กรณีเมื่อวันที่ 16 ม.ค.64 ที่ผ่านมา มีเหตุยิงกันที่ชุมชนบางบัว ต่อมาผู้ก่อเหตุได้มีการเดินทางกลับไปยังแฟลตอาคาร 4 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 45 ภายในซอยพหลโยธิน 45 เพื่อที่จะยิงตัวเองตาย คาดว่าเครียดและอาจหนีความผิด
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน พร้อมกองพิสูจน์หลักฐานและแพทย์นิติเวช รพ.ภูมิพล เข้าตรวจสอบสภาพศพของนายนพดล แจ่มสาคร หรือ เผือก อายุ 38 ปี อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ใช้อาวุธปืนพกยิงตัวเองบนรถกระบะ
โดยสภาพศพนอนหงายอยู่บริเวณที่นั่งคนขับ สวมเสื้อวินมอเตอร์ไซค์ หมวกสีขาว ในมือขวามีอาวุธปืนสั้น 1 กระบอก มีบาดแผลที่ขมับขวา หมวกขาดกระจุย คอพับพิงเบาะ เกิดเหตุขึ้นที่แฟลตอาคาร 4 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 45 ภายในซอยพหลโยธิน 45 ตามที่เคยนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 17 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปบ้าน ของ น.ส.มิ้น แฟนสาวของผู้เสียชีวิต ภายในชุมชนบางบัว เขตหลักสี่ จ.กรุงเทพ อีกครั้ง
หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.มิ้น อายุ 29 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ปกติแล้วปมเหตุที่เกิดขึ้นเชื่อว่า เป็นปัญหาความเคลียดหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูก (สามีมีลูกหลายคน) ค่าใช่จ่ายภายในครอบครัวที่ค่อนข้างหนัก 50,000/เดือน ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตนก็รู้สึกตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว
แต่ไม่ได้เป็นเรื่องชู้สาวอย่างที่ทางสามี และทางครอบครัวสามีคิด เพราะตนยืนยันว่า ตนและนายเต๋า ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแล้ว ติดต่อกันเพียงแค่เรื่องลูก เพราะนายเต๋า มักจะเอาเงินเข้ามาไว้ให้ลูกชาย ในฐานะพ่อเท่านั้น อีกทั้งตั้งแต่ที่ตนคบหากับนายเผือก ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายเต๋า แต่อย่างใด
หลังเกิดเหตุทางครอบครัวสามีกลับบอกว่า ตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีต้องเสียชีวิต คิดว่าตลอดเวลาที่ตนคบกับสามี ตนจะเอาเงินของสามีมาปรนเปรอนายเต๋า ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ อีกทั้งทางครอบครัวของสามีกลับทำพฤติกรรมไม่ถูกต้อง เพราะตนกับสามีจดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย แต่หลังสามีเสียชีวิต ทางครอบครัวสามีกลับ นำข้าวของของตนที่อยู่ในห้องสามี ออกมาวางไว้ข้างนอก พร้อมเปลี่ยนกุญแจห้อง เสมือนไม่ให้ตนเข้าไปในห้องได้ ทั้ง ๆ ที่ตนมีสิทธ์ในฐานะภรรยา แต่ก็งงว่าทางครอบครัวของสามีมีสิทธิ์อะไรที่มาทำกับตนแบบนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็อยากจะถามสามี ว่าทำไมถึงคิดสั้น ตัดสินใจก่อเหตุแบบนี้ ตนก็รู้สึกแย่และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำอะไรให้สามีที่เสียชีวิตครั้งสุดท้ายเลย เนื่องจากทางครอบครัวสามีกีดกันตนทุกทาง แม้แต่รถน้ำศพตนยังไม่มีโอกาสได้ไป อีกทั้งพูดไปตอนนี้ก็ไม่มีใครที่จะรับฟังในมุมของตนเลย
