ทนายตั้มเตรียมลุยกกกอกขอเจอแม่ชมพู่ อัจฉริยะเชื่อมีคนสันหลังหวะจ้างทนายรอคดี (คลิป)

22 ม.ค. 64

เมื่อวันที่ 22 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปสัมภาษณ์นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดใจว่า เหตุผลที่ตนต้องไปบ้านกกกอก เพราะลุงพลขอให้ช่วยเรื่องคดีน้องชมพู่ อย่างไรก็ตาม ในการทำงานนั้นก่อนที่จะรับทำคดีให้ใคร ตนต้องขอลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบก่อน ดังนั้นจะต้องลงพื้นที่ไปบ้านกกกอก เพื่อไปดูที่เกิดเหตุ และไปคุยกับพยานลุงพลทั้งหมดในวันที่ 25 ม.ค.64 

992092

ตามที่วางแผนไว้ในวันดังกล่าว จะมีทีมงาน 4 คน แล้วก็คุณหมออีก 1 คน และผู้ติดตามซึ่งทำงานในส่วนอื่นอีกประมาณ 2 คน รวมแล้วจะมีทีมงานไปบ้านกกกอก ประมาณ 6-7 คน ในการลงพื้นที่เรื่องปัญหาโควิด-19 ตนโทรไปเช็กกับหน่วยงานสาธารณะสุข เนื่องจากได้ข่าวว่าจะต้องกักตัว โดยเจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่ต้องกัก แต่จะให้ลงแอปพลิเคชันของจังหวัด และรายงานรายละเอียดทุกวันทุกวันว่า มีไข้หรือไม่ หรือเป็นอย่างไรบ้าง โดยตนและทีมงานจะตรวจโควิด-19 ก่อนไปด้วย เพื่อให้คนในพื้นที่สบายใจ

หากไปถึงแล้วอยากจะไปคุยกับทางแม่น้องชมพู่ด้วย เพราะตนอยากเก็บข้อมูลให้รอบด้าน ต้องฟังทั้งทางลุงพล และทางพ่อแม่น้องชมพู่ ชาวบ้าน และผู้แทนหมู่บ้าน เพื่อประเมินในเรื่องต่าง ๆ ให้ครบและรอบด้านที่สุด โดยการเตรียมตัวเริ่มจากเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อน เพราะหลายคนขู่มาว่า ถ้าจะขึ้นเขาภูเหล็กไฟ ไปจุดเจอศพน้องชมพู่ ต้องฟิตร่างกายให้ดี

ขณะเดียวกัน หากตนตัดสินใจไปเป็นทนายให้ลุงพลแล้ว ลุงพลไปโดนหมายจับ หรือโดนอะไรก็แล้วแต่ ตนยืนยันว่าจะยืนเคียงข้างลุงพล และจะทำคดีให้ดีที่สุด หาช่องทางเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของลุงพล เพราะคดีนี้ผ่านมายาวนานมาก แต่ยังไม่ได้บทสรุป ทุกคนอยากรู้ว่าจริง ๆ แล้วใครกันแน่ทำร้ายร้องชมพู่ หรือน้องชมพู่เสียชีวิตด้วยวิธีอะไร ตนก็สงสัยเหมือนทุกคน จึงอยากจะทำความจริงในคดีนี้ให้ปรากฏ

709482

นายอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงกรณีการจ้างนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ว่า ก็เป็นสิทธิ์ของเขา "เรื่องนี้ไม่มีราคากับผม ถามว่าหากคนเราไม่ผิดจะไปจ้างทนายล่วงหน้าทำไม เชื่อว่าจ้างในราคาหลักล้าน เพราะเป็นทนายระดับซูเปอร์สตาร์"

สำหรับกรณีทนายตั้ม ระบุว่า เครื่องจับเท็จมีความคลาดเคลื่อนเยอะ ไม่ใช่ตัวเลือกดีในการใช้เป็นหลักฐานชั้นศาลนั้น ตนมองว่าเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของการทำคดี ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่มีผลทางจิตวิทยาเท่านั้น เชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานอื่นอยู่แล้ว

ทั้งนี้นายอัจฉริยะ ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องการก่อสร้างต่าง ๆ เชื่อว่าลำพังลุงพลคนเดียวคงคิดไม่ได้ ต้องมีคนคอยให้คำเเนะนำ เช่นกรณีเรื่องเหล็กไหล ที่มีจอมขมังเวทย์คนหนึ่งนำมาให้ลุงพล ก็เชื่อว่าเป็นของปลอม โดยขอท้าให้นำมาให้กรมทรัพยากรธรณีวิทยาตรวจสอบ ว่าเป็นเหล็กไหลจริงหรือไม่ หรือเป็นเเค่เเร่เหล็กธรรมดา หรือให้เจ้าของเหล็กไหลยืนถือเเร่ที่อ้างว่าเป็นเหล็กไหล เเล้วลองยิง หากยิงไม่เข้า ตนยินดีจ่าย 3 เเสนบาท เเต่ถ้าหากตายตนไม่รับผิดชอบ

