เรียกว่าถ้าย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ไม่มีใครไม่รู้จัก "เจ้าบอล ภราดร" นักเทนนิสมืออาชีพที่สร้างชื่อเสียงให้กับเมืองไทยไปทั่วโลก ทำให้เป็นหนุ่มที่ฮอตมากๆ ในวงการบันเทิงในช่วงนั้น แต่อยู่ดีๆ "บอล ภราดร" ก็เฟดตัวเองออกจากทุกวงการ แล้วไปใช้ชีวิตอย่างสงบที่ต่างจังหวัด งานนี้รายการ ต้มยำอมรินทร์ เลยได้เชิญ "บอล ภราดร" มาอัปเดตเรื่องราวชีวิตหลังประกาศเลิกเล่นเทนนิสอย่างเป็นทางการ และบทบาทความเป็นคุณพ่อ พร้อมเคลียร์ให้ฟังกันชัดๆ ว่าทำไมกับภรรยาคนนี้ถึงไม่จัดงานแต่งงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ผัดไท ดีใจ" เปิดธุรกิจอาหารออนไลน์ครั้งแรกในชีวิต พร้อมเผยเหตุผลที่ขายแล้วขาดทุน!!
- เปิดความรักครั้งใหม่ของ "โบวี่ อัฐมา" หลังคบหาดูใจ 2 ปีกับแฟนหนุ่มนอกวงการ แต่ไม่หวือหวาเหมือนครั้งก่อน
- "แมน การิน - เกล รดา" เปิดใจทั้งน้ำตาถึงวินาทีแรกที่รู้ว่าท้อง หลังพยายามมากว่า 2 ปี
- "เสนาหอย" ย้ำชัดอีกครั้ง! หลังโดนเมาท์ไม่เลิก จะทิ้งวงการไปเอาดีด้านการเกษตรแบบเต็มตัว
- ไม่ได้แต่งงานฟ้าแลบ! "ได๋ ไดอาน่า" แต่งแน่ปีนี้ พร้อมมีลูกทันที
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
บอล ภราดร : ตั้งใจหายครับ เพราะว่ามีช่วงหนึ่งเราเจอคนเยอะมาก เป็นช่วงที่เราแข่งกีฬาด้วย แล้วรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวก็น้อย เราก็ไม่ได้หายไปเลยนะครับ แต่เราก็ไปทำสิ่งที่เราชอบ แต่ไม่ใช่เทนนิส
ถาม ย้อนกลับไปตอนนั้นพีคของ บอล ภราดร ขึ้นไปติด Top10 ของโลกเลย
บอล ภราดร : ปี 2003 อายุ 23 ต้องบอกว่าเทนนิสเป็นกีฬาแรกที่รู้จักเลย เราโตมาสามสี่ขวบก็อยู่ในสนามเทนนิสแล้ว โดยที่พ่อพาพี่ชายไปเล่น แล้วเราเป็นน้องคนสุดท้อง เป็นกีฬาที่เราถูกซึมซับตั้งแต่เด็ก เป็นกีฬาที่เราเล่นชนิดแรก ส่วนกีฬาอื่นๆ เราเล่นแค่ผิวเผิน พอเราหลังจากที่เรากลับมาจากโรงเรียน เราต้องมาที่สนามเทนนิส มาเล่นน็อคบอร์ด ตีใส่กำแพง พอโตขึ้น พี่ชายเริ่มน็อคให้ คุณพ่อเริ่มน็อคให้ มันก็กลายเป็นทำให้เราตกหลุมรักในกีฬานี้ (ถาม : เคยที่อยากจะใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นไหม) ก็มีบ้างครับในช่วงวัยรุ่น เพราะมีตารางชีวิตที่คุณพ่อได้วางไว้ให้ เราต้องเป็นนักเทนนิส แต่ยังไม่ได้เป็นนักเทนนิสอาชีพนะครับ ตอนนั้นติดทีมชาติก่อน แต่เรามีตารางว่าต้องไปซ้อมทุกวัน วันธรรมดาต้องมี 3 ชั่วโมง เสาร์ อาทิตย์อย่างน้อยต้อง 5 ชั่วโมง เพราะตารางนี้ถูกวางไว้แล้ว ตัวเราเลยถูกหล่อหลอมให้มีวินัยในตัวเอง เลยทำให้ทุกครั้งที่จะหลุดออกนอกกรอบ ตัวเราดึงตัวเองกลับมาบ้าง คุณพ่อดึงเรากลับมาบ้าง และพอเราโตมาในวัย 16-17 เรารู้แล้วว่าเราอยากจะเป็นนักกีฬาอาชีพ เวลาจะเที่ยว จะอะไรก็จะยาก เพราะเรามีจุดมุ่งหมายแล้วว่าเราจะเป็นนักกีฬาอาชีพ
