วันที่ 19 ม.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเสาธง รับแจ้งเกิดเหตุชายคุ้มคลั่งทำร้ายคนในบ้าน และจุดไฟเผาบ้านตัวเอง ซอยบางพรม 54 ใกล้เคียงวัดใหม่เทพพล แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปควบคุมเพลิง
พบนายนนทชัย กรานเคารพ อายุประมาณ 30 ปี มีอาการคลั่งเผาบ้านตัวเอง และใช้อาวุธมีดปลายแหลมทำร้ายกระหน่ำแทงและเฉือนลิ้นคนในบ้านอย่างทารุณ ทราบภายหลังว่าเป็นแม่ของผู้ก่อเหตุ คือนางสุรางรัตน์ จ้อยเจือ อายุ 61 ปี จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากนั้นหลบหนีออกมาจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ทางเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนพกประจำกายยิงป้องกัน และวิสามัญในที่เกิดเหตุ
เวลาประมาณ 11.00 น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ จุดเกิดเหตุภายในบ้านพักที่เกิดเหตุ เป็นบ้านชั้นเดียว มีป่าหญ้าล้อมรอบ ตรวจสอบศพหญิงนอนเปลือยกาย ไม่สวมเสื้อผ้า ถูกหันด้วยมีด ไม่สามารถนับจำนวนแผลได้
จากนั้นผู้ก่อเหตุวิ่งพุ่งเข้ามาพยายามจะทำร้ายตำรวจ ตำรวจจึงยิงวิสามัญเพื่อระงับเหตุดังกล่าว ผู้ก่อเหตุเสียชีวิตคาที่
นายนพดล กรานเคารพ อายุ 38 ปี พี่ชายผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่คาดว่าว่าน้องชายจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งจนลงก่อเหตุฆ่าแม่
โดยปกติแม่จะอยู่กับน้องชายตามลำพัง เพราะแม่เป็นห่วงน้องชายที่เป็นลูกคนสุดท้อง ตัวเองเคยเตือนและพยายามพาแม่ บอกให้ไปอยู่บ้านของตน แต่แม่ก็หนีกลับมาเพราะเป็นห่วงน้องชาย
ส่วนอาการคุล้มคลั่งของน้องชาย เกิดจาก 2 ปีก่อน น้องชายถูกรถชน ต้องเข้ารับการผ่าตัดสมอง จนมีพฤติกรรมคล้ายคน 2 บุคลิก และยังเสพยาเสพติดจนทำให้มีอาการหลอนหลายครั้ง ส่วนสาเหตุการเผาบ้านและทำร้ายแม่จนเสียชีวิต น่าจะเกิดจากก่อนหน้านี้ 2 วัน มีคนแจ้งความจับน้องชายจึงเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย และคิดว่าแม่ดูแลไม่ได้
นายธรรมรงค์ จ้อยเจือ น้าผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 08.30 นาที นายนนทชัย ผู้ก่อเหตุ ได้นำพระพุทธรูปยกขึ้นเหนือหัว แล้วพูดว่า "ผมไม่ไหวแล้ว" ลักษณะอาการคลั่งจากการเสพยาบ้า จากนั้นได้ลงนอนบนถนนให้รถที่อยู่บนถถนชนหรือเหยียบทับ แต่รถยนต์บนท้องถนนก็ชะลอและหลบ
จนกระทั่ง นายนนทชัยกลับเข้ามาในบ้านและได้มีเสียงเหมือนมีคนทำลายข้าวของภายในบ้าน และเห็นควันไฟคล้ายมีการจุดไฟเผาบ้าน จึงโทรศัท์แจ้งรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ ชาวบ้านเห็นว่ามีศพคนตายเป็น นางสุรางค์รัตน์ จ้อยเจือ แม่ของผู้ก่อเหตุ
จากนั้น นายนนทชัยลากศพของแม่ออกมายังบริเวณหน้าบ้าน ศพนั้นไม่มีอาการดิ้นหรือขัดขืน คาดว่าน่าจะเสียชีวิตก่อนที่จะลากออกมายังบริเวณหน้าบ้าน ตนจึงถามนายนนทชัยว่า "ฆ่าฟันแม่ทำไม" นายนนทชัยตอบว่า "ไม่ใช่แม่ของกู ไม่ใช่แม่กู"
จากนั้น ได้ใช้มีดฟันกระหน่ำซ้ำเข้าที่บริเวณหัว ตัดลิ้น และหลบหนีไปยังกำแพงหลังบ้าน วิ่งไปยังบริเวณถนน จนกระทั่งจะนำมีดวิ่งเข้าไปทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องป้องกันตัวโดยการใช้ปืนยิงเพื่อวิสามัญ บริเวณคอสะพานลัดวัดใหม่ ในซอยบางพรหม 54
ทั้งนี้ นายนนทชัยนั้น เคยมีคดีติดตัว คือปล้นชิงทรัพย์ เสพยามานาน และติดคุกมาประมาณ 20 ปี เพิ่งได้ออกจากคุก หลังออกจากคุกมาก็มีอาการคลั่ง และจะทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวอยู่ตลอดหลายครั้ง
พล.ต.ท.ภคพงษ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า จากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่วิสามัญผู้ก่อเหตุ กระทำไปตามหลักการเข้าระงับเหตุ จากนี้คงจะต้องมีการดำเนินการตามระเบียบ ส่วนสาเหตุที่ต้องวิสามัญนั้นเนื่องจากผู้ก่อเหตุพยายามเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ก็กังวลว่าจะไปทำร้ายบุคคลใกล้เคียง โดยเจ้าหน้าที่มีการกล่อมให้มีการวางอาวุธมีดก่อน แต่ปรากฎว่าวางได้ระยะเดียว ก็มีการหยิบอาวุธมีดพยายามจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงได้ยิงปืนเพื่อสกัดก่อนแล้ว แต่ไม่มีการหยุด จึงถึงขั้นวิสามัญ เพื่อกันภัยที่เข้าใกล้ตัว
ขณะที่ได้รับรายงานว่าผู้ก่อเหตุใช้อาวุธจี้ชิงทรัพย์ และถูกตัดสินจำคุกเพิ่งพ้นโทษมาปี 2559 และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน รวมถึงที่เกิดเหตุก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