จากรณีมีคนพบศีรษะของมนุษย์และโครงกระดูก ห่อด้วยผ้าสีดำ มีร่องรอยคล้ายไฟเผาไหม้ แต่ไม่พบเสื้อผ้า ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตมาหลายเดือนแล้ว โดยพบอยู่ในไร่ บริเวณถนนสายดงแขวน-บุ้งเข้ ใกล้วัดโพธิ์ศรี หมู่ที่ 5 ต.เกาะหวาย อ.ปากพลี จ.นครนายก เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 64
วันที่ 14 ม.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังไร่อ้อยบนพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ 3 งาน พื้นที่ปลูกอ้อยและมีต้นไม้ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ
ใกล้จุดเกิดเหตุ ห่างกัน 30 เมตร มีบ้านหลังหนึ่ง นายกฤติ (นามสมมติ) อายุ 39 ปี ชาวบ้านใกล้จุดพบโครงกระดูก เล่าว่า ตนและครอบครัวอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ปลูกบ้านนี้ไว้เพื่อเป็นบ้านตากอากาศไว้พักผ่อน และเพิ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จ จะเดินทางมาเดือนละ 1-2 ครั้ง
โดยวันที่มีการพบชิ้นส่วนกระดูก ตนกับเพื่อนเดินทางมาพักผ่อนในช่วงวันหยุดปีใหม่ มีผู้ใหญ่บ้านเดินมาแจ้งให้ทราบว่ามีคนพบกระดูกมนุษย์ใกล้บ้านตน ซึ่งตนก็รู้สึกตกใจจนไม่กล้าเดินไปดูที่จุดเกิดเหตุ
ก่อนหน้านี้ คนงานที่ก่อสร้างก็ไม่พบว่ามีกลิ่นเหม็น คนงานนอนภายในตัวบ้าน ก็ไม่มีใครฝัน ตนสอบถามผู้ติดตั้งเสาไฟและเดินไฟ ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้กับตรงที่พบกระดูก ก็ไม่เห็นว่าพบเจออะไร ส่วนตัวก็ไม่คิดว่าจะมาเจอเรื่องราวแบบนี้
หลังจากนี้ ก็คงต้องรอให้เรื่องของเวลาเป็นตัวเยียวยาความรู้สึกที่ยังตกใจกลัว ตั้งแต่ทำบ้านเสร็จวางแผนว่าจะทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ก็ยังทำไม่ได้ เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านไม่อยากให้จัดงานรวมตัวกันเยอะ ๆ เนื่องจากมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นายจงรักษ์ สายทุม อายุ 50 ปี พี่ชายผู้สูญหาย เปิดเผยว่า น้องสาวของตนหายตัวไปเกือบ 6 เดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 63 โดยก่อนหน้านี้ น.ส.พรทิพย์ พุทธรักษา อายุ 43 ปี ผู้สูญหาย โดยน้องสาวของตนคบหากับนายรังสรรค์ หรือ โหน่ง มานาน 4-5 ปีแล้ว ก่อนจะมีปัญหากันปมหึงหวง ทำให้น้องสาวของตนหนีออกจากบ้านไปทำงานอยู่กับเพื่อนที่ จ.นนทบุรี โดยติดต่อกลับมาที่บ้านตลอด
ต่อมา วันที่ 1 ก.ค.63 เพื่อนของน้องสาวตน โทรมาถามกับทางครอบครัวว่าผู้สูญหายหายตัวไป บอกว่านายรังสรรค์จะมารับกลับมาที่บ้าน ไม่รู้ว่าถึงบ้านหรือยัง เนื่องจากขาดการติดต่อ จากนั้นตนและครอบครัวก็พยายามติดต่อตามตัวของ น.ส.พรทิพย์ จนกระทั่งเข้าแจ้งความคนหายที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี ว่าหายตัวไปในวันที่ 5 ก.ค.63 ซึ่งตลอดระยะที่ผ่านมา ตนและทางครอบครัวก็เฝ้ารอว่าน้องสาวจะติดต่อกลับมา
