กรณีที่มีการตั้งป้ายขนาดใหญ่ ใส่รูปภาพของชายหญิงคู่หนึ่งไว้ ที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.สาขาลานสัก จ.อุทัยธานี พร้อมข้อความว่า "ความยุติธรรมมีจริง ที่ดินและปั๊ม ปตท.ลานสักเป็นของนายจิว-นางน้อย (พ่อ-แม่) ลูกเนรคุณ-สะใภ้ ไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น" สร้างความประหลาดใจกับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้
ล่าสุดวันที่ 17 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.สาขาลานสัก ถนนหนองฉาง -อุ้มผาง อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี โดยป้ายไวนิลดังกล่าว มีความกว้าง และความยาวประมาณ 3-4 เมตร ขนาดใหญ่เท่าประตูรั้วบ้าน ลักษณะเป็นป้ายไวนิลสีแดง ระบุข้อความว่า “ความยุติธรรมมีจริง ที่ดินและปั๊มปตท.ลานสักเป็นของนายจิว-นางน้อย (พ่อ-แม่) ลูกเนรคุณ-สะใภ้ ไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น”
ปัจจุบันนี้ได้ย้ายป้ายไวนิลไปไว้ที่หน้าบ้านพักขอนายจิว-นางน้อย เพราะทางเทศบาลแจ้งว่า หากตั้งไว้ที่ปั๊มน้ำมันจะมีลักษณะเป็นป้ายที่ทำเพื่อการโฆษณา และจะต้องจ่ายภาษี ซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำมัน พ่อมอบให้กับลูกชายคนโต แต่ลูกชายคนโตโอนไปให้สะใภ้ ส่วนกรรมสิทธิ์ปั๊มน้ำมัน เป็นของนายจิว ผู้เป็นพ่ออยู่แล้ว
ทีมข่าวเดินทางมาที่ บริษัท พิสิษฐ์ ลอว์ แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด เลขที่ 10/31 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เพื่อพูดคุยกับนายจิว เฮนคุง อายุ 84 ปี ผู้เป็นพ่อ และนางน้อย พิทักษ์บวรชัย อายุ 78 ปี ผู้เป็นแม่ ซึ่งระหว่างที่ให้สัมภาษณ์พ่อได้พูดทั้งน้ำตา เปิดเผยว่า ปั๊มน้ำมันสร้างขึ้นในปี 2521 และเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2522 ยังไม่มีไฟส่องสว่างติดอยู่ แต่ในส่วนของที่ดินตอนแรก ตนให้ลูกชายคนโตถือกรรมสิทธิ์แทน เพราะตนเป็นคนต่างด้าว และตั้งใจว่าพอโตขึ้นก็ค่อยแบ่งให้น้อง ๆ
เมื่อ 2 ปีก่อน ตนตั้งใจจะจัดสรรที่ดินให้ทุกคน ทำให้ลูกชายคนโตไม่พอใจ และไม่ยอมแบ่งให้ ก่อนจะโอนชื่อให้ภรรยาถือกรรมสิทธิ์แทน จากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีก ต่อมาได้มีเอกสารเรียกเก็บค่าเช่าที่ดินตรงปั๊มน้ำมัน จำนวน 9 แสนกว่า และบอกว่า ตนไม่ได้จ่ายมา 2 ปี ถ้าไม่จ่ายจะไล่ออก และไม่ให้ขายน้ำมันบนที่ดินแห่งนี้ พอได้ยินว่าจะยุบปั๊มน้ำมัน ตนก็ได้แต่ร้องไห้อย่างเดียว ก่อนจะตัดสินใจทำเรื่องฟ้องศาล และในที่สุดศาลชั้นต้นได้ตัดสินว่าตนเป็นฝ่ายชนะ และได้ที่ดินส่วนหนึ่ง รวมถึงที่ดินของปั๊มน้ำมันคืน แต่ลูกสะใภ้ยังไม่ยอมจะยื่นอุทธรณ์อีก ทั้งนี้ขอให้เป็นขั้นตอนของทางกฎหมาย เพราะตนเชื่อว่า ศาลจะให้ความเป็นธรรมดับทุกฝ่าย
หลังจากที่ศาลตัดสินว่า ตนชนะ ชาวบ้านทั้งตลาดได้เข้ามาสอบถามว่า ชนะได้อย่างไร เพราะตนเป็นคนต่างด้าว ซึ่งตนไม่รู้หนังสือ และเล่าให้ฟังไม่เป็น จึงตัดสินใจทำไวนิลแปะไว้หน้าบ้าน เพื่อให้ไปอ่านเอาเอง และข้อความเหล่านี้เป็นการระบายความรู้สึกน้อยใจ และช้ำใจของตนด้วย ตนยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายใคร ทั้งนี้ตนอยากจะให้ลูกชายคนโตเข้ามาพูดคุย แต่ไม่เคยมาหา และครั้งสุดท้ายที่คุยกันเมื่อปี 2561 และเจอกันอีกครั้งที่ศาล แต่ลูกชายไม่ได้ทักทาย อีกทั้งยังให้การณ์ในศาลว่า เขาไม่ใช่ลูกของพวกตน และกล่าวว่า พ่อแม่ของเขาได้ตายไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ลูกชายเป็นลูกที่ดีมาก แต่สาเหตุที่นิสัยเปลี่ยนไป เป็นเพราะภรรยา เพราะสาเหตุส่วนหนึ่ง เกิดจากเมื่อปี 2561 ลูกสะใภ้มีเรื่องอื้อฉาว ตนเลยพยายามจะหาหลักฐาน เพื่อที่จะนำไปให้ลูกชายคนโต แต่พอลูกชายคนโตได้เห็นหลักฐาน จึงโทรต่อว่าด้วยความรู้สึกโกรธ “ไม่ใช่ลูกผู้ตาย เอาหลักฐานที่เป็นความลับออกมาแบบนี้ จะเอายังไง” สุดท้ายนี้ ตนอยากจะบอกกับลูกชายคนโตว่า ตนอยากจะให้เข้ามาปรับความเจ้าใจกัน และอยากจะให้ลูกชายสำนักผิด เพราะคนเป็นพ่อแม่รักลูกทุกคนเท่ากัน และตอนนี้ก็ยังรักอยู่เสมอ