กรณีนายศิวานนท์ มาอ่วม ลูกชายของนายสุรสิทธิ์ มาอ่วม ผู้เสียชีวิต ได้ร้องเรียนกับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวีว่า ผู้เป็นพ่อถูกเจ้าหนี้ทวงหนี้โหด ทำร้ายร้างกายถึง 2 ครั้งจนกระทั่งเสียชีวิต
ล่าสุดวันที่ 14 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังวัดโยธินประดิษฐ์ ต.สำโรง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นงานศพของนายสุรสิทธิ์ มาอ่วม ผู้เสียชีวิต ที่ถูกเจ้าหนี้ทำร้ายจนอาการทรุดเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต โดยบรรยากาศงานศพเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
นายศิวานนท์ มาอ่วม อายุ 25 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 4 ปี พ่อของตนได้ไปกู้หนี้กับนายปรีชา เจ้าหนี้ ในจำนวน 30,000 บาท จากนั้นพ่อได้จ่ายดอกเบี้ยวันละ 700 บาท มาตลอด 4 ปี กระทั่งมาถึงช่วงโควิด-19 ปลายปี 63 ที่ผ่านมา พ่อขาดส่งดอกเบี้ย
กระทั่งวันที่ 25 ธ.ค.63 นายปรีชา ได้มาทวงเงินกับพ่อของตนที่บ้าน และได้ทำร้ายพ่อด้วยการต่อยพร้อมกับกระทืบหลายครั้ง พอแม่ตนมาห้าม นายปรีชาก็เหวี่ยงแม่ตนจนล้ม ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นก็มีเพื่อนบ้านมาช่วยห้าม นายปรีชาถึงยอมหยุดทำร้ายพ่อ
ต่อมาวันที่ 6 ม.ค.64 เวลาประมาณ 07.00 น. นายปรีชา ขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาหาพ่อตนในที่ทำงาน ซึ่งเป็นจุดวินมอเตอร์ไซค์ พ่อตนขับวินอยู่ที่นั่น พอผู้ก่อเหตุมาถึงเขาได้ทวงหนี้กับพ่อตน แต่พ่อตนไม่มีเงินให้ ทำให้ผู้ก่อเหตุชกต่อยพ่อตนอีกประมาณ 2-3 ครั้ง ก่อนจะไปหยิบก้อนหิน 1 ก้อน จะตีทำร้ายพ่อตน แต่จังหวะนั้นมีลูกค้ามาพอดี พ่อของตนจึงขี่รถออกไปส่งลูกค้า
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที นายปรีชา ผู้ก่อเหตุ ได้ขี่รถวนมาถามหาพ่อตนอีกรอบ โดยพกมีดดาบมาด้วย แต่พ่อตนไม่อยู่ที่วินมอเตอร์ไซค์ จึงทำให้ผู้ก่อเหตุ ขี่รถกลับบ้าน ซึ่งตนคาดว่าคนก่อเหตุมีการเตรียมมาก่อเหตุไว้แแล้ว และจะเอาพ่อของตนให้ถึงชีวิต
ช่วงเที่ยงของวันที่ 6 ม.ค.64 พ่อตนได้กลับไปนอนที่บ้าน และมีอาการปวดศีระษะ อาเจียน ช่วงเย็นจึงพาพ่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล มีอาการโคม่า ซึ่งพ่อตนรักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันที่ 12 ม.ค.64 พ่อตนก็เสียชีวิต โดยแพทย์ระบุสาเหตุการตายเบื้องต้นว่า เลือดคั่งในสมอง และสมองได้รับการกระทบกระเทือน ซึ่งตนคาดว่าสาเหตุที่พ่อเลือดคั่งในสมอง เพราะถูกนายปรีชาทำร้ายตอนทวงหนี้ ตั้งแต่รอบแรกในวันที่ 25 ธ.ค.63 สะสมมาจนถึงรอบสองในวันที่ 6 ม.ค.64 จนทำให้พ่อเสียชีวิต
สำหรับเหตุที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าเจ้าหนี้เขาทำเกินกว่าเหตุ เพราะชีวิตพ่อของตนกับเงินแค่ 30,000 บาท มันไม่คุ้มกัน ช่วงที่พ่อตนรักษาตัวที่โรงพยาบาล มีภรรยาและลูกของคนก่อเหตุมาถามไถ่อาการพ่อของตนบ้าง แต่คนก่อเหตุเขาไม่เคยมาเลยสักครั้ง ตนจะไม่ขอไกล่เกลี้ยหรือยอมความผู้ก่อเหตุ ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด สำหรับพ่อของตนเป็นคนเฮฮา มีมนุษยสัมพันธ์ดี ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ตนไม่ขอพูดกับคนก่อเหตุ เพราะถือว่าเขาเป็นเหมือนเศษของสังคม ถ้าคนก่อเหตุมากราบขอขมาศพพ่อของตน ตนก็ไม่ยินยอมให้เขามา เพราะตนรับไม่ได้กับการกระทำของเขา พ่อตนไม่น่าจะจากไปเร็วขนาดนี้
