เปิดเส้นทางลับชายปริศนาโยงอุ้มชมพู่ "พ่อแบม" ชี้มีไม่กี่คนที่แอบขึ้นได้ (คลิป)

จากกรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ “น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบ แห่งหมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาพยาน และบุคคลที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดน้องชมพู่ ทยอยเข้าเครื่องจับเท็จ

โดยตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.64ที่ผ่านมา พยานปากสำคัญชุดที่ 2 ก็ได้เริ่มเข้าเครื่องจับเท็จวันละ 2 คน ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จังหวัดปทุมธานี โดยเริ่มต้นที่ครูบารัตน์ (09.00-11.30 น. เดินทางกลับตั้งแต่เสร็จสิ้นการสอบสวน), พระอาจารย์บุญมา (12.00-13.45 น.), นางส้มโอ (09.00-12.00 น.), นางดอน (13.00-14.00 น.) โดยในวันสุดท้ายได้แก่ พ่อแบม และ ด.ช.ก๊วยเจ๋ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพาทุกคนกลับสู่ภูมิลำเนาพร้อมกัน

ล่าสุดวันที่ 20 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนางดอน มะลิรส หลังจากเข้าเครื่องจับเท็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางดอน บอกว่า ก่อนเข้าเครื่องจับเท็จ เจ้าหน้าที่จะสอบถามข้อมูล และจดบันทึกการสนทนา โดยตนก็ได้พยายามนึกแล้วบอกเจ้าหน้าที่ไปว่า ตนพบเห็นลุงพลบนวัดถ้ำภูผาแอก ในเวลา 10.00 น. หรือ 11.00 น. (จำเวลาไม่ได้) ต่อมาเมื่อตนกลับออมาจากวัดในเวลาประมาณ 15.00-16.00 น. (จำเวลาที่แน่ชัดไม่ได้) ตนก็พบน้องชมพู่หายตัวไปแล้ว

จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เซ็นเอกสารยินยอมในการเข้าเครื่องจับเท็จ ติดเครื่องวัดชีพจรการเต้นของหัวใจไว้ที่ปลายนิ้ว ติดเครื่องวัดความดันไว้ที่ต้นแขน แล้วถามคำถามอีกครั้ง โดยในตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “ใช่-ไม่ใช่” และ “จริง-ไม่จริง”

คำถามที่ถามจะถามวนไปวนมา เช่น เห็นลุงพลในวันที่ 11 พ.ค.63 ใช่หรือไม่? โดยมีบางคำถามที่ตนไม่สามารถตอบได้ เช่น เจอลุงพลเวลา 10.00 น. ในวันที่ 11 พ.ค.63 ใช่หรือไม่? แต่ตนจำเวลาไม่ได้ ว่า 10.00 น. หรือ 11.00 น. ตามที่เคยให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ ทีวี ตนจึงไม่สามารถตอบสั้น ๆ ได้ แล้วได้ย้อนถามเจ้าหน้าที่กลับไปว่า “ข่อยไม่รู้เวลา เจ้ามาถามข่อยเอาป่านนี้ ข่อยไม่มั่นใจ ข่อยแก่แล้วสมองเสื่อม ข่อยสับสนเด้อ” ถึงแม้เวลาจะผ่านมาหลายเดือน แต่ตนก็ยังมีความหวังว่าตำรวจจะสามารถปิดคดีน้องชมพู่ได้สำเร็จ

ทั้งนี้ นางดอน ยังพูดถึงเหตุการณ์กรณีลุงพลเข้าจู่โจมแย่งไมค์อมรินทร์ ทีวี ตนรู้สึกตกใจ ทำไมลุงพลถึงทำแบบนี้ และคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรจะเกินขึ้น โดยเฉพาะต่อหน้าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ลุงพลมีชื่อเสียงจากสื่อที่ให้พื้นที่สัมภาษณ์ความคืบหน้าคดีของน้องชมพู่ ลุงพลไม่ได้มีชื่อเสียงด้วยตัวของลุงพลเอง ทำไมวันนี้ลุงพลถึงทำกิริยาแบบนี้กับสื่อ

