ใจสลาย! เผาน้องมายด์เหยื่อเคมรณะ แม่โจ๋ส่งยาแก๊งปาร์ตี้โวยลูกไม่ผิดแค่ติดร่างแห (คลิป)

เมื่อวันที่ 14 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมายังวัดลาดบัวขาว ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.สุทธิณี เมตตาจิตต์ อายุ 24 ปี หรือ มายด์ ผู้เสียชีวิตจากการเสพยาเคนมผง โดยบรรยากาศภายในงานมีทั้งพ่อแม่ ครอบครัว และเพื่อนพี่น้องที่มาร่วมงาน เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

ในเวลา 16.10 น. ได้เริ่มพิธีฌาปนกิจศพ โดยได้นิมนต์พระจูงหน้าศพ เพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่าตอนที่ยังอยู่ ต้องเดินตามหลังพระ หมายความว่าให้ดำเนินชีวิตตามพระธรรมคำสั่งสอนพระพุทธเจ้า จึงจะอยู่ดีมีสุข มีความเจริญก้าวหน้า

พร้อมกับเวียนซ้าย 3 รอบ หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้ง 3 อันมีกามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจกิเลสตัณหาอุปาทาน ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลส เป็นการสอนธรรมชั้นสูง จึงได้พาศพเวียนซ้าย

จากนั้นเพื่อนได้พูดไว้อาลัย ตามด้วยทอดผ้าบังสุกุล และยืนไว้อาลัย คุณตาของผู้เสียชีวิตได้ขึ้นไปจุดไฟประชุมเพลิงฝ่ายฆราวาส ตามด้วยเพื่อนและญาติขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์

ต่อมาได้เปิดโรงศพ ขณะนั้นผู้เป็นแม่ได้ร่ำไห้กอดกับญาติ โดยอยากเห็นหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย แต่ไม่สามารถขึ้นไปดูได้ตามความเชื่อของครอบครัวที่ไม่ให้แม่ไปเผาลูก ส่วนพ่อได้แต่เฝ้ามองจากด้านล่างของเมรุ กระทั่งเวลา 17.00 น. ได้ฤกษ์ฌาปนกิจศพ ครอบครัว และเพื่อนต่างร้องไห้เสียใจ

ทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับทางครอบครัวของ น.ส.มายด์ ซึ่งทางผู้เป็นพ่อและเป็นแม่ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เนื่องจากขณะนี้ยังทำใจไม่ได้ ไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับลูกสาวแล้ว ส่วนเรื่องของคดีนั้นปล่อยให้เป็นตามกระบวนการของกฎหมาย คนที่ร่วมวงเสพกับลูกสาวนั้นก็ขอให้ไปอยู่ในคุกตามความผิดของพวกเขา

ทีมข่าวได้พูดคุยกับน.ส.กุ้ง (นามสมมติ) อายุ 30 ปี เปิดเผยว่า ก่อนที่ตนจะทราบว่า น.ส.มายด์ เสียชีวิต ตนได้นั่งสังสรรค์ดื่มเบียร์ ขณะนั้นมีรุ่นน้องได้ดูข่าวเกี่ยวกับคนเสพยาเคนมผง โดยมียอดผู้เสียชีวิตตายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเพศหญิง ตนจึงขอดูรูปดังกล่าว กระทั่งพบว่ารูปที่รุ่นน้องส่งมานั้นเป็นน้องมายด์ ขณะนั้นตนตกใจมาก

สักพักทางนายโบ้ ได้โทรศัพท์มาหาตน พร้อมกับแจ้งข่าวว่าน้องมายด์เสียชีวิตแล้ว ตนจึงสอบถามว่าขณะนี้อยู่ที่ไหนกัน นายโบ้ระบุว่า อยู่ภายในซอยจันทน์ 31 ตนรีบเดินทางไป ช่วงที่ขับรถตนก็พยายามติดต่อหาแม่ของน้องมายด์ เพื่อแจ้งข่าวว่าน้องเสียชีวิต แม่กล่าวเพียงว่า "ไม่จริง"

เมื่อตนไปถึงแจ้งกับตำรวจว่า เป็นพี่สาวของน้องมายด์ เจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้ขึ้นไปดูบนชั้น 2 ของบ้านนายวิรัฐ หรือ ป๋อง พบเห็นว่าน้องมายด์นอนเสียชีวิตแล้ว นอกจากนี้ภายในวงที่น้องมายด์ร่วมเสพยาเคนมผงนั้น น้องมายด์รู้จักเพียงนายโบ้ เพิ่งรู้จักกันได้ประมาณ 1 ปี เป็นเพื่อนในกลุ่มที่นั่งสังสรรค์กัน

