วันที่ 14 ม.ค. 64 เมื่อเวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวยสภ.สวี จ.ชุมพร ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้าน หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.สวี จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์โรงพยาบาลสวี และหน่วยอาสากู้ภัยกู้ชีพมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์เขตสวี
ตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวติดถนนสายปากแพรก-บ้านหนองพรหม ภายในโรงจอดรถติดกับตัวบ้าน พบศพผู้เสียชีวิต 1 รายชื่อ น.ส.ณัฐฐาพร หรือ อาย อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนมัธยมใน อ.สวี สภาพนอนหงายเสียชีวิตข้างรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีกุญแจเสียบคาไว้
จากการชันสูตรพลิกศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาด 380 เข้ากกหูขวา 1 นัด หน้าอกซ้ายเหนือราวนม 1 นัด แขนขวา 2 นัด รวม 4 นัด เลือดไหลนองพื้น ใกล้ศพยังพบปลอกกระสุนตกเกลื่อนรวม 5 ปลอก และกระเป๋าผ้าแบบหิ้วขนาดเล็ก ตำรวจจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพนส่งโรงพยาบาลสวี ให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
โดยมีนายสนอง บุญอยู่ อายุ 43 ปี พ่อน้องอาย นางวาสนา บุญอยู่ อายุ 39 ปี ผู้เป็นแม่ อยู่ในที่เกิดเหตุสร้างความโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก พร้อมกับนางเนียบ เมืองงาม อายุ 67 ปี ผู้เป็นยายนั่งร่ำให้ปริ่มใจจะขาด
นางเนียบ ยายผู้เสียชีวิต เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ น้องอาย หลานสาวกำลังจะเอาการบ้านของน้องสาวคนเล็กไปให้แม่ที่ทำงาน เพื่อให้แม่เอาไปให้ครูที่โรงเรียน แต่ระหว่างที่น้องอายเดินไปที่รถจักรยายนต์ เห็นอดีตแฟนของน้องอาย ซึ่งน้องอายบอกว่าเลิกรากันไปสักพักหนึ่งแล้วมายืนรออยู่ คาดว่ามาง้อขอคืนดี ซึ่งตนเองนั่งเย็บผ้าอยู่หน้าบ้าน น้องอายจึงร้องโวยวายและทำท่าจะวิ่งหนีเข้าบ้าน แต่อดีตแฟนหนุ่มดักกันเอาไว้ หลังจากนั้นได้ยินเสียงปืน 2 นัด น้องอายเสียชีวิตทันที
ต่อมาพ.ต.ท.ถิรเดช แข็งแรง รอง ผกก.สส.สภ.สวี พร้อมกำลังควบคุมตัวนายอนันตพงษ์ พรมพฤกษ์ หรือ เจ๋ อายุ 22 ปี ชาวต.ท่าหิน อ.สวี จ.ชุมพร พร้อมรถจักรยายนต์ พาหนะในการก่อเหตุมาที่ห้องสืบสวน สภ.สวี โดยมียายของนายเจ๋ ติดตามมาด้วย ส่วนอาวุธปืนที่ให้ก่อเหตุนั้นอ้างว่าได้โยนทิ้งคลอง
ล่าสุดเวลา 16.00 น. มีการสอบปากคำนายเจ๋ หลังจากต้องหาเดินทางมามอบตัวเองเวลา 12.00 น. รวมกว่า 4 ชม. ขณะเดียวกันระหว่างที่พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาเข้าห้องน้ำทีมข่าวพยามสอบถามผู้ต้องหาว่าเกิดอะไรขึ้น เครียดหรือไม่ แต่ผู้ต้องหานิ่งเงียบ สีหน้าเครียด ก่อนเดินเข้าห้องสอบปากคำต่อ
ขณะที่เจ้าหน้าที่มาที่แม่น้ำสะพานคลองสวีหนุ่ม ประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ ชุดกู้ภัยทางน้ำ ขอสนับสนุนนักประดาน้ำ เพื่อทำการค้นหาวัตถุพยานปืนที่ผู้ต้องหาโยนทิ้ง