ส่วนการตรวจสอบไม้ตะเคียน ซึ่งแท้จริงเป็นไม้มะค่า ตนไม่ขอออกความคิดเห็น แต่ชาวบ้านส่วนหนึ่งรู้อยู่แก่ใจดีว่าไม้ที่บูชากันแท้จริงคือไม้อะไร แต่ไม่มีใครอยากขัดความเชื่อของลุงพล เนื่องจากลุงพลมีชื่อเสียง มีแฟนคลับ มียูทูเบอร์รายล้อม โดยเย็นวันนี้ (20 ม.ค.64) ทุกคนที่เดินทางมาเข้าเครื่องจังเท็จ ก็จะเดินทางกลับหมู่บ้านกกกอก ซึ่งเมื่อกลับไปถึง ตนก็คงทำตัวปกติ ไม่กังวลกับสิ่งที่ตนให้สัมภาษณ์ออกไป เพราะตนพูดความจริง และตนอยากจะวอนขอชาวกกกอกทุกคน หากใครมีข้อมูลก็ขอให้นำความจริงออกมาบอกสื่อ บอกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอให้คิดสงสารน้องชมพู่ และคนทำหน้าที่ในการปิดคดี

กรณีพ่อแบม ออกมาให้ข้อมูลกับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่าเจอชายปริศนาอยู่ที่กอไผ่หลังบ้าน ซึ่งอยู่ตรงข้ามส่วนยางบ้านลุงพล ในวันเดียวกันกับที่น้องชมพู่หายไปนั้น

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปเจอกับแม่แบม ซึ่งพาทีมข่าวไปยืนอยู่บริเวณหลังบ้าน จุดเดียวกันกับที่พ่อแบมอ้างว่า ยืนอยู่บริเวณจุดดังกล่าว แล้วได้ยินเสียงคนตอกไม้ 3 ครั้ง และยังเป็นจุดที่มองออกไปเห็นกอไผ่ พบเห็นชายปริศนาเดินหายเข้าไป และยังเป็นจุดเดียวกันที่สามารถมองเห็นจุดที่ลุงพลยืนกีดยางอยู่เวลาประมาณ 09.20-09.40 น. ซึ่งทีมข่าวได้ทดสอบยืนอยู่บริเวณจุดดังกล่าว สามารถมองเห็นได้ทั้ง 3 จุดพร้อมกัน โดยระดับสายตาจะต้องมองผ่านต้นยางพารา ที่ปลูกเรียงเป็นแถว แต่ไม่มีต้นหญ้ารก จึงสามารถมองผ่านทะลุไปเห็นทั้ง 3 จุดได้

แม่แบม เปิดเผยว่า ตนได้พูดคุยกับพ่อแบม โดยจากจุดที่ยืนอยู่หลังบ้าน สามารถมองเห็นบริเวณกอไผ่ ห่างออกจากบ้านประมาณ 200 เมตร ซึ่งอยู่ด้านหลังของสวนยาง จุดดังกล่าว ตนได้พูดคุยกับพ่อแบมในวันที่พบเจอชายปริศนา จะเห็นผู้ชายเดินหลบเข้าไปอยู่ด้านหลังกอไผ่จริง และจุดที่ยืนอยู่ที่หลังบ้าน สามารถมองเห็นได้ชัด เพราะในช่วงวันที่เกิดเหตุ เป็นพื้นที่โล่ง

ประกอบกับบริเวณไม่ไกลจากจุดกอไผ่ ในวันนั้นได้ยินเสียงคนตอกไม้ 3 ครั้ง ได้ยินมาจากบริเวณลานมันหลังสวนยาง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังตีนเขาภูเหล็กไฟ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเสียงที่ได้ยินนั้น เป็นเสียงคนมาตัดไม้ เพราะจุดดังกล่าวมีกองไม้วางอยู่ ชาวบ้านบางส่วนอาจจะมาตัดไม้ไปทำฟื้นก็ได้ แต่ไม่ใช่เสียงคนมาตรอกผูกวัว เพราะจุดนั้นไม่มีการเลี้ยงวัว เป็นจุดที่มีการปลูกมัน ชาวบ้านมักจะไม่เอาวัวมาเลี้ยงเอาไว้ ประกอบกับช่วงวันจุดเกิดเหตุ เป็นพื้นที่โล่ง จึงไม่มีชาวบ้านเอาวัวมาเลี้ยงบริเวณจุดนั้น