ส่วนคนอื่น ๆ นั้นน้องมายด์ไม่รู้จัก และคนที่ชื่อพลอย ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนที่สนิทกับน้องมายด์ด้วย แต่ส่วนตัวรู้จักกับนายป๋อง และนายน้ำ เนื่องจากเป็นคนในละแวกชุมชนเดียวกัน

ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ตนได้พูดคุยกับนายโบ้ ซึ่งนายโบ้ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่น้องมายด์เสียชีวิตว่า เขาตื่นมาก็เจอว่าน้องมายด์เสียชีวิตแล้ว แต่นายน้ำได้ตื่นมาก่อน ขณะเดียวกันช่วงที่น้องมายด์น้ำลายฟูมปาก ตนก็ช่วยเช็ดปาก เช็ดตัวให้ และคอยดูแล เปลี่ยนเสื้อผ้า ตนจึงได้ด่าทอนายโบ้ว่าดูแลอะไร ขณะที่น้องมายด์น้ำลายฟูมปากยังไม่นำตัวไปส่งโรงพยาบาล หรือหากไม่กล้าก็โทรหาตน ตนจะพาไปหาหมอเอง ซึ่งติดใจนายโบ้ที่ไม่ยอมพาน้องมายด์ไปโรงพยาบาล ส่วนนายน้ำขณะนี้ตนก็ไม่ทราบว่าหายไปไหน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของใคร เพราะต่างฝ่ายต่างก็เสพเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาตนทราบว่าน้องมายด์เสพเพียงแค่ยาเค ตนเคยห้ามปรามแล้ว เพื่ออยากให้น้องมายด์เลิก แต่น้องมายด์ไม่เลิก ตนจึงตีตัวออกห่าง

น.ส.กุ้ง เผยต่อว่า ตนไม่ทราบมาก่อนว่าน้องมายด์เสพยาเคนมผง และไม่ทราบว่าใครเป็นคนนำมาให้เสพ และใครนำมาจากไหน ส่วนสาเหตุที่น้องมายด์เสียชีวิตนั้น ตนไม่คิดว่าจะถูกกลุ่มของนายโบ้ข่มขืนหรือมอมยา ตนคาดว่าน้องมายด์ น่าจะเสพยาเกินขนาด จนทำให้ช็อกและหลับไป

อย่างไรก็ตาม ขณะที่น้องมายด์ไปสังสรรค์กับกลุ่มของนายโบ้ ได้ทักมาหาตนก่อนจะเสียชีวิตเมื่อเวลา 03.00 น. ถามว่า "พี่อยู่ไหน" สักพักตนตอบไปว่า "อยู่วิน" แต่น้องมายด์ก็ไม่ได้อ่าน กระทั่งทราบข่าวว่าน้องเสียชีวิตแล้ว สำหรับลักษณะนิสัยของน้องมายด์นั้น เป็นคนที่อยากให้ทุกคนรักเขา น้อยใจเก่ง

ก่อนเกิดเหตุตนไม่ได้มีลางสังหรณ์ไม่คิดว่าน้องมายด์จะเสียชีวิตได้เร็วขนาดนี้ แต่ก่อนที่น้องจะเสียชีวิตนั้นน้องได้โพสต์ข้อความที่เศร้า ขอโทษที่ไม่ดี จะโกรธก็ได้แต่อย่าเกลียดกันก็พอ โชคดี และได้โทรไปบอกรักพ่อแม่

ทั้งนี้หลังจากที่น้องมายด์เสียชีวิตเพียง 1 คืน ตนฝันว่าตนได้เจอกับน้องมายด์ ตนได้กล่าวว่า "มายด์ขอกอดหน่อย" จากนั้นก็กอดกันอย่างแน่น โดยน้องมายด์กล่าวว่า "พี่ต้องช่วยหนูด้วยนะ ช้าง (สามี) คนเดียวคงไม่ไหว" ตนคาดว่าน้องมายด์คงกังวลเรื่องลูกและเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งขณะนั้นน้องมายด์ร้องไห้ ตนรู้สึกบีบหัวใจมากกระทั่งสะดุ้งขึ้นมา อย่างไรก็ตาม หากมีโอกาสได้คุยกับน้องมายด์เป็นครั้งสุดท้าย อยากจะบอกให้น้องรู้ว่าตนรักน้องมาก ๆ

ที่สน.วัดพระยาไกร ยังคงมีญาติของผู้ต้องหามาเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นนางพรที่มาเยี่ยมนายวิรัฐ และแม่และย่าของนายชาตรี หรือโจ (นามสมมติ)