384114

นายจีระพันธ์ เพชรขาว หมอปลา เปิดเผยถึงกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ที่จะเข้าไปช่วยคดีให้กับนายไชยพล วิภา หรือลุงพล เกี่ยวกับคดีน้องชมพู่ ว่า ก่อนหน้านี้ตนเข้าไปพูดคุยกับทนายตั้ม เรื่องการทำยูทูบ ซึ่งทนายตั้ม เล่าให้ตนฟังว่าลุงพลโทรศัพท์มาหาจะขอให้ช่วยไปเป็นทนายความ ซึ่งส่วนตัวไม่ได้เข้าไปยุ่งหรือก้าวล่วงในส่วนนี้ โดยมีบางส่วนที่มองว่าทนายตั้มเกาะกระแส ตนคิดว่าไม่ใช่ เพราะลุงพลเป็นคนโทรศัพท์ไปหาเอง และทนายตั้มก็บอกว่า จะดูแค่คดีน้องชมพู่ ส่วนคดีอื่นยิบย่อยไม่ได้เข้าไปดู ทั้งนี้ตนสนิทกับทนายตั้มจริง แต่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ ทนายตั้มจะรับว่าความให้ใครก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าตัว ตนไม่สามารถไปห้ามได้ และตนก็ไม่ได้ไปยุ่งกับลุงพลแล้ว

ส่วนที่ทนายตั้มจะลงพื้นที่ที่บ้านกกกอกในวันที่ 25 ม.ค.64 ตนก็เห็นจากโพสต์ในเฟซบุ๊ก แต่ตนไม่ไปด้วย เพราะไม่ยุ่งเกี่ยวกันแล้ว ส่วนที่จะกลับมาคุยกันหรือไม่ คิดว่าสายเกินไปแล้ว สถานะตนกับลุงพลตอนนี้คือคนรู้จัก แต่ไม่ได้สนิทสนม ต่างคนต่างอยู่ไม่ก้าวล่วงซึ่งกันและกัน

ประเด็นที่ลุงพล ระบุว่า หลังจากนี้จะกลับมารวมเป็นทีมเดียวกันได้อีกนั้น เป็นความคิดของลุงพล ตนไปห้ามความคิดอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะตราบใดที่ลุงพลเชื่อเอฟซีข้างกายตัวเอง โทษคนอื่น ไม่โทษตัวเองไม่มีทางจะคุยกันรู้เรื่อง

กรณีที่ลุงพลสร้างพญานาค แล้วมีหมอดูทักว่าจะสร้างไม่เสร็จ เพราะบารมีไม่ถึงนั้น คิดว่าไม่เกี่ยวกับบารมี หากมีเงินสามารถสร้างได้ทุกคน ทั้งนี้กรณีผู้มีจิตศรัทธานำเหล็กไหลมามอบให้ลุงพล โดยพระอาจารย์พล นำไปทำพิธีก่อนนั้น อยากฝากถึงพระอาจารย์พล ว่า ลุงพลโดนขนาดนี้ยังไม่หยุดอีกหรือ และได้ข่าวว่าเหล็กไหลได้มาจากวัดเขาอึมครึม อยากถามว่าชีวิตลุงพลขนาดนี้ยังอึมครึมไม่พออีกหรือ

นอกจากนี้ หมอปลา ยังฝากทิ้งท้ายถึงลุงพลว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำตัวเองทั้งนั้น ไม่มีใครทำลุงพล แต่ลุงพลต้องโทษตัวเองก่อน แล้วชีวิตจะไม่อึมครึมเหมือนเหล็กไหล

เวลา 16.00 น. นายนภัส ปราณีตพลกรัง หรือฟ้า ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายั สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.กกตูม เพื่อแจ้งความเพิ่มเติม ดำเนินคดีนายไชย์พล วิภา ลุงเขยน้องชมพู่ ฐานพยายามชิงทรัพย์ กรณีเหตุการณ์ถูกแย่งไมค์และทำร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 19 ม.ค.64 ที่ผ่านมา

373714

โดยนายนภัส บอกว่า ที่ตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม ในข้อหาพยายามชิงทรัพย์ เกิดจากกรณีที่คู่กรณีพยายามแย่งไมค์ เมื่อไม่ให้จึงเข้ามาทุบหลังตัวเองถึง 2 ครั้ง และปรี่เข้ามาทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง จึงปรึกษาทีมกฏหมายว่าควรแจ้งความเพิ่ม ทำให้ตอนนี้มีการแจ้งความแล้ว รวมเป็น 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกาย ข่มขืนจิตใจ และพยายามชิงทรัพย์ หลังจากที่ตำรวจสอบปากคำเพิ่มเติมแล้วเสร็จ ทราบว่าจะมีการเรียกพยานในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำ และจะมีการออกหมายเรียกนายไชย์พล เข้ารับทราบข้อกล่าวหาใน สัปดาห์หน้า ก่อนจะสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลจังหวัดมุกดาหาร

914479

ส่วนที่นายไชย์พล อ้างว่าทำไปเพราะต้องการหยอกล้อนั้น นายนภัส ยืนยันว่า ไม่ใช่การหยอกล้ออย่างแน่นอน เพราะตนทำข่าวในพื้นที่มานาน รู้จักและคุ้นเคยกับคู่กรณีเป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าท่าทีของนายไชย์พล คือต้องการทำร้ายร่างกาย

เมื่อถามถึงสภาพจิตใจว่า พร้อมทำงานในพื้นที่หรือไม่ นายนภัส กล่าวว่า ส่วนตัวในฐานะผู้สื่อข่าว ก็พร้อมที่จะเดินทางไปทำข่าวทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย ขณะที่คำแถลงขอโทษจากคู่กรณี ส่วนตัวก็มีโอกาสเห็นผ่านสื่อเเล้ว เเต่ไม่ทราบว่าคำขอโทษดังกล่าวเป็นคำพูดจากใจ หรือทำตามคำแนะนำให้กล่าวขอโทษของใครหรือไม่ เพราะคนเราหากรู้ตัวว่าทำผิด จะไม่มีคำกล่าวอ้าง อีกทั้งหลังเกิดเหตุตนก็ยังอยู่บริเวณดังกล่าว เเต่คู่กรณีก็ไม่มีการเดินมาขอโทษแต่อย่างใด จึงยืนยันว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุดและไม่ประสงค์ไกล่เกลี่ย

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เดิมคดีนี้พนักงานสอบสวนเตรียมสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการในวันที่ 25 ม.ค.64 แต่เนื่องจากผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่ม จึงต้องสอบปากคำพยานและรวบรวมหลักฐานเพิ่มให้ครบถ้วน รอบด้าน ก่อนสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุก ๆ ฝ่าย

423765

นายวัชรินทร์ กงแก่ท้าว หรือ พ่อแบม ชาวบ้านกกกอก บอกว่า หลังจากที่ตนไปเข้าเครื่องจับเท็จมาแล้ว ก็รู้สึกสบายใจมากกินขึ้น เพราะได้มีการตอบคำถามและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคดี แต่ในแนวคำถามก็ไม่ได้มีการสอบถามนอกหรือให้ความเห็นเพิ่มเติม เพราะยังคงใช้คำถาม "ใช่-ไม่ใช่” และ "จริง-ไม่จริง" เท่านั้น

หลังจากที่กลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว ก็ไม่ได้ถูกข่มขู่ หรือมีบุคคลปริศนาเข้ามาในพื้นที่บ้านแต่อย่างใด เพราะทุกวันนี้การอยู่อาศัยในชุมชนมีคนภายนอกเข้ามาเยอะขึ้น ไม่ได้อยู่ลำพังเหมือนเมื่อก่อน มีตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาติดตามสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวที่บ้านเพื่อดูแลความปลอดภัย และตนก็เชื่อว่าการเข้าเครื่องจับเท็จครั้งนี้ ไม่ได้มีการพาดพิงถึงบุคคลใดเป็นกรณีพิเศษ จึงคาดว่าจะไม่มีผลอะไรต่อตน แต่ก็กังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับคนในครอบครัวว่าจะอยู่ยาก หรืออาจไม่ได้รับความปลอดภัย แต่ก็เชื่อว่าการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จะไม่มีใครกล้าทำ

701458

นางดอน ชาวบ้านกกกอก หนึ่งในพยานที่ได้กลับมาจากการเข้าเครื่องจับเท็จ เปิดเผยว่า ตอนเข้าเครื่องจับเท็จตำรวจถามประมาณว่า เห็นลุงพลจริงหรือไม่ ตนก็ตอบไปว่าเห็นจริง ตอนที่ลุงพลมาที่วัด โดยระหว่างถาม ตำรวจบอกว่าทำใจให้สบาย ตำรวจก็ถามย้อนไปย้อนมาให้สับสบ และถามว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่

992280

หลังจากนั้นกลับมาบ้านกกกอก ได้ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้หวาดระแวง และไม่กังวล ไม่ได้มีการข่มขู่จากลุงพล และยูทูเบอร์แต่อย่างใด ยังคงทำมาหากินตามเดิม คนเราพูดความจริงนั้นเป็นสิ่งดี และอยากให้พยานทุกคนในคดีนี้ออกมาพูดความจริง เพื่อพิสูจน์ให้คนทั้งประเทศได้รับรู้ว่า คดีน้องชมพู่ใครคือฆาตกรตัวจริงกันแน่ อย่างไรก็ตาม นางดอน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หากพยานในคดีน้องชมพู่ กล้าที่จะออกมาพูดความจริงจะเป็นการดีต่อทางราชการ และตนก็ไม่กลัวอิทธิพลมืดใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะตนก็เกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียวเช่นกัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม