เผาแล้วไอซ์เหยื่อเคนมผง เมียออกรพ.อาลัย ปัดจัดปาร์ตี้ฆ่าตัวตาย (คลิป)

กรณีตำรวจ สน.โชคชัย เข้าตรวจสอบอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าววังหิน 7 หลังได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิต 2 คน และอาการสาหัส 1 คน อยู่ภายในห้องพัก เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้น พบนายพารวย ฉวีวรรณ หรือ ไอช์ อายุ 29 ปี นอนเสียชีวิต ใกล้กันพบน.ส.ปรีดาภรณ์ โพธิ์แก้ว อายุ 30 ปี นอนเสียชีวิต และมีน.ส.สุวรรณี อินไทร หรือ ฝ้าย อายุ 27 ปี ภรรยาอยู่ในอาการสาหัส จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาล

ล่าสุดวันที่ 17 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่วัดลาดพร้าว ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายพารวย หรือ ไอช์ โดยช่วงเย็นในวันนี้จะมีพิธีฌาปนกิจศพ ภายในงานมีญาติในครอบครัว และเพื่อนสนิทเดินทางมาร่วมงาน หลังจากที่ทำการเผาศพแล้วในวันที่ 18 ม.ค.64 จะมีการนำกระดูกไปลอยอังคาร

ภายในงานทีมข่าวสังเกตว่า มีน.ส.ฝ้าย แฟนสาวของผู้ตาย ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่อยู่ในการดูแลของญาติอย่างใกล้ชิด และเดินทางมาร่วมส่งนายไอซ์ เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งทางญาติได้ขอความร่วมมือ ไม่ให้มีการสัมภาษณ์น.ส.ฝ้าย อ้างว่าเจ้าตัวเพิ่งออกจากโรงพยาบาล และสติสัมปชัญญะยังไม่ครบถ้วน จึงยังไม่อยากให้มีการพูดคุยผ่านสื่อ โดยได้มีการให้ข้อมูลและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว หากอยากทราบความคืบหน้าให้สอบถามผ่านตำรวจ

นางวชิราภรณ์ สิงหะ แม่ของนายพารวย หรือ ไอซ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนไม่ได้โทษหรือโกรธใคร เพราะถือว่าเป็นเรื่องของเวรกรรม และเป็นสิ่งที่กระทำลงไปแล้ว ไม่สามารถย้อนเวลาคืนกลับมาได้ ส่วนน.ส.ฝ้าย ลูกสะใภ้ แม้ว่าจะอยู่ในเหตุการณ์ และรอดเพียงคนเดียว แต่ลูกชายของตนกลับต้องเสียชีวิต ตนก็ไม่ได้เสียใจ หรือโทษโกรธลูกสะใภ้ เพราะยังคิดว่าเป็นลูกสาวคนหนึ่ง ประกอบกับกลุ่มเพื่อนที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำยาเคนมผงมาใช้ในการเสพ ตนก็ให้ว่ากันไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้โกรธเคืองหรือโทษใคร ผิดที่ตัวลูกชายไปยุ่งเกี่ยวกับยาเคดังกล่าว

ส่วนอาการล่าสุดของน.ส.ฝ้าย ขณะนี้ได้ขออนุญาตทางโรงพยาบาล ออกมาเพื่อร่วมงานศพ โดยในวันนี้เป็นวันแรกที่มาร่วมงาน แต่อาการยังไม่พร้อม ซึ่งไม่สามารถพูดคุยกับสื่อได้ ตนอยากจะขอความร่วมมือยังไม่อยากให้ไปยุ่ง ซึ่งหากต้องการพูดคุยหรือสอบถาม เกี่ยวกับความคืบหน้าต่าง ๆ ให้สอบถามผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น ที่สำคัญเรื่องราวทั้งหมดตนได้มีการพูดคุยกับน.ส.ฝ้าย ไปหมดแล้ว 

กรณีที่พบเฟซบุ๊กของน.ส.ฝ้าย เคยโพสต์ทำนองตัดพ้อ เหมือนลักษณะลาโลกอยากจะฆ่าตัวตาย ด้วยกันเสพยาเคนมผงนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นความเครียดส่วนตัวเกี่ยวกับหนี้สิน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เสพยาครั้งนี้ แต่หลังจากที่ตนสูญเสียลูกชาย เตรียมที่จะช่วยกันแบ่งเบาภาระน.ส.ฝ้าย โดยตนจะรับเลี้ยงดูเด็กชายคนเล็ก ส่วนลูกอีก 2 คน จะยกให้เป็นหน้าที่ของน.ส.ฝ้าย เป็นคนเลี้ยง แต่ก็ยังไปมาหาสู่กัน และช่วยกันดูแลเด็กต่อไป ซึ่งตอนนี้เด็ก ๆ ก็ทราบแล้วว่าพ่อเสียชีวิต แต่ก็ยังเล่าอะไรมากไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะกระทบความรู้สึก

