กรณีลุงพลเทพื้นศาลาสำนักสงฆ์ภูหลวง จนเกิดเป็นกระแสดราม่า เพราะลุงพลเปิดบัญชีรับบริจาค โดยมีการนำนายอ๋อ ยูทูเบอร์เข้ามามีชื่อในการเบิกเงิน ซึ่งจากการสอบถามนายจ่อย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่มีชื่อในการเบิกเงินร่วมกับลุงพล เเละนายอ๋อนั้น
นายจ่อย บอกว่า ไม่รู้รายละเอียดในการใช้จ่ายเงิน ซึ่งลุงพลกับนายอ๋อรู้กันแค่ 2 คน เเละตนก็ไม่เข้าใจว่านายอ๋อ เป็นคนนอกหมู่บ้าน แต่กลับมีชื่อในการเบิกเงินได้อย่างไร
ล่าสุดวันที่ 18 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พบกับนายอ๋อ ที่มาดูเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เข้าตรวจสอบไม้ตะเคียนบ้านลุงพล จึงเข้าไปสอบถามเรื่องที่นายอ๋อ ไม่ใช่คนหมู่บ้านกกกอก เเต่มีชื่อหนึ่งใน 3 ผู้เปิดบัญชี เเละถือเงินที่เบิกมานำไปใช้จ่าย หลังมีดราม่าเรื่องเงิน
ทันทีที่เข้าไปถึง นายอ๋อ ก็ปฏิเสธการชี้เเจง เเละบอกว่าไม่รู้เห็นเเละไม่ได้มีชื่อกับการเปิดบัญชีเเละถือเงิน เเละจะชี้เเจงหลังจากลุงพลกลับมา ผู้สื่อข่าวก็พยายามถามต่อ จนสุดท้ายนายอ๋อ เผลอหลุดปากพูดออกมาว่า เป็นหนึ่งในนั้น พร้อมเเสดงท่าทีไม่พอใจ
จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามรายละเอียดการเบิกจ่ายเงิน เเละความโปร่งใสในการใช้จ่ายเงิน เเต่นายอ๋อ ยังปฏิเสธการชี้เเจง พร้อมบอกว่าจะเเถลงพร้อมกับลุงพล
ขณะที่วันที่ ลุงพลโดนกระเเสข่าวว่าเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบใหญ่ขึ้นรถกระบะ ไปพร้อมกับป้าเเต๋น ด้วยความรีบร้อน โดยบอกกับยูเบอร์ว่า จะไปส่งหลานที่ จ.อุดรธานี ซึ่งคาดว่าน่าจะไม่อยู่ในพื้นที่อีกหลายวัน
นายธนา วาริยศ สรรพากรพื้นที่มุกดาหาร กล่าวว่า กรณีของนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล จะมีข้อมูลที่ทางสรรพากรมีอยู่แล้ว เพราะเขาเคยให้สัมภาษณ์ออกทางทีวี เขารู้ว่าเขามีรายได้เขาต้องยื่นเสียภาษี ซึ่งช่วงนี้เป็นฤดูกาลยื่นแบบเสียภาษี ถ้ายื่นธรรมดาต้องยื่นภายใน 31 มี.ค. แต่ถ้ายื่นทาง Internet จะยื่นภายในวันที่ 8 เม.ย.