ถาม ในช่วงที่เราโด่งดัง เป็นนักกีฬาอาชีพ มีเงินเก็บเป็นร้อยล้านบาทเลย จริงไหม
บอล ภราดร : ในช่วงนั้นใช่ครับ เป็นเรื่องของเงินรางวัลที่ได้จากการเล่นและการโฆษณาด้วย ก็เป็นรางวัลที่เราได้รับกลับมาหลังจากที่เราตรากตรำ เหนื่อยมาตั้งแต่เด็ก
ถาม นอกจากคุณพ่อดูแลวางแผนชีวิตมาให้จนประสบความสำเร็จแล้ว ยังช่วยวางแผนเรื่องเงินด้วย
บอล ภราดร : ดูแลตลอดเวลาเลยครับ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นห่วงอยู่ถึงแม้ว่าเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ในเรื่องของการลงทุนหรือการใช้เงินบอกเลยว่าถ้าตัวเองเป็นคนจัดการคนเดียว น่าจะหมดได้ เราเป็นคนที่โชคดี เพราะคุณพ่อสอนเราตลอดว่า เงินวันหนึ่งมันมีหมด เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักใช้ รู้จักลงทุน (ทั้งๆ ที่ครอบครัวของเราไม่ได้เป็นนักลงทุนนะครับ) แต่มันก็มีเบสิคในการเก็บออม คุณพ่อก็ให้วิธีง่ายๆ คือ ถ้ามีเงิน ก็เก็บฝากไว้ที่ธนาคาร แต่ถ้าไปเล่นหุ้น ไม่เอาเลย หรือเอาไปลงทุนกับที่ดิน เพราะเป็นอะไรที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ในสมัยนั้น เราก็ชอบรถ ซึ่งมันก็รถจริงๆ เพราะมันก็ลดทุกวัน แต่ด้วยความที่เราชอบเป็นรางวัลให้กับชีวิตเราเอง เวลาที่เราประสบความสำเร็จ
ถาม แต่ที่หายหน้าหายตาไป หายไปเป็นเศรษฐีที่ดินสร้างบ้านพักตากอากาศที่พัทยา สามสิบล้าน ทำไมถึงเลือกที่นี่
บอล ภราดร : ต้องบอกก่อนเลยว่าที่ออกจากวงการ หายหน้าหน้าตาไปเลย เพราะเรามีความตั้งใจว่าเราจะไปอยู่ต่างจังหวัด ชอบพัทยา เพราะเดินทางสะดวก ไปกลับกรุงเทพได้ในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง ไปซื้อที่ดินที่นี่ 4 ไร่ แล้วสร้างบ้านขึ้นมา เราเป็นคนสร้างเองออกแบบเอง ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเกือบ 8 ปีครับ ช่วงนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์ด้วย ตีกอล์ฟด้วย ก็รู้สึกว่าตอบโจทย์ตัวเองในตอนนั้น แล้วที่หยุดเล่นเทนนิสตอนนั้น เพราะว่าเรามีอาการบาดเจ็บที่ข้อมือ แต่เราก็ได้ไปผ่าตัดที่อเมริกามา แต่เราก็รู้สึกว่าเราเล่นได้ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะจริงๆ เราต้องเล่น 110 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำไป เพราะสไตล์การเล่นของเราคือรุนแรง หนักหน่วง แล้วเรามองแล้วว่าเราคงเล่นเต็มที่ได้อีกแค่ 2-3 ปี ยังไงวันหนึ่งเราก็ต้องหยุดอยู่แล้ว เราเชื่อว่าคนเราสามารถเลือกที่จะทำอะไรได้มากกว่าหนึ่งอย่างเราเลยเลือกเล่นกอล์ฟแล้วกัน เพราะยังมีโซนที่อยู่ในระเบียบวินัยของนักกีฬา แล้วเราก็ทุ่มเทเวลาให้กอล์ฟเป็นเวลา 5 ปี จนได้เทิร์นโปร