ด้านนายปรีชา กังวลทรัพย์ ผู้ก่อเหตุ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว (ปี 2560) ผู้ตายได้ขอยืมเงินตนจำนวน 35,000 บาท จากนั้นก็มีการจ่ายดอกเบี้ยตนมาเรื่อย ๆ และผู้ตายก็อ้างว่าจะคืนเงินตนหลังลูกชายบวช เมื่อปี 2561 แต่พอผ่านปี 2561 เขาก็ไม่คืนเงิน ซึ่งตนได้บอกกับคนตายว่า ถ้าไม่มีเงิน 35,000 คืน ให้คืนแค่ 15,000 ก็ได้ แต่เขาก็ไม่ยอมคืน
กระทั่งวันที่ 25 ธ.ค.63 ตนเดือดร้อน ตนไม่มีเงินใช้จ่ายแล้วจริง ๆ ตนได้ไปทวงถามหนี้กับผู้ตายที่หน้าบ้าน เขาก็บอกว่าเขาไม่มี เขาไม่ให้ ซึ่งคำพูดนี้ ทำให้ตนรู้สึกโกรธ และเกิดเรื่องชกต่อยกับเขา ตนยืนยันว่าต่างฝ่ายต่างชกต่อยกัน ไม่ได้ทำร้ายเขาฝ่ายเดียว
และครั้งที่ 2 วันที่ 6 ม.ค.64 ตนได้ไปทวงหนี้กับผู้ตายอีกครั้ง ซึ่งเขาก็พูดคำเดิมว่า ไม่มี ไม่จ่าย ทำให้ตนโมโห และมีเรื่องชกต่อยกับผู้ตายอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ตนยืนยันว่าตนไม่ได้หยิบก้อนหินไปก่อเหตุ และไม่ได้เอามีดดาบไปก่อเหตุกับคนตายอีกด้วย
ส่วนกรณีที่ครอบครัวคนตายบอกว่า ตนเก็บดอกเบี้ยกับคนตายตลอด 4 ปี วันละ 700 บาทนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนเก็บดอกเบี้ยกับคนตายแค่วันละ 100 บาทเท่านั้น และเก็บแค่ 1 ปี ผู้ตายไม่ได้ให้ดอกเบี้ยตนทุกวันขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนกับคนตายก็สนิทกัน ส่วนหนีก้อนที่เหลืออยู่ตนไม่เอากับครอบครัวคนก่อเหตุแล้ว ตนขออโหสิกรรมให้เขา ตนอยากไปร่วมงานศพคนตาย แต่กลัวครอบครัวและญาติเขาทำใจไม่ได้ ตนฝากขอโทษครอบครัวคนตาย และญาติคนตาย ตนไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้ ตนยืนยันว่าก่อเกิดเหตุ ตนทวงหนี้กับคนตายมาเป็น 20 ครั้งแล้ว แต่เขาก็ไม่ให้
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่วินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์วันที่ 6 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ในคลิปจะเห็นว่า เหตุการณ์ที่ 1 คนก่อเหตุได้ขี่มอเตอร์ไซค์มายังวินมอเตอร์ไซค์ วินาทีที่ 24 คนก่อเหตุได้เดินเข้าไปในวิน และมีเรื่องชกต่อยกับผู้ตาย วินาที 57 ผู้ตายพยายามเดินหนี ขณะที่ในมือด้านขวาของคนก่อเหตุ มีก้อนหินอยู่ 1 ก้อน
เหตุการณ์ที่ 2 หลังจากเหตุการณ์แรก 10 นาที วินาที 8 คนก่อเหตุขับรถวนมาหาคนตายที่วินอีกครั้ง แต่ไม่เจอคนตาย วินาที 01.19 ขณะคนก่อเหตุขับรถกลับบ้าน จะเห็นคนก่อเหตุถือมีดดาบในมือ ลักษณะเป็นแท่งยาว ๆ
ด้านนายเก่ง (นามสมมติ) วินมอเตอร์ไซค์ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 6 ม.ค.64 ให้สัมภาษณ์ว่า เช้าวันที่ 6 ม.ค.64 นายปรีชา คนก่อเหตุได้เดินเข้ามาหาคนตาย "เมื่อไรมึงจะคืนเงินกู" จากนั้นคนก่อเหตุได้เข้ามาต่อยผู้ตายอย่างแรง 2 ครั้ง คนตายก็มีอาการมึน และตนได้ไปแยกคนก่อเหตุออกจากคนตาย ส่วนคนก่อเหตุได้เดินไปหยิบก้อนหินจะมาทำร้ายคนตาย ซึ่งคนตายได้รับลูกค้าพอดี และขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปจากจุดเกิดเหตุ
ทั้งนี้ประมาณ 10 นาที คนก่อเหตุได้ขี่มอเตอร์ไซค์ พร้อมกับถือมีดดาบขนาดยาว มาด้วย 1 เล่ม เพื่อจะมาก่อเหตุ โดยคนก่อเหตุ ได้ถามหาคนตายกับตนจึงบอกว่าตนไม่รู้ ซึ่งคนก่อเหตุไม่เห็นคนตายในที่เกิดเหตุ เขาได้พูดขึ้นมาว่า "อย่าให้กูเจออีกนะ กูจะตีให้สลบคาวินเลย" จากนั้นเขาได้ขี่รถออกจากจุดเกิดเหตุไป สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็ตกใจ และคิดว่าทั้ง 2 คนน่าจะพูดคุยกันได้ดี ๆ