ส่วนยูทูเบอร์ที่ตามลุงพล เขาก็รายได้ที่ต้องเสียภาษีเหมือนกัน ส่วนที่เขาจะเสียภาษีเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับรายได้ของเขา ส่วนเงินที่ชาวบ้านบริจาคมา ก็ต้องไปดูข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ต้องดูรายละเอียดก่อน เรื่องรายได้ตนตอบไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งมีกฎหมายคุ้มครองเขาอยู่จะเปิดเผยข้อมูลไม่ได้ แต่หากใครที่มีรายได้ ไม่เสียภาษี มีความผิดในเรื่องไม่ยื่นแบบเสียภาษี มีโทษปรับทั้งทางอาญา และทางแพ่ง
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่า เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ จ.มุกดาหาร เดินทางมาที่ศาลข้างบ้านลุงพล เพื่อเข้าตรวจสอบท่อนไม้ตะเคียน "เจ้าแม่โสรภี" หลังนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้องเรียนให้เข้าตรวจสอบท่อนไม้ดังกล่าว โดยมียูทูเบอร์ที่รู้ข่าวเข้ามาร่วมสังเกตการณ์เเละไลฟ์สดเป็นจำนวนมาก
สำหรับการตรวจสอบท่อนไม้ดังกล่าวนั้น เจ้าหน้าที่ได้ใช้มีดเฉือนเนื้อไม้ ก่อนใช้แว่นขยายส่องดูเซลล์ไม้ ที่เป็นท่อลำเลียงอาหาร นำไปเทียบเคียงกับภาพถ่ายเนื้อไม้ชนิดต่าง ๆ เบื้องต้นพบว่ามีลักษณะคล้ายไม้ในตระกูลตะเคียน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ตะเคียนทองอย่างแน่นอน
จากการสอบถาม เจ้าหน้าที่ บอกว่ายังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเป็นไม้ชนิดใด เพราะไม้ท่อนนี้ค่อนข้างผุ เนื่องจากแช่น้ำมาเป็นเวลานาน ทำให้รายละเอียดต่าง ๆ ลบเลือน จึงได้ถ่ายภาพ พร้อมเก็บตัวอย่างไม้ท่อนนี้ นำกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี สอบถามนายสถานี สุขภัณฑ์ ชาวบ้านกกกอก เปิดเผยว่า ท่อนไม้ตะเคียนข้างบ้านลุงพลนั้น อยู่ในที่ดินของตน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านลุงพล 500 เมตร ยืนต้นตายมานานเเล้ว กระทั่งปี 2525 ได้ล้มลงที่ห้วยปุ่ง
จากนั้นก็ปี 2561 ถูกน้ำป่าพัดลงมาอยู่ในคลองข้างบ้านลุงพล ก่อนลุงพลจะพบท่อนไม้เมื่อปี 2563 และนำขึ้นมาให้คนกราบไหว้บูชาขอโชคลาภ แล้วก็บอกว่าเป็นไม้ตะเคียน แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ไม้ตะเคียน เพราะมันคือไม้มะค่า
ทีมข่าวสอบถามถึงเรื่องไม้ตะเคียนที่อยู่ข้างบ้านลุงพลที่เอามาให้คนกราบไหว้ขอโชค พระอาจารย์สมบัติ ระบุว่าความจริงแล้ว ไม้ดังกล่าวไม่ใช่ไม้ตะเคียนอย่างแน่นอน แต่เป็นไม้มะค่า ซึ่งชาวบ้านหลายคนก็รู้
ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า "เเล้วเจ้าเเม่ตะเคียนสามารถสิงในไม้มะค่าได้หรือไม่" พระอาจารย์สมบัติยิ้มก่อนตอบว่า "อาตมาก็ไม่ทราบ เเต่เพิ่งเคยเห็นคนกราบไม้มะค่า"
พระสมบัติ พาทีมข่าวไปดูไม้ตะเคียนของจริงที่อยู่ในสำนักสงฆ์ภูหลวง พร้อมอธิบายถึงข้อแตกต่างของไม้ตะเคียนกับไม่มะค่า โดยไม้ตะเคียนส่วนมากจะไม่มีรอยแตกตรงบริเวณแกนกลาง แต่หากมีก็จะแตกเป็นรูปดาว ส่วนไม้ที่บ้านลุงพลจะมีรอยแตกลักษณะคล้ายร่องหิน เเละเปลือกไม้ตะเคียนจะเรียบ ส่วนไม้บ้านลุงพล เปลือกจะนูนมีลักษณะคล้ายหนาม