เมื่อวันที่ 12 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานที่ สน.วัดพระยาไกร พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ลงพื้นที่ สอบปากคำผู้ต้องหา 4 ราย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสพเคนมผง จนมีผู้เสียชีวิตในซอยจันทน์ 31 กรุงเทพฯ
สำหรับผู้ที่ถูกสอบมี 4 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือคนที่นำยาเคมาให้ผู้ตายเสพจนตาย ประกอบด้วยนายวิรัฐ กาเผือก หรือ ป๋อง อายุ 26 ปี และนายวัชระ เชียงฉิน หรือ โบ้ อายุ 22 ปี
ส่วนอีกกลุ่มเป็นพ่อค้ายาในย่านพระราม 3 ประกอบด้วยเยาวชนชาย อายุ 18 ปี เป็นผู้ค้ายาขนาดกลาง และนายนพเก้า อบถม หรือ ตูมตาม อายุ 26 ปี ผู้ค้าระดับกลาง แต่สามารถติดพ่อค้ายาระดับใหญ่ได้ โดยทั้ง 4 คนถูกแจ้งข้อกล่าวหา มียาเสพติดไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดอยู่ระหว่างสอบปากคำ เพื่อขยายผลหาตัวการใหญ่ต่อไป
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเดินทางลงพื้นที่มาติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี และได้มีการสอบปากคำกับผู้ต้องหา 4 ราย พบว่าเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อและหายาเคนมผงมาให้ผู้ตาย ศาลจึงได้อนุมัติออกหมายจับก่อน 4 คน และในกลุ่มนี้ยังมีการให้การที่เป็นประโยชน์ โดยหลังจากนี้จะมีการขยายผลไปหากลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ที่เป็นเครือข่ายรายใหญ่ แต่อาจต้องใช้เวลา และให้เวลากับพนักงานสืบสวนอีกระยะหนึ่ง
ส่วนในเรื่องของผลตรวจเบื้องต้น ทั้งในตัวของผู้ตาย และกลุ่มผู้ที่เสพ พบสารชนิดแอมเฟตามีนเป็นส่วนผสม ส่วนรายละเอียดอื่นจะแถลงให้ทราบอีกครั้ง ส่วนผู้เสียชีวิตจากยาเคนมผง ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ เบื้องต้นมีทั้งหมด 7 ราย และคนที่มีการออกหมายจับ 4 คน คือบุคคลที่เกี่ยวข้องยาเคนมผง แต่ยังไม่ขอระบุว่าใครเป็นคนจัดหา หรือใครเป็นคนนำมามอบให้กับคนตาย ซึ่งตอนนี้กำลังทำการเชื่อมโยง แต่เบื้องต้นทั้งหมด 4 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำยาเสพติดมาให้กับผู้ตาย
ทั้งนี้ ความเกี่ยวข้องกับคดีเคสสายไหม ที่มีการจับกุมน.ส.นุ่น เอเจนต์ค้าเคนมผง ผบ.ตร.บอกว่า ตอนนี้กำลังรวบข้อมูล และกำลังให้เชื่อมโยงกลุ่มเครือข่าย ซึ่งยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นเครือข่ายเดียวกันหรือไม่ แต่ทั้งนี้ยังไม่ฝันธงว่าเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ โดยยังขอให้ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ เพื่อจะให้ได้ข้อมูลในการสืบหาข้อมูลที่แท้จริง ก่อนที่จะมีการสรุปผล
อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร.ยังฝากถึงกลุ่มเยาวชน ขอให้เลิกใช้ยาชนิดนี้ เพราะไม่รู้ว่าตัวยามีส่วนผสมชนิดไหนบ้าง และมีผลอย่างไร ตนฝากถึงเยาวชน เด็ก ๆ ไม่รู้ว่าคนขายเอาอะไรมาผสมให้กิน เวลาตายแล้วก็ไม่คุ้ม ดังนั้นหากคิดก็ขอให้เลิก
กรณีชุดปฎิบัติการปราบปรามยาเสพติด บก.น.2 ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ศิริกาญจน์ เชื้อเขตกรรม หรือ นุ่น อายุ 23 ปี พร้อมของกลาง ยาเคตามีน จำนวน 6 ถุง น้ำหนักรวม 8.1 กรัม โดยจับกุมได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.
สำหรับคดีดังกล่าว ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด และตำรวจนครบาล 2 สืบทราบว่า มีผู้หญิงชื่อ นุ่น พบว่ามีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเคนมผง ภายในชุนชนจิตภาวรรณ 1 พื้นที่สายไหม จึงลงพื้นที่สืบสวนจนพบตัว น.ส.ศิริกาญจน์ มีลักษณะตรงตามที่ได้รับรายงาน ยืนอยู่หน้าบ้าน จึงแสดงตัวขอทำการตรวจค้น
น.ส.ศิริกาญจน์ ยอมรับว่า มียาเสพติดอยู่ในกระเป๋ากางเกงจำนวนหนึ่ง และเมื่อตรวจค้นในบ้านยังพบยาเสพติดของกลางซุกซ่อนอยู่อีกด้วย โดยพบว่าของกลางเป็นยาตัวใหม่ ที่เรียกว่า เคนมผง ซึ่งมีส่วนผสมยาเค กับ ยาโรเช่ จะออกฤทธิ์ได้แรงขึ้น อ้างว่ารับยามาจากเพื่อนชายที่อยู่ลำลูกกาคลอง 2 ในราคากรัมละ 470 บาท และนำมาขายให้ลูกค้าย่านสายไหมในราคากรัมละ 600 บาท
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหามีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิต และ ประสาท ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (ยาเคตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านวัดเกาะ เขตสายไหม กรุงเทพ พบว่าเป็นบ้านแม่สามีของนายเบียร์ แฟนหนุ่มของ น.ส.ศิริกาญจน์ หรือนุ่น เชื้อเขตกรรม อายุ 23 ปี ช่วงที่ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่มานั้น พบว่าบ้านปิดเงียบ เนื่องจากแม่ของแฟนหนุ่มของนายเบียร์ เดินทางไปเยี่ยมลูกที่โรงพัก โดยทีมข่าวสังเหตภายในมีรถมอเตอร์ไวค์จอดอยู่ 4 คัน และมีโต๊ะไม้วางอยู่ 1 ชุด
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายตูน (นามนามติ) อายุ 20 ปี วัยรุ่นในพื้นที่บ้านหลังติดกัน เปิดเผยว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านที่มักจะมีกลุ่มวัยรุ่นแปลกหน้า เป็นคนในย่านพื้นที่สายไหม แต่ไม่ค่อยคุ้นหน้า แวะเวียนกันใส่หน้ากากอนามัย พร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์ ขี่มารวมกลุ่มกันที่บ้านหลังดังกล่าวบ่อยครั้ง บางคนมาก็จะนั่งสุงสิงอยู่บริเวณโต๊ะไม้หน้าบ้าน บางคนก็ขับรถมาแวะรับของบางอย่างแล้วขับวนออกไป แต่จะไม่มีใครในหมู่บ้านเข้าไปยุ่งสุงสิงด้วย เพราะไม่รู้ว่าบ้านหลังดังกล่าวประกอบธุรกิจเรื่องอะไร
กระทั่งมาทราบข่าวเมื่อวานนี้ มีการจับกุมยาเสพติด จากบ้านหลังดังกล่าวก็ค่อนข้างตกใจ เพราะตอนแรกคิดว่าวัยรุ่นมารวมตัวกันตามปกติ แต่ไม่คิดว่าจะมามั่วสุมเสพยา รวมถึงซื้อยาเสพติดกัน ส่วนนายเบียร์ แฟนหนุ่มของน.ส.นุ่น ก็เพิ่งจะพ้นโทษในคดียาเสพติดมาได้ไม่นาน โดยเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 5 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ไม่คิดว่าจะกลับไปเกี่ยวข้องยาเสพติดอีก กระทั่งโดนจับไปพร้อมกัน และส่วนตัวยังยอมรับว่าตกใจ ที่ข่าวยาเสพติดประเภทยาเคนมผง มีการจำหน่ายอยู่พื้นที่ใกล้บ้าน แต่ก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีวัยรุ่นในซอยหรือวัยรุ่นในหมู่บ้านเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านหลังดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นจากข้างนอก เป็นกลุ่มคนที่แต่งตัวคล้ายเด็กแว้น และกลุ่มหน้าโหด