นายวัชรินทร์ สุวพิศ ปลัด องค์การบริหารส่วนตำบลสะพลี รองหัวหน้าชุดประดาน้ำชุมพร พร้อมกำลังนักประดาน้ำกู้ภัยสายชลชุมพร ชุดประดาน้ำ พุทธประทีปหลังสวน ร่วมกันค้นหา วัตถุพยานอาวุธปืน มีค้นหาวัตถุพยานตั้งแต่เวลา 13.00 น. ได้ยุติการค้นหาเวลา 16.55 น. รวมค้นหาวัตถุพยานรวม 3 ชั่วโมง 55 นาที
นายวัชรินทร์ เปิดเผยว่า จากคำให้การของผู้ต้องหามีการนำอาวุธปืนมาทิ้งบริเวณนี้ ด้วยการขี่รถและเอามือล้วงจากตะเข็บเอวนำปืนโยนลงคลองสะพาน เจ้าหน้าที่จึงปูพรมค้นหาถึง 4 รอบ แบ่งเป็นรอบละ 7 นาย พร้อมเครื่องสแกนวัตถุใต้น้ำ แต่อากาศหมด และไม่พบวัตถุพยาน จึงยุติการค้นหา และรอการประสานจาก สภ.สวี อีกครั้ง
สำหรับปฎิบัติการค้นหาครั้งนี้แม้ น้ำลึกถึง 7 เมตร อากาศหนาว น้ำไหลช่วงบนเชี่ยว 15 กม./ชม. แต่ใต้น้ำค่อนข้างนิ่ง และพื้นด้านล่างเป็นพื้นทราย และมีเครื่องสแกนค้นหารัศมี 10 เมตร จากการปฎิบัติงานเข่นเดียวกันนี้มามั่นใจว่าหากมีการนำอาวุธมาทิ้งในจุดที่ผู้ต้องหาให้การจริงก็ต้องพบ
อย่างไรก็ตาม หลังทีมค้นวัตถุพยานยกเลิกการค้นหาได้ไม่ถึงชั่วโมง ก็มีรายงานจากตำรวจ สภ.สวี ว่าผู้ต้องหาให้การสารภาพใหม่ว่าไม่ได้ทิ้งปืนลงคลอง แต่นำไว้ที่บ้านพัก ซึ่งตรวจค้นก็พบว่าอาวุธปืนอยู่ภายในบ้าน
ขณะที่ ญาติผู้ต้องหากว่า 10 คน นำข้าวและอาหารมาให้เจ้าหน้าชุดประดาน้ำ เปิดใจว่า ผู้ต้องหาอาศัยอยู่กับแม่เฒ่า เพราะพ่อแม่เสียไปนานแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ต้องหาทำงานขับรถส่งของ ส่งเสียดูแลตัวเองและแม่เฒ่า ทำงานหาเงินเลี้ยงสาว ม.5 มานานกว่า 3 ปีแล้ว ก็ถือว่ามีสิทธิ์หึงหวงได้ ส่วนนิสัยผู้ต้องหาเป็นคนไม่พูด นิ่งเงียบ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ส่วนญาติก็ตกใจกันหมด ทุกคนไม่รู้เรื่องเลยว่าหลานมีปัญหาอะไร และไม่เคยเห็นว่าหลานมีปืน ยอมรับว่าเสียใจมาก
ด้านนางสาวสายใจ เมืองงาม อายุ 45 ป้าของน้องอาย ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ส่วนตัวสนิทกับน้องอายและจะมาหาน้องช่วงเย็นสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง น้องอายจะชอบถามเรื่องความสวยงาม ล่าสุดเมื่อวานยังทำขนมกินด้วยกัน ตนขอยืนยันว่าน้องนิสัยดี เรียนเก่ง มีการวางแผนอนาคตว่าจะเรียนต่อเพื่อทำงานช่วยแม่เลี้ยงน้องผู้หญิงอายุ 5 ขวบ ส่วนที่บ้านก็มีฐานะ พ่อแม่วางรากฐานให้อย่างดี มีทั้งสวนทุเรียน สวมปาล์ม แต่ประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว มีชาวบ้านมาบอกว่า ชายหนุ่มผู้ต้องหาคนนี้มาแอบมอง ชาวบ้านถามชายหนุ่มก็บอกเพียงว่ามาดูไก่แจ้ ขณะที่น้องก็เคยบอกว่ากลัว เพราะชายหนุ่มโทรมาข่มขู่
ทั้งนี้ เมื่อรู้ว่าน้องถูกชายหนุ่มคนนี้ยิงเสียชีวิต ตนเองตกใจจนแทบช็อก รู้สึกสงสารน้อง เสียดายอนาคต และบอกไม่ถูกเลย ทั้งที่รู้ว่าน้องเคยบอกว่าถูกข่มขู่ แต่ตนเองกลับเฉย ยอมรับว่าเสียใจมาก