สุดท้ายนี้ ตนอยากจะบอกกับทางครอบครัวของสามีว่า ตนไม่อยากขอโทษอะไรกับทางครอบครัวสามีทั้งสิ้นกับการเสียชีวิตของสามีในครั้งนี้ เนื่องจากตนรู้อยู่แก่ใจว่า ตนทำอะไร หากกล่าวคำขอโทษไปก็จะกลายเป็นว่าตนเป็นฝ่ายผิด ตนจึงปล่อยให้ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตคิดไปตามที่เขาคิด ตนจะไม่ขอพูดอะไรอีกแล้ว
หลังจากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่สถานที่จัดสวดพระอภิธรรมศพของผู้เสียชีวิตที่ บริเวณวัดบางบัว แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน จ.กรุงเทพมหานคร พบว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทางครอบครัวผู้เสียชีวิต-เพื่อนต่างเดินทางกันมาเพื่อรอร่วมพิธีรดน้ำศพ และฟังสวดพระอภิธรรมศพในช่วงเย็นวันนี้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางเมลดา แจ่มสาคร อายุ 30 ปี หลานสาวผู้เสียชีวิต และนางพรสวรรค์ ลิ้มล้อมวงค์ อายุ 58 ปี พี่สาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางครอบครัวก็ยังอยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ และยังคงไม่สามารถทำใจได้กับการจากไปของผู้เสียชีวิต เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นคนดี เสมือนเป็นเสาหลักของครอบครัว ไม่น่าจะต้องมาเสียชีวิตอย่างกะทันหันเช่นนี้
ส่วนตัวปมเหตุที่เกิดขึ้น ตอนนี้ทางครอบครัวก็ยังคงติดใจ แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าปัญหาจริง ๆ แล้ว ทั้งคู่มีการยิงกันเพื่ออะไร ถึงทำให้ผู้เสียชีวิตถึงขั้นเครียด กลับมาก่อเหตุยิงตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้ผู้เสียชีวิตก็เป็นผู้ดูแลทั้งลูกติด 4 คน และลูกของภรรยาใหม่อีก 3 คน หนึ่งในนั้นก็เป็นลูกของนายเต๋า คู่กรณี ได้อย่างดีมาโดยตลอด รักเหมือนเป็นลูกของตัวเอง ถึงขนาดเมื่อช่วงที่นายเต๋าติดอยู่ในเรือนจำข้อหาคดียาเสพติด ผู้เสียชีวิต ยังพาลูกชายของนายเต๋าไปเยี่ยมนายเต๋าในเรือนจำอยู่เลย ก็ยังไม่เห็นมีปัญหาอะไรกัน
ทั้งนี้ตนจึงไม่ทราบว่าปมเหตุที่เกิดขึ้นที่ทำให้ทั้งคู่เกิดความหึงหวง จนต้องถึงขั้นใช้อาวุธออกมายิงกันเป็นเพราะอะไร แต่ตนยืนยันว่าผู้เสียชีวิตไม่ได้เป็นฝ่ายยิงทางฝั่งคู่กรณีเพียงอย่างเดียว เพราะทางผู้เสียชีวิตก็มีร่องรอยถูกยิงที่บริเวณกระเป๋าสะพายเป็นรู จึงทำให้รู้ว่าคู่กรณีทั้ง 2 ยิงสวนกัน โชคดีที่ไม่เป็นอะไร จึงคิดว่าหากขณะนั้นผู้เสียชีวิตถูกยิงก็อาจจะเสียชีวิตอยู่ภายในที่เกิดเหตุ โดยที่ไม่ต้องกลับมายิงตัวเองตายแล้วก็ได้ อีกทั้งเชื่อว่าทั้งคู่ต้องมีการท้าทายกัน เพราะผู้เสียชีวิตเป็นคนใจเย็น หากไม่มีการท้าทายทำให้เกิดความโมโห คงไม่ถึงขั้นใช้อาวุธปืนไปยิงกันเช่นนี้