ถาม ใจหายไหมวันที่เราต้องเดินออกมาจากวงการเทนนิส
บอล ภราดร : จำได้ว่าวันนั้นที่ประกาศไทยแลนด์โอเพ่น ใจหาย น้ำตาคลอ วันนั้นผมได้ประกาศว่าภราดร เลิกเล่นอาชีพแล้ว ช่วงเวลาที่เราขับรถกลับ เราสะอื้นกับสิ่งที่เราอินมาตลอดชีวิต แต่ว่าวันหนึ่งเราประกาศลาวงการ แต่ว่าเรายังไม่ได้ไปไหน เรายังอยู่ในบ้านเราในเมืองไทย ทำธุรกิจของเราอยู่
ถาม ธุรกิจที่สร้างไว้เป็นอาณาจักรศรีชาพันธุ์เลย มีทั้งสนามเทนนิส บ่อเลี้ยงปลา รีสอร์ท ครบวงจร
บอล ภราดร : ตอนนั้นเราคิดว่าเงินที่เราได้มา จะมาทำอะไรต่อให้กับสังคมและตัวเราเองดี สิ่งที่เราถนัดคือสร้างโรงเรียนเทนนิส เป็นที่พัฒนากีฬาเทนนิสของเด็กๆ ในภาคอีสาน เราสร้างขึ้นเพื่อพัฒนาเยาวชนให้เก่งได้โดยที่ไม่ต้องเข้ามาในกรุงเทพ เพราะศรีชาพันธุ์มาตั้งตรงนี้แล้ว การันตีจากประสบการณ์ของผมกับพี่ชายที่จะปั้นเด็กให้เข้าทีมชาติได้ หรือไม่ก็ระดับกีฬาแห่งชาติได้ ก็เลยเลือกที่จะทำสนามเทนนิส ถามว่ามีเข้าตาไหม มีอยู่ครับ แต่จะบอกว่าการมีพรสวรรค์อย่างเดียวไม่ได้กับกีฬานี้ แต่ต้องมีวินัยด้วย
ถาม อีกอย่างหนึ่งคือความรัก ไม่พูดถึงไม่ได้ ตอนนี้มีลูกแล้ว
บอล ภราดร : ตอนนี้ได้จดทะเบียนสมรสกับภรรยาแล้วครับ มีลูกสาว 3 ขวบ ตอนนี้ชีวิตเราไม่ได้มีแค่หน้าที่ลูกเท่านั้น ยังมีบทบาทเป็นคุณพ่อ แล้วก็สามี ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปี ถ้าบอกว่าภราดรมีลูกสาวอาจจะหนักใจนิดนึง (หัวเราะ) กับภรรยาที่เจอกัน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราไปขี่มอเตอร์ไซค์ ไปเจอเขาที่สนามแข่ง เพราะเขาเป็นเพื่อนของเพื่อน พอเราได้คุยแล้วรู้สึกว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่เราทำ เราทำอะไรเขาก็จะไม่ขัด และพร้อมที่จะสนับสนุนทุกอย่าง ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีอิสระและมีเขาเคยซัพพอร์ตเราอยู่ตลอดเวลาด้วย แต่เราไม่ได้มีงานแต่งงานครับ (ถาม : เข็ดจากการแต่งครั้งแรกไหม) งานแต่งงานมันยุ่งยากนะ เพราะตัวเราเองแต่งงานมาแล้วหนึ่งครั้งแล้วเรารู้สึกว่างานแต่งไม่ได้เป็นอะไรที่บอกได้ว่าสมบูรณ์ เราเลยรู้สึกว่าครั้งนี้จดทะเบียนแล้วก็คบกับน้องป๊อป มา 6 ปีแล้ว มีน้อง ตอนแรกแอบตกใจด้วยเพราะเราอยากได้ลูกชาย แต่พอเขาโตก็ดูโอเค เพราะผู้หญิงจะมีมุมนุ่มนวลทำให้เราหลง ทุกวันนี้เรายังนั่งเล่นแต่งหน้ากับเขาอยู่เลย ซึ่งมันไม่น่าจะใช่