายเป็นเพียงสังเกตพฤติกรรมและกิริยาของลุงพล ในขณะที่มีการพูดคุยกับสื่อ แต่ไม่ได้มีผลต่อรูปคดี

สำหรับขั้นตอนการเข้าเครื่องจับเท็จในช่วงแรก นักจิตวิทยาและตำรวจจะพูดคุยให้ผู้เข้าเครื่องจับเท็จผ่อนคลาย พูดคุยเรื่องทั่วไป มีการสอบถามเรื่องปกติ แต่ถึงขั้นตอนที่เปิดเครื่องมือ จะต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์ส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย ก็จะเริ่มถามคำถามแบบปลายปิด ลักษณะเป็น "ใช่หรือไม่" เท่านั้น โดยที่คำแต่ละคำจะมีความหมายทางจิตวิทยาที่ต่างกัน ถึงแม้ว่าดูแนวคำถามจะใกล้เคียงกันก็ตาม เพื่อทดสอบความรู้สึก โดยสังเกตทั้งรูปร่างหน้าตา ภาษากาย และคำพูด น้ำเสียงที่ตอบออกมา

สำหรับอัตราการเต้นของหัวใจ สภาวะปกติจะอยู่ที่ 60-80 ครั้งต่อนาที แต่ถ้าหากเป็นสภาวะผิดปกติ จะอยู่ที่ 100-120 ครั้งต่อนาที โดยหน้าจอที่ปรากฏให้เจ้าหน้าที่และนักจิตวิทยาเห็นกราฟแสดง คือ ความดัน, ลมหายใจ, คลื่นสมอง เมื่อพูดโกหกทุกอย่างจะเพิ่มค่าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

นายผ่อง วิภา อายุ 69 ปี พ่อของลุงพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้ติดตามข่าวสารมาโดยตลอด ทราบว่าลุงพลจะเข้าเครื่องจับเท็จก็ไม่ได้รู้สึกกังวล เพราะเชื่อว่าลูกชายไม่ใช่คนก่อเหตุ ตำรวจก็ทำไปตามกระบวนการ ลูกชายก็ให้ความร่วมมือมาโดยตลอด ตนก็ลุ้นเอาใจช่วยลูกชายเสมอมา บอกลูกเสมอว่าให้สู้ ๆ ส่วนกรณีที่ป้าเเต๋นรู้สึกไม่สบายใจหลังมีชาวบ้านมาเล่าให้ฟัง ว่ามีเจ้าหน้าที่บางคนพูดว่าจะจับลุงพลนั้น ตนมองว่าเป็นการปรักปรำใส่ร้าย หากผลสุดท้ายลูกชายถูกจับ ตนก็คิดว่าตำรวจคงจับเเพะ ตนก็จะประกันตัวลูกชายมาสู้คดีอย่างแน่นอน

"มาถึงตอนนี้ พ่อไม่ค่อยเชื่อมั่นว่าตำรวจจะจับคนร้ายตัวจริงได้ เพราะเวลาก็ล่วงเลยมานานเเล้ว แต่ยังจับคนร้ายไม่ได้ พ่อเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม หากใครเป็นคนร้ายก็คงนอนเครียดไม่มีความสุข" นายผ่อง พ่อของลุงพล กล่าว 

ที่บ้านของลุงพลวันนี้มีเหล่ายูทูเบอร์เป็นจำนวนมาก ไลฟ์ตามติดชีวิตลุงพล ขณะเดียวกันพบว่า นางพงศ์สุดา เชื้อคนเเข็ง หรือ ย่าน้องอชิ ได้เเต่งกายด้วยชุดภูไท พร้อมกับเครื่องทำพิธี 3 อย่าง ประกอบด้วย ธูป 9 ดอก พวงมาลัยดอกดาวเรือง 9 พวง เเละไข่ไก่ 9 ฟอง รำแก้บนศาลพญานาค ศาลเเม่ตะเคียนข้างบ้านลุงพล การรำดังกล่าวเรียกว่า "ฟ้อนภูไท" เป็นวัฒธรรม เเละศิลปะการแสดงประจำถิ่น

ย่าน้องอชิ บอกว่า วันที่ 7 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ก่อนที่ลุงพลกับป้าแต๋นจะเดินทางไปเข้าเครื่องจับเท็จ ตนได้ไปไหว้ศาลกลางบ้าน ขอให้คุ้มครอง กระทั่งเมื่อวานติดตามข่าวก็ทราบว่าลุงพลกับป้าเเต๋นเข้าเครื่องจับเท็จเป็นเวลานาน รู้สึกเป็นห่วง จึงเดินทางมาที่บ้านของลุงพลเวลา 18.00 น. เพื่อจุดธูปขอพร "พ่อปู่ยศสุวรรณนาคา" กับ "เเม่นางตะเคียนโสรภี" ที่อยู่ในศาลเพื่อขอพร "พ่อปู่ปาริจิตนาคราช" ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ขอให้คุ้มครองลุงพลกับป้าแต๋นให้ปลอดภัย กระบวนการพิสูจน์ตัวเองผ่านไปด้วยดี ตนรู้สึกดีใจมาก จึงมารำแก้บน และมั่นใจเกิน 100% ว่าลุงพลกับป้าแต๋นบริสุทธิ์ มั่นใจว่าตำรวจจะจับคนร้ายตัวจริงได้ และตนได้บนต่อว่าให้จับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว หากจับได้ก็จะกลับมารำแก้บน