จากจุดที่พ่อแบมอ้างว่ายืนอยู่ ถ้าหากมองออกไป จะเห็น 3 จุดพร้อมกัน โดยฝั่งซ้ายสุดจะเป็นที่มาของต้นเสียงการตอกไม้ 3 ครั้ง และบริเวณตรงหน้าถ้ามองออกไปรัศมีประมาณ 200 เมตร จะเป็นจุดที่เห็นกอไผ่ อยู่ด้านหลังสุดสวนยาง ส่วนปีกขวาจะเป็นจุดที่พ่อแบมอ้างว่าเห็นลุงพลยืนกรีดยางอยู่ ดังนั้นจากที่ยืนอยู่ จะเห็นพร้อมกันได้ทั้ง 3 จุด แต่อาจจะมีบางจุดที่มีต้นหญ้ารกเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่เกิดเหตุ ตนยืนยันว่าสิ่งที่พ่อแบมเห็น ก็จะเห็นทุกอย่างได้เด่นชัด เพราะจุดนี้เป็นจุดระดับสายตา

ส่วนตัวในฐานะชาวบ้านในพื้นที่ และมีบ้านอยู่บริเวณละแวกสาวยาง ใกล้กับกอไผ่ที่พ่อแบมเจอ ยืนยันว่าหากขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟ เพื่อไปเก็บเห็ด หรือขึ้นไปหาของป่า จะใช้เส้นทางหลังสวนยาง โดยเฉพาะจุดกอไผ่ สามารถเดินลัดเลาะขึ้นไปได้ถึงด้านบน เพราะที่ผ่านมาตนขึ้นไปเก็บเห็ดก็ใช้เส้นทางนี้ และหากมีการเปรียบเทียบเส้นทางระหว่างหลังบ้านน้องชมพู่ กับเส้นทางหลังบ้านพ่อแบม ขึ้นไปที่จุดพบศพ เส้นทางที่มีความใกล้และไปได้ง่ายกว่าก็คือเส้นทางหลังบ้านพ่อแบม เพราะส่วนใหญ่ตนค่อนข้างมีความชำนาญทางเส้นนี้ แต่ยอมรับว่าไม่เคยไปเดินเส้นทางหลังบ้านน้องชมพู่ จึงไม่รู้ว่าไกลหรือลำบากมากกว่าแค่ไหน

ทีมข่าวจึงได้ทดสอบลองเคาะไม้ ซึ่งพบว่าหากยืนอยู่บริเวณหลังบ้านพ่อแบม ก็จะได้ยินเสียงชัดเจน เพราะบริเวณจุดดังกล่าวเป็นที่โล่ง และเสียงดังก้องมาจากตีนเขา ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่กอไผ่ จุดที่พ่อแบมอ้างว่าเห็นชายปริศนาหายเข้าไป จุดดังกล่าวในวันนี้พบว่าค่อนข้างมีหญ้ารกสูง เพราะก่อนหน้านี้เป็นช่วงฤดูฝน แต่ถ้าเทียบกับช่วงที่น้องชมพู่หาย จะเป็นช่วงที่มีไฟไหม้ป่า ทำให้โล่งเตียนกว่านี้ และจากข้อมูลที่ชาวบ้านบอกกับทีมข่าว เส้นทางนี้ชาวบ้านมักใช้เป็นประจำในการขึ้นไปหาของป่า ดังนั้นจึงสามารถขึ้นไปบนภูเหล็กไฟได้ เพียงแต่วันนี้มีลักษณะหญ้ารกสูงเท่านั้น