จากกรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv+ โพสต์ภาพหญิงสาวรายหนึ่ง มีร่องรอยเขียวช้ำตามตัว ถูกแฟนหนุ่มที่อ้างว่าป่วยซึมเศร้าทำร้าย หลังจากคบกันได้แค่ 2 เดือน
วันที่ 23 ม.ค. 64 น.ส.แก้ว (นามสมมติ) ผู้เสียหาย มีรอยช้ำ บาดแผลตามตัว ทั้งที่เอว หลัง หลังแขนซ้าย ดั้งจมูกหัก มีรอยช้ำตายตา เลือดออกในตา นิ้วชี้ซ้ายหัก และมีรอยช้ำที่ก้น
น.ส.แก้ว เปิดเผยว่า ตนเองคบกับผู้ก่อเหตุราว 2 เดือนเศษ โดยคบกันช่วงต้นเดือน พ.ย.63 ตนเองเจอกับผู้ก่อเหตุผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ ตนเองก็รู้ว่าผู้ก่อเหตุป่วยซึมเศร้า เนื่องจากมีการระบุไว้ในโพรไฟล์ แต่ก็ตัดสินใจคุยกัน พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุแปลก ๆ คือช่วงแรกที่คุยกันจะมาหาตนช่วงวิกาล บุกถึงหน้าห้องพักช่วง 03.00 น. ตนก็ต้อนรับ แต่พอรุ่งเช้าตนเองได้ขอให้ผู้ก่อเหตุกลับและขู่ว่าจะไปแจ้งความ หลังเหตุการณ์ตอนนั้นตนเองได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อความปลอดภัย เพราะไม่รู้ว่าจะถูกกระทำอะไรไม่ดีหรือไม่ แต่ไม่ได้คิดเอาความ
จากนั้นเมื่อตนคบกับผู้ก่อเหตุ จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่ห้องด้วยกัน ปรากฎว่าผู้ก่อเหตุทราบเรื่องที่ตนไปแจ้งความ จึงเกิดความไม่พอใจ และมีการทะเลาะกัน ทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตนเองถูกกระทำ หลังก่อเหตุผู้ก่อเหตุก็จะขอโทษ บอกว่ารู้สึกผิดเพราะพลาด พลั้งมือไป ซึ่งตนก็ให้อภัยมาตลอด
ต่อมา ตนเองก็ถูกกระทำอีกตั้งแต่ครั้งที่ 2 ถึงครั้งล่าสุด แต่หาแรงจูงใจของการก่อเหตุไม่ได้ ผู้ก่อเหตุจะมีพฤติกรรมนั่งนิ่ง ๆ และพูดเรื่องราวเก่า ๆ อธิบายว่าตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตัวของผู้ก่อเหตุต้องตกอยู่ในสภาพจิตใจแบบนี้ จากนั้นก็จะลงมือทำร้ายทั้งหมด 4-5 ครั้ง ช่วงต้นปีก็ทำร้ายชกต่อยจนนิ้วชี้มือซ้ายคดงอ ต้องดามนิ้วจนถึงตอนนี้ ครั้งที่หนักที่สุดคือ 12 ม.ค. 64 ตนถูกต่อยเข้าที่หน้า ที่ตา ตบหน้า จนกระจูกดั้งจมูกหัก หมอต้องผ่าตัดงัดจมูกขึ้นมา ผู้ก่อเหตุยังใช้เก้าอี้ฟาดตนเอง ดึงสายคล้องหน้ากากอนามัยรัดคอตน เอาแก้วเก็บความเย็นทุบหัว จนตนต้องแอดมิดที่โรงพยาบาล 4 วัน
ล่าสุด 21 ม.ค.64 ตนเองถูกกระทืบ เตะ ต่อย รอยช้ำที่เกิดขึ้นตามตัวคือจากครั้งนี้ จนมีคำพูดออกมาจากผู้ก่อเหตุ ทำให้ตนรู้สึกทนไม่ได้คือ "เราจะเอาเธอให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก" ซึ่งตนเองรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย ตัดสินใจหนีออกจากห้องพัก ซึ่งผู้ก่อเหตุได้ปาโทรศัพท์มือถือตนเองลงกับพื้นจนเสียหาย วันนี้ตนเองยืนยันจะเอาเรื่องถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตนเองมองว่าโรคซึมเศร้าไม่น่าจะทำร้ายใคร ผู้ก่อเหตุตอนอยู่กับตนก็เห็นว่ากินยาโรคซึมเศร้า ยังไปหาหมอ ตนเองยังได้ติดต่อกับแฟนเก่าของผู้ก่อเหตุบางคน ซึ่งก็ระบุว่าถูกทำร้ายเช่นกัน เท่าที่รู้ถูกทำร้าย ถูกต่อย ถูกทำร้ายจนปากแตก บางคนถูกกีดข้อมือ หากตนเองยังทนอยู่ต่อคิดว่าคงจะไม่รอด ทั้งชีวิตพ่อแม่ไม่เคยทำร้ายตนแบบนี้ ล่าสุดมูลนิธิปวีณาฯ ติดต่อตนเองมาแล้ว ซึ่งตนเองเตรียมไปพบเช่นกัน ส่วนผู้ก่อเหตุก็ยังติดต่อตนเองมาเมื่อช่วงเช้า เขาจะขอคืนดี แต่ตนเองไม่ตอบกลับไป