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางลิ (นามสมมติ) แม่ของนายชาตรี เปิดเผยว่า ภายหลังจากถูกจับกุม ลูกชายตนได้ปฏิเสธเสมอมาว่า "ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเคนมผง" ลูกชายของตนนั้นรู้จักกับนายตูมตามจริง และในวันที่ 9 ม.ค.64 นายตูมตามไปส่งยาเคนมผงนั้น ลูกชายของตนนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน จากนั้นวันที่ 10 ม.ค.64 ลูกชายตนได้ขอซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นายตูมตาม ไปซื้ออาหารที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งหน้าร้านสะดวกซื้มีกล้องวงจรปิด ขณะที่ลูกชายของซ้อนรถของนายตูมตาม ทำให้ตำรวจรวบลูกชายตนไปด้วย ยืนยันว่าลูกชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเคนมผงแต่อย่างใด

ส่วนตัวลูกชายกับนายตูมตาม รู้จักกันมาจากการเสพกัญชาด้วยกัน และบ้านอยู่ในละแวกพระราม 3 แต่สำหรับลูกชายไม่รู้จักกับนายป๋อง และนายโบ้ แต่อย่างใด นอกจากนี้ตนได้ขึ้นไปเยี่ยมลูกชายวันนี้ ได้พูดคุยกับนายป๋องและนายโบ้ ซึ่งทั้ง 2 ก็ปฏิเสธบอกไม่รู้จักลูกชายของตน และในวันที่ซื้อขายยาเคนมผง ลูกชายตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ที่ผ่านมาลูกชายตนยอมรับว่าเสพแต่กัญชา ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดชนิดอื่น และเมื่อวานนี้ไปตรวจเลือด ซึ่งผลตรวจออกมาแล้วไม่พบสารเสพติดชนิดอื่น นอกจากกัญชา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนยังมึนงงว่าลูกชายของตนถูกดำเนินคดีร่วมกับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้อย่างไร เพราะลูกชายไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ตนจะขอคดีสู้ให้ถึงที่สุด

ขณะเดียวกันย่าของนายโจ ที่เดินทางมาเยี่ยม เกิดอาการน้อยใจร่ำไห้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใส่ร้ายเชื่อมโยงว่าหลานนั้นเกี่ยวข้องกับยาเคนมผง โดยย่าของนายโจ ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ตนเสียใจมากที่ตำรวจไม่ให้ความเป็นธรรมแก่หลานชาย และได้ย้ำชัดอีกครั้ง "หลานหนูไม่ได้เสพยาบ้า" ทั้งนี้ตนจะขอแจ้งจับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่บุกรุกบ้านของตน พร้อมทั้งยังใส่รองเท้าขึ้นบ้านไปจับกุมหลานชาย

ในคืนที่ตำรวจบุกจับหลานชายของตนนั้น ตนกำลังนอนหลับอยู่กับสามี ไม่มีการบอกกล่าว จู่ ๆ ก็ขึ้นบ้านมา ขณะที่บุกค้นนั้นตำรวจได้ของกลางคือกัญชา ตนได้สอบถามตำรวจว่ามาจับหลานชายตนเรื่องอะไร ตำรวจตอบมาเพียงว่า "ไม่เป็นไร ค่อยคุยกัน" ขณะนั้นตนเห็นกัญชาที่ตำรวจยึดไปนั้นเพียงน้อยนิด แต่พอมาถึง สน.กลับ บอกว่ามี 2 ขีด ยืนยันอีกครั้งว่าหลานชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเคนมผง แต่เสพเพียงกัญชาเท่านั้น

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่าพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ควบคุมตัวนายวิรัฐ กาเผือก หรือ ป๋อง อายุ 26 ปี, นายวัชระ เชียงฉิน หรือ โบ้ อายุ 22 ปี, นายนพเก้า อบถม หรือ ตูมตาม อายุ 26 ปี และนายโจ้ อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน, เฮโรอีน และ 3,4-เมทิลลีนไดออกซี่เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขาย และขายโดยผิดกฎหมาย ไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยท้ายคำร้องตำรวจคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ก่อนการนำตัวไปฝากขัง ตำรวจได้นำตัวนายป๋อง นายโจ และนายตูมตาม ลงมาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมชี้หลักฐานชุดของ น.ส.มายด์ ผู้ตายใส่ในที่เกิดเหตุ โดยมีชุดชั้นใน กางเกงขาสั้น และเสื้อบอล ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดขึ้นรถไปยังศาลอาญากรุงเทพใต้

โดยนายโบ้ ผู้ต้องหา ได้ปฏิเสธว่า "ไม่ได้ข่มขืนมายด์ และขอให้รอดูผลตรวจร่างกายผู้ตาย" เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นำยาเสพติดมาจากไหน ผู้ต้องหาก็ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว