จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก"ข่าวสารเมืองปราการ V2" โพสต์ข้อความระบุว่า "กลุ่มพ่อค้าขายไก่ทอดหัวร้อนพังร้านทำร้ายลุง 66 ปีซึ่งขายไก่ทอดเหมือนกัน บาดเจ็บแขนหัก คลิปชายฉกรรจ์รุมทำร้ายชายสูงวัย 66 ปี และ หญิง 46 ปี สามีภรรยาขายไก่ทอด ตั้งแผงในตลาดเคหะฯ ซ.เทศบาลบางปู 49 อ.เมืองสมุทรปราการ เมื่อเช้าที่ผ่านมา"
คลิปวีดีโอปรากฎภาพขณะที่นายจิรวัฒน์ เราะหมัด (เสื้อสีฟ้า) พร้อมด้วยน้องชาย (เสื้อสีดำ) และน.ส.อรมณี วงค์สาโรจน์ หรือ แอม รุมทำร้ายชายสูงวัย 66 ปี และหญิงอายุ 46 ปี สามีภรรยาขายไก่ทอด ด้วยขาตั้งไมค์ และชกต่อย กระทั่งได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นายสมบูรณ์ คำฝอย หรือ ต้อย อายุ 66 ปี ส่วนภรรยาผู้บาดเจ็บชื่อ น.ส.สุชาดา ใจปิง หรือ แพน อายุ 46 ปี
ล่าสุดวันที่ 20 ม.ค. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่แผงตลาดเคหะฯ ซ.เทศบาลบางปู 49 อ.เมืองสมุทรปราการ พบว่าร้านขายไก่ทอดทั้ง 2 ร้านไม่มาขาย และสอบถามแม่ค้าในตลาด ร้านทั้งสองตั้งเยื้องกัน ห่างกัน 5 เมตรเท่านั้น
น.ส.สุชาดา ใจปิง อายุ 46 ปี ภรรยาผู้บาดเจ็บ เผยว่า วานนี้ก่อนเกิดเหตุการณ์ตนกำลังทอดไก่อยู่ และมีลูกค้าเข้ามาที่ร้าน ขณะนั้นนายต้อย สามีตนกำลังจะนำขาไมค์ไปเก็บที่ด้านหลังของตึก โดยร้านตนจะนำขาไมค์ไว้ใช้ต่อสายไฟ ตนได้บอกสามีว่าให้เอาขาไมค์ไว้ที่เดิมก่อน เพื่อจะให้มาขายไก่ให้ลูกค้า จากนั้นสามีของตนก็เดินมาขายไก่ให้ลูกค้า โดยมีการพูดคุยหยอกล้อกัน กระทั่งแฟนหนุ่มของน.ส.แอมคู่กรณี เดินปรี่เข้ามาถามว่า "มองหน้าผมทำไม อยากมีเรื่องเหรอ" ขณะที่ได้ยินตนก็ตกใจและมึนงง ก่อนจะเดินกลับไป
ตนยอมรับว่า ขณะที่แฟนหนุ่มของ น.ส.แอม พร้อมด้วยน้องชายเขาขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา และมีไม้เบสบอลมาด้วย ตนได้มองหน้าจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาที่มองหาเรื่อง เพราะใครไปใครมาตนก็มองเหมือนกันทุกคน ต่อมาแฟนหนุ่มของน.ส.แอม กลับมาอีกครั้งที่ร้านของตน พร้อมถามย้ำว่า "มองหน้าผมเหรอ อยากมีเรื่องกับผมเหรอ" ตนได้ปฏิเสธ ระบุว่า "ไม่อยากมีหรอกลูก ลูกไปขายของลูกเถอะ ต่างคนต่างขาย อย่าไปมีเรื่องกันเลย"
ขณะนั้น ตนหวาดกลัวว่าจะมีเรื่องรุนแรง ได้บอกให้สามีโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่งแฟนหนุ่มของน.ส.แอม อุ้มลูกน้อยมา ที่ร้านของตนอีกครั้ง และถามสามีตนว่า "แจ้งตำรวจเหรอ อยากมีปัญหาเหรอ" ภายหลังน้องชายของแฟนหนุ่มน.ส.แอม ปรี่มาจากด้านหลังของสามีตน ขณะเดียวกันแฟนหนุ่ม น.ส.แอมที่กำลังอุ้มลูก พร้อมด้วยน.ส.แอม ได้วิ่งเข้าไปรุมกระทืบสามีตน ในมือของสามีตนมีเพียงกระชอนตักไก่ทอดที่ป้องกันตัวเอง ขณะที่ตีนั้นไม่โดนเด็ก ก่อนที่แฟนหนุ่มของน.ส.แอม จะวางเด็กลงจนเด็กล้มไปเอง และตนพยายามช่วยเหลือดันคู่กรณีออกไป
ขณะนั้นน.ส.แอมเห็นขาไมค์ที่วางไว้ จึงวิ่งคว้าขาไมค์มาฟาดสามีตน ซึ่งสามีของตนก็ใช้มือซ้ายป้องกัน จึงทำให้ได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือ ก่อนที่เหตุการณ์จะยุติ และน.ส.แอมได้พังร้านไก่ของตน และหนีไป สำหรับสาเหตุที่ทะเลาะกันนั้น ตนคาดว่าคู่กรณีเข้าใจผิดเรื่องที่ตนสนทนากับสามีเกี่ยวกับปูม้าเค็ม เข้าใจผิดว่าเราไปว่าให้ไก่ทอดเขาเค็ม ในส่วนเรื่องของคดีความนั้นก็คงจะดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะสามีของตนต้องเจ็บตัว โดยคืนวานนี้ก็เข้าห้องผ่าตัด เนื่องจากกระดูกแขนซ้ายแตก และระบมทั้งตัว
นางอ้อย แม่ของน.ส.แอม กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นยอมรับว่าฝั่งตนนั้นผิดจริง ที่ไม่สามารถระงับอารมณ์ที่โกรธเคียงไว้ได้ โดยวานนี้ลูกเขยตนได้เข้าไปถามน.ส.แพน ว่ามองหน้าทำไม เพราะขณะนั้นตนก็เห็นว่าน.ส.แพน จ้องมาหน้าลูกเขยตน เหมือนจะเอาเรื่อง ตนจึงได้บอกกับลูกเขยว่าใจเย็น ก่อนที่ลูกเขยจะเข้าไปถามเพราะข้องใจ ก่อนจะเกิดเรื่อง ส่วนที่ฝั่งน.ส.แพนกล่าวอ้างว่าฝั่งตนนั้นมีไม้เบสบอล ไม่จริง เขาพูดมั่ว และหากวานนี้ไม่อุ้มหลานเอาไว้ ตนก็คงจะไปห้ามปราม และฝั่งลูกเขยไม่ได้พูดว่าจะยกพวกมารุมกระทืบอีกครั้ง
นอกจากนี้ ครอบครัวของตนมีเรื่องมีราวกับนายต้อยและน.ส.แพน มานานแล้ว เนื่องจากชอบพูดประชดประชัน และด่าทอ ตั้งแต่ลูกสาวของตนยังไม่ได้มาขายไก่ทอด พอลูกสาวของตนมาหันมาขายไก่ทอด ก็ขายดีกว่าร้านของนายต้อย เนื่องจากร้านสะอาด และราคาถูกกว่า ร้านของตนถูกอ้างว่าขายตัดราคา ซึ่งลูกสาวของตนไปซื้อน่องไก่มาจากห้างน่องละ 8 บาท มาทอดขายในราคาน่องละ 5 บาท แต่ของร้านนายต้อยขายน่องละ 8 บาท ตนเข้าใจว่าช่วงโควิด-19 ต้องขายในราคาถูก และทางร้านของนายต้อยยังชอบมองหน้าลูกสาวของตน ซึ่งทางฝั่งภรรยาของนายต้อยอ้างว่าไม่ได้มองหน้า ตนก็อยากจะให้ไปสาบาน
ทั้งนี้ ตนน้อยใจมากที่ขณะเกิดเรื่องนายต้อยในมือถือกระชอนตักไก่ทอด ฟาดลูกเขยขณะที่กำลังอุ้มลูกน้อย จนทำให้หลานน้อยของตนร่วงลงมา ศีรษะกระแทกกับพื้น อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมาลูกสาวเป็นคนใจร้อน ต่อไปนี้คงไม่สามารถพูดคุยกับครอบครัวนายต้อยได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ในข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และทำให้เสียทรัพย์