ส่วนกรณีที่ภรรยาของผู้เสียชีวิตอ้างว่า ทางครอบครัวไม่ยินยอมให้เดินทางมาร่วมรดน้ำศพ ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง หากมาก็มาได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทางครอบครัวจะเก็บอารมณ์ได้ขนาดไหน เนื่องจากหลังเกิดเหตุก็ได้หายไปเลย โดยที่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ทำให้ขณะนี้ทางครอบครัวก็ไม่มีคำอะไรจะพูดกับทางภรรยาของผู้เสียชีวิตอีก ส่วนเรื่องคดีความเกี่ยวกับนายเต๋า คู่กรณี ก็อยากจะปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของตำรวจดำเนินการต่อไป เพราะเป็นคนละส่วนกับการที่ผู้เสียชีวิตยิงตัวตาย ทั้งนี้ทางครอบครัวก็อยากจะบอก ผู้เสียชีวิตว่า "ขอให้ไปดีไป สู่สุคติไม่ต้องเป็นห่วงอะไร"
หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายบุญมี บุญยิ่งซื้อ หรือ ตุ๋ย อายุ 56 ปี พ่อของเต๋า ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ปกติแล้วลูกชายเป็นคนนิสัยดี ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกับใคร แต่อาจจะมีใจร้อนบ้างเป็นบางครั้ง กระทั่งมาทราบข่าววันเกิดเหตุในช่วงเช้า ลูกชายได้กลับมาที่บ้านในสภาพถูกยิงเข้าที่ก้นด้านขวา จำนวน 1 นัด เลือดอาบ ร้องขอความช่วยเหลือกับตนว่า "พ่อ ถูกยิง ๆ" จึงรีบนำตัวลูกส่งโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์รักษา ขณะนี้ก็ให้ภรรยาของตนไปเฝ้าดูอาการลูก ยังไม่รู้ว่าอาการดีขึ้นหรือยัง
ส่วนปมเหตุที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด เนื่องจากทั้งคู่ก็ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะกันมาก่อน แต่ตนยืนยันว่าลูกชายของตนไม่ได้มีความสัมพันธ์กับนางมิ้น ภรรยาเก่าแล้วแน่นอน จะติดต่อกันเพียงแค่เรื่องลูกเท่านั้น อีกทั้งจุดประสงค์ที่ลูกชาย มักจะไปหานางมิ้นที่บ้านบ่อย ๆ ก็เพียงนำเงินไปให้ลูกไว้ใช้จ่าย แต่บางทีนางมิ้น ก็จะมาหาลูกชายที่บ้านบ้าง แต่ไม่ได้สุงสิงอะไรกัน ยืนยันได้ว่าลูกชายไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันตามที่มีกระแสข่าวในเรื่องชู้สาว
ทั้นี้ตนคาดว่า ผู้เสียชีวิตหึงห่วงลูกชายของตนจนเป็นเหตุ แต่เรื่องที่ผู้เสียชีวิตไปก่อเหตุยิงตัวเองนั้น ตนคาดว่าลูกชายน่าจะไม่ได้เป็นต้นเหตุ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่อาจจะเป็นเรื่องความเครียดหรือปัญหาส่วนตัวของทางผู้เสียชีวิตเอง อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกชายของตนอาจจะมีส่วนที่ไปยุ่งเกี่ยวกับภรรยาเก่า เรื่องนำเงินไปให้ลูก ทำให้ผู้เสียชีวิตเกิดความเข้าใจผิด แต่ในส่วนนี้ตนก็ไม่อยากที่จะขอโทษอะไรกับทางครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ก็อยากจะแสดงความเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้
ทางฝั่งผู้เสียชีวิตเองก็ก่อเหตุเกินไป ที่มาก่อเหตุไล่ยิงลูกชายของตนจนได้รับบาดเจ็บ แต่สุดท้ายนี้ตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความ ปล่อยให้เป็นขั้นตอนของตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ส่วนเรื่องงานศพทางครอบครัวของตนคงจะไม่ขอไปร่วมงานศพผู้เสียชีวิต เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหากัน
หลังจากนั้นเวลา 15.40 น. ทางภรรยาของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางเข้ามาที่วัด เพื่อทำการรดน้ำศพของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทางภรรยาของผู้เสียชีวิตร่ำไห่ต่อหน้าศพของสามีที่จากไป