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายเอฟ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี รุ่นน้องของคนตาย ในฐานะเพื่อนสนิทของน.ส.ฝ้าย เปิดเผยว่า ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาตนรู้จักทั้งสองคนเป็นอย่างดี เนื่องจากเคยเป็นพ่อซื่อแม่ชักทำให้สองคนรู้จักและรักกัน โดยทั้งคู่เป็นคนขยันทำมาหากิน แต่ก็ไม่คิดว่าจะหันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเคนมผง ในมุมหนึ่งก็เชื่อว่าเป็นเพราะเกิดจากความเครียด เกี่ยวกับเล่นแชร์ออนไลน์ จึงทำให้เงินหมุนไม่ทัน มีความเครียดสะสม ได้มีการเสพยาเพื่อลดอาการเครียดเหล่านั้น แต่โชคร้ายมาเจอกับยาเคนมผง ที่เป็นตัวยาที่อันตราย

กรณีที่น.ส.ฝ้าย ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กลักษณะทำนองว่า หากแม่ไม่อยู่ขอให้ลูก 3 คนอยู่ให้ได้ ทำนองว่าเป็นการตัดพ้อ เหมือนรู้ตัวเองว่าการใช้ยาเคนมผง อาจจะทำให้ถึงแก่ความตาย หรือเป็นการเลือกที่จะจบชีวิตนั้น เรื่องนี้ตนขอชี้แจงแทนว่า ไม่เป็นความจริง เพราะน.ส.ฝ้าย เป็นคนที่โพสต์ตัดพ้อทุกเรื่องในเฟซบุ๊ก ประกอบกับมีเรื่องเครียดเกี่ยวกับการเล่นแชร์ จึงอาจมีการโพสต์เรื่องราวต่าง ๆ ลงไป แต่การใช้ยาไม่ใช่เป็นการตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายตามที่ปรากฏเป็นข่าว

ทั้งนี้ เรื่องที่มาของยาเสพติดที่นายไอซ์และน.ส.ฝ้าย รวมถึงเพื่อนอีก 2 คน หนึ่งในนั้นคือนายเต๋า ที่ตอนนี้อาการโคม่าอยู่ในห้องไอซียู ตนรู้ว่าใครเป็นคนรับยาเคนมผงมาให้ในกลุ่มเสพ โดยคนที่นำยาเสพติดเข้ามาในกลุ่ม และพากันเสพในคืนเกิดเหตุ คือ นายเต๋า เพราะเป็นคนที่ชื่นชอบเรื่องของการแต่งรถ และอยู่ในวงการหรือชมรมแต่งรถ จึงได้ค่อนข้างสนิทกันกับกลุ่มที่มีการผลิตยาเคนมผง ในย่านพื้นที่สายไหม ดังนั้นจึงเชื่อว่าอาจมีการรับยาล็อตดังกล่าวมาจากนายเติ้ลสายไหม หรือนายตอ คอมิโดะ และนายอ้วน วัดลุ่ม แต่ตนขอไม่โทษใคร ขอให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเกี่ยวข้องกับตัวของนายไอซ์และน.ส.ฝ้าย ในฐานะที่ตนรู้จักก็พอ ไม่อยากพาดพิงถึงคนอื่น กลัวว่าจะเดือดร้อน

ส่วนเรื่องของยาเสพติด ซึ่งเป็นยาเคนมผง ยอมรับว่าระบาดหนักในหลายพื้นที่ โดยตนก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยทดลองใช้มาแล้ว แต่โชคดีที่เจอยาเคนมผงตัวที่ไม่ใช่ผสมแบบอันตราย แต่ก็สลบไป 3 วัน ซึ่งแฟนสาวทั้งเตะ ทั้งต่อย ทั้งกระทืบ ตนก็ยังไม่ตื่น จนต้องมีการหามส่งโรงพยาบาล ยาเคนมผงตัวที่ทำให้คนตาย เป็นตัวที่ประสบขึ้นมาใหม่ ทำเลียนแบบ ต้นทุนต่ำ ราคาผลิตไม่สูง แต่เอามาจำหน่ายได้ราคาเทียบกับของจริง จนมีคนหลงเชื่อและพากันเสพ กระทั่งตายและบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล

นายเอฟ ยังให้ข้อมูลกับทีมข่าวเพิ่มเติมว่า บุคคลที่ปรากฏอยู่ในข่าวถูกตำรวจควบคุมตัว หรือแม้แต่เสียชีวิตจากการเสพเคนมผง อาจเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ก็ยังมีกลุ่มวัยรุ่นอีกหลายคน ที่อาจแอบเสพยาเคนมผง จนกระทั่งหมดสติและหามส่งโรงพยาบาล แต่มีการปิดข่าว และไม่ได้แจ้งให้เป็นข่าว ดังนั้นจึงเชื่อว่ามีอีกหลายพื้นที่ที่มีคนหมดสติหามส่งโรงพยาบาลเพราะยาเคนมผง เพียงแค่ไม่เสียชีวิตเท่านั้น