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้เจอกับนายนนท์ (นามสมมติ) อายุ 28 ปี หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นที่เคยซื้อและสั่งยาเคนมผงจากน.ส.นุ่น เปิดเผยว่า รูปแบบการสั่งซื้อแต่ละครั้ง จะต้องโทรศัพท์ไปสั่งของทุกครั้ง โดยน.ส.นุ่น จะไหว้วานให้คนมาส่ง หรือไม่ก็มีบางครั้งที่มาส่งเอง แต่จะไม่อนุญาตให้ไปรับของที่บ้าน ส่วนตัวคิดว่ากลัวจะรู้แหล่ง แต่โดยส่วนใหญ่ทุกครั้งที่กลุ่มของตัวเองเสพ จะโทรสั่งเฉพาะตอนกินเหล้า เนื่องจากการเสพหรือดูดยาเค ช่วงที่กินเหล้าจะทำให้เกิดการมึนเมา ราคา 600-700 บาทต่อซอง และการสั่งของแต่ละครั้ง ตนอยากได้ยาเคของจริง ซึ่งไม่ใช่ยาเคผงนม แต่บางครั้งไม่สามารถเลือกได้ เพราะเนื่องจากสินค้าที่มาไม่มี ดังนั้นก็ต้องซื้อตัวยาเคผงนมมาเสพชั่วคราว
ส่วนความแตกต่างของยาเค ทั้ง 2 ชนิดนั้น ยอมรับว่า มีความแตกต่างมาก ซึ่งหากเป็นยาเคแท้ จะมาในลักษณะเป็นก้อนไม่ใช่แบบผงละเอียด เวลาเสพหรือดูดไปแล้ว ก็จะอยู่ในอาการมึนเมา แต่ก็ไม่ถึงกับสลบและใจสั่น พอหมดฤทธิ์ยาแล้วก็กลับมาเป็นปกติ
แต่หากเป็นยาเคมนมผง เวลาเสพเข้าไปแล้ว จะมีอาการใจสั่น เต้นท่าทางแปลก บางครั้งถึงขั้นขาดสติ กระทั่งเพื่อนที่นั่งเสพด้วยกันต้องชกต่อยหรือไล่ฟันแทงกัน เพราะส่วนใหญ่จะไม่มีสติ แต่บางรายหากเสพไปจำนวนมาก นอกจากใจสั่นแล้วก็จะน็อกโดยที่ไม่รู้ตัว ต้องใช้น้ำราดหัว หรือใช้น้ำแข็งประคบไว้ที่หน้าผาก เพื่อจะลดอาการใจสั่นและเรียกสติคืนกลับมา ไม่เช่นนั้นก็จะน็อก และอยู่ในสภาพตามที่ปรากฏเป็นข่าวถึงขั้นเสียชีวิต
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม นำตัว น.ส.ศิริกาญจน์ มาสอบปากคำเพิ่มเติม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.กรุงเทพฯ และ ป.ป.ส. จ.ปทุมธานี เพื่อหาต้นตอและที่มาของยาเสพติดชนิดใหม่ใช้ในการประกอบสำนวนคดี โดยหลังจากสอบสวนร่วม 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหากลับไปคุมขังตามเดิม โดยน.ส.ศิริกาญจน์ สวมใส่เสื้อสีเหลือง ใช้ผ้าสีขาวปิดบังใบหน้า และปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ซึ่งในวันที่ 13 ม.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำนุ่นไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี
ต่อมาทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เจ้าหน้าที่บุกจับ น.ส.นุ่น แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. พบว่าเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ทีมข่าวได้พูดคุยกับเจ้าของบ้าน และเป็นแม่ของนายเบียร์ แฟนหนุ่มของน.ส.นุ่น
นางสมใจ (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวานนี้ตนกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่หน้าบ้าน สักพักมีรถตำรวจมาจอด ก่อนที่จะเข้ามาบุกจับกุม น.ส.นุ่น อย่างรวดเร็ว ขณะนั้นตนและลูกชายตกใจมาก และทราบจากตำรวจเพียงว่ามีคนแจ้งมาว่า น.ส.นุ่น ค้ายา ซึ่งยาดังกล่าวขณะนี้มีคนเสพและเสียชีวิตจำนวนมาก ก่อนที่จะคุมตัว น.ส.นุ่นไป
โดยที่ผ่านมาน.ส.นุ่น ไม่ได้เข้ามาบ้านของตนนานแล้ว เนื่องจากลูกชายตนถูกจำคุก 1 ปี 3 เดือน คดียาเสพติด เพิ่งได้รับโทษออกมาได้เพียง 5 วันเท่านั้น เมื่อลูกชายออกมาจากคุก น.ส.นุ่น ก็มาหาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งปกติแล้ว น.ส.นุ่น จะอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่หลัก 7 แต่ตนก็เห็นว่า น.ส.นุ่น คบหากับเพื่อนที่บริเวณวัดลุ้ม ตนก็ไม่ทราบว่าไปทำอะไรกัน
สำหรับพฤติกรรมของ น.ส.นุ่น ตนไม่เคยเห็นว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพยาเสพติด หรือค้ายาเสพติด เนื่องจากพ่อแม่มีฐานนะและหน้าที่การงานดี นอกจากนี้ตนเพิ่งรู้จักและเห็นหน้าของพ่อแม่ น.ส.นุ่น เมื่อคืนที่ผ่านมา ที่ สน.สายไหม โดยพ่อแม่ของ น.ส.นุ่น บอกกับตนว่า เขาเลี้ยงลูกมาอย่างมาดี ไม่น่าจะหลงผิด
นางสมใจ ยังเผยต่อว่า เสียใจในการกระทำของ น.ส.นุ่น ตนทราบข่าวแทบช็อก ตนอยากให้ลูกชายได้แฟนที่ดี อย่างไรก็ตาม คาดว่าสิ่งที่ น.ส.นุ่น กระทำลงไปน่าจะติดเพื่อน จนทำให้หลงผิดไปในทางที่ไม่ดี และคาดว่าผู้ค้ารายใหญ่ จะเจาะจงซัดทอดมาที่ น.ส.นุ่น ทั้งนี้ตนก็อยากให้ น.ส.นุ่น กลับตัวกลับใจเป็นคนดี ตนไม่ได้คิดอะไรมาก และขอโทษที่ น.ส.นุ่น หลงผิด
ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับแม่ของน.ส.นุ่น ระบุเพียงสั้น ๆ ว่า ขณะนี้ครอบครัวอยู่ในอาการที่เสียใจมาก จากการพูดคุยกับลูกสาวนั้น บอกเพียงว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และถูกจับกุม ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าลูกสาวจะมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
นอกจากนี้ตนเคยเตือนมาตลอดแล้วว่า ห้ามไปยุ่งเกี่ยว แต่อาจจะเพราะด้วยความที่เป็นวัยรุ่น ประกอบกับคบหาเพื่อน จึงทำให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว และนอกจากนี้ตนคิดว่าสาเหตุที่ลูกสาวไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอาจจะเกิดจากความเครียด เพราะลูกสาวได้ลาออกจากงาน
อย่างไรก็ตาม ตนสงสัยว่าลูกสาวอาจจะเป็นแพะรับบาปในคดีดังกล่าว เพราะช่วงที่สอบปากคำลูกสาวตนยังไม่ทราบว่าไปรับของกลางมาจากเพื่อนคนไหน ชื่ออะไร ตนอยากให้สังคมให้โอกาสลูกสาวของตนกลับมาใช้ชีวิตเป็นคนดีอีกครั้ง และตนก็พร้อมที่จะให้อภัยลูกสาวเสมอ
ทีมข่าวส่งตัวอย่างยาเคนมผง ให้กับรศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คัดแยกสารส่วนผสมทั้งหมดของยาเคนมผง หนึ่งในนั้นคือ สารประกอบการใช้งานเกี่ยวกับการประหารชีวิตนักโทษ
Sodium Pentothai โซเดียม เพนโทธาล ที่ทำให้นักโทษหมดสติ ปริมาณ 20-25 มิลลิลิตร
Pencuronium bromide แพนคิวโรเนียม โบรไมด์ ที่ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ปริมาณ 50 มิลลิลิตร
Potassium chloride โพแทสเซียม คลอไรด์ ที่ทำให้หัวใจหยุดเต้น ปริมาณ 50 มิลลิลิตรเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สารดังกล่าวไม่ใช่ยาพิษแต่เป็นยาทั่วไป ถ้าใช้เกินขนาดก็มีผลทำให้ตายได้ ผลการวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเท็กซัส