สิ่งที่ทำให้ตนมั่นใจในระดับหนึ่งว่าชิ้นส่วนโครงกระดูกที่พบเจอว่าคือน้องสาวตน เพราะมีส่วนของกะโหลกที่พบรอยไหม้เล็กน้อย ส่วนของฟันกระต่าย และหลักฐานผ้าสีดำ ชิ้นส่วนของกระสอบข้าวสาร ตรงกับหลักฐานที่ค้นพบในบ้านที่น้องสาวและนายรังสรรค์ สามี อยู่ด้วยกัน ส่วนตัวก็สงสัยในตัวนายรังสรรค์ เนื่องจากเป็นคนล่าสุดและคนสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน
สภาพจิตใจของตนในตอนนี้ค่อนข้างเครียด อีกใจหนึ่งก็อยากรู้เลยว่าใช่น้องสาวตนหรือไม่ แต่ก็รอผลตรวจ DNA หลังทราบผลถ้าใช้น้องตนจริง ก็จะทำกระดูกไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกำลังเก็บหลักฐานเพิ่มเติมภายในบ้านของนางสาวพรทิพย์ ที่อยู่กับนายรังสรรค์ เป็นบ้านชั้นเดียวยกสูงประมาณ 1.8 เมตร บริเวณโดยรอบเป็นพื้นที่โล่ง มีห้องน้ำและหลังคามุงทำเป็นที่จอดรถ
บริเวณโรงจอดรถ พบผ้าสีดำขนาดความยาว 2.5 เมตร พันอยู่กับไม้ที่ยังไม่ได้ใช้งาน ถัดมาใกล้กัน พบกระสอบข้าวสาร มีที่นอนเก่าที่ถูกเผาไปครึ่งหนึ่ง เหลือแต่โครงเหล็กสปริงเตียงนอน ภายในห้องน้ำพบรอยไหม้บนขื่อห้องน้ำ ภายในอ่างน้ำมีรอยปูนที่ฉาบกับกำแพงแตกจากความร้อน กำแพงห้องน้ำพบรอยน้ำยาล้างห้องน้ำสาดไว้ข้างกำแพง
นางเจียน แซมต่างสี อายุ 73 ปี แม่ผู้สูญหาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตั้งแต่ลูกหายตัวไปนาน 6 เดือน ชีวิตก็มีแต่ความกังวลใจ ที่ผ่านมาตั้งแต่ลูกสาวตนหายตัวไป นายรังสรรค์ก็ไม่เคยมาสนใจถามไถ่หรือออกตามหาตัว ซึ่งผิดวิสัยของคนเป็นสามีภรรยากัน
โดยช่วงหนึ่งตนฝันว่าลูกสาวยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้าน บอกว่าโดนมัดมือมัดขา พูดไม่ได้ เข้าบ้านไม่ได้ ตัวเปียกน้ำ ซึ่งตนก็สงสัยว่าทำไมถึงเข้าบ้านไม่ได้ แล้วก็มีคนฝันในลักษณะเดียวกัน ตนก็เชื่อว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว เพราะถ้ายังมีชีวิตต้องติดต่อกลับมาบ้าง
กระทั่งตนมาทราบข่าวว่ามีการค้นพบโครงกระดูกในไร่อ้อยที่ จ.นครนายก ค่อนข้างที่จะเชื่อว่าเป็นลูกสาว เนื่องจากหลักฐานที่พบเจอกับศพเป็นผ้าสีดำ และพบเศษของกระสอบข้าวสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับตนว่าเหมือนตรงกัน ตนจึงสงสัยในตัวนายรังสรรค์มากที่สุด
โดยสภาพจิตใจในตอนนี้แย่มาก ๆ นอนร้องไห้คิดถึงลูกสุดหัวใจทุกวัน กินข้าวไม่ลง รู้สึกเครียด และสงสารลูกสาว ถ้าเป็นไปได้ตนอยากตายแทนลูกสาว ตนอยากจะบอกให้ลูกสาวไปสบาย ไม่ต้องเป็นห่วงตน อีกไม่นานตนก็จะตายตามไป ส่วนคนที่ทำผิดก็ต้องได้รับผิดตามกฎหมาย