กรณีวันที่ 17 ม.ค. 64 นายทรงวุฒิ แปงเรือน อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 397 หมู่ 7 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ว่าเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 64 ที่ผ่านมา บุตรชายชื่อว่า ด.ช.ธนโชต หรือ น้องบ๊อบบี้ อายุ 7 ขวบ ได้หายออกไปจากบ้าน กระทั่งเจอน้องบ๊อบบี้กลายเป็นศพในดงกล้วย และสงสัยว่าเป็นการฆาตกรรมนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คดีพลิก! ศพเด็ก 7 ขวบหมกป่าฝีมือคนข้างบ้านตีตับแตก ญาติโต้มีพยานแต่พิรุธหายตัว
- ส่อวุ่น! เด็ก 7 ขวบตายในดงกล้วย ตำรวจยึดรองเท้าบูทเทียบรอยบนดิน เจ้าของโต้ไม่ฆ่า
- ระทึกล่าฆาตกรฆ่าเด็ก 7 ขวบ เจอความจริงถูกชายแก่ไล่ ก่อนเป็นศพในดงกล้วย
ล่าสุด วันที่ 23 ม.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายัง สภ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมนายสินชัย เกษตรโสภาพันธ์ ผู้ต้องหา ได้แล้วนั้น ก่อนทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นางเยีย, นายสุพล แม่และพี่ชายของผู้ต้องหา ได้มารอเยี่ยมลูกชายหลังถูกจับกุมอีกด้วย
สำหรับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า นายสินชัย ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือตีน้องบ๊อบบี้จริง โดยมีสาเหตุจากที่ไม่พอใจหลายเรื่องก่อนหน้านั้น เช่น ถูกน้องบ๊อบบี้รื้อที่นอน ทำลายรถของเล่น กินแก้วมังกร ฯลฯ จึงได้เก็บความไม่พอใจมาตลอด จนวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 16.00 น. จังหวะที่นายหลี อาของน้องบ๊อบบี้ไม่อยู่บ้าน นายสินชัยจึงชวนบ๊อบบี้ไปยิงนกที่บริเวณป่ากล้วย โดยเดินเท้าไป ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร พอถึงกอกล้วยได้ยิงนกกัน น้องบ๊อบบี้ดันมายิงหนังสติ๊กมาใส่หน้าอก ทำให้นายสินชัยเกิดอาการโมโห บอกให้บ๊อบบี้นั่งรอที่กอกล้วย ส่วนนายสินชัยเดินไปที่เถียงนาพ่อหลวงเกตุ หยิบท่อนฟืนกับจอบมาตีทำร้าย
เวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวนายสินชัย ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ระหว่างที่นำตัวผู้ต้องหาออกจากห้องสืบสวน ผู้ต้องหาได้สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเหตุการณ์ แต่ผู้ต้องหาก็ปิดปากเงียบ
ขณะที่รถตู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงจุดพบศพ มีนายทรุงวุฒิ พ่อน้องบ๊อบบี้ แม่น้องบ๊อบบี้, นายหลี กับนายหวาน อาของน้องบ๊อบบี้ และชาวบ้านกว่า 200 คน มารอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
เจ้าหน้าที่ตำรวจพานายสินชัยมาทำแผนที่จุดแรก บริเวณเถียงนาของพ่อหลวงเกตุ อยู่ห่างจากจุดพบศพ 150 เมตร จากนั้นนายสินชัยได้มาชี้จุดที่มีการหยิบไม้ฟืน 1 ท่อน ที่ใต้ถุนเถียงนาของพ่อหลวงเกตุ พร้อมกับมีการทำท่าทดลองหยิบฟืนที่ใช้ก่อเหตุ จากนั้นนายสินชัย ได้เดินไปชี้จุดหยิบจอบที่ด้านข้างเถียงนา พร้อมพูดสั้น ๆ ว่า "วันนั้นจอบตั้งไว้ข้างเถียงนา ตนเองก็ได้เข้าไปหยิบจอบดังกล่าว"
หลังหยิบจอบเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สอบถามนายสินชัยว่าวันเกิดเหตุเดินมาจากทางไหน จากนั้นนายสินชียพาตำรวจไปชี้ทิศทางที่ตัวเขาหลอล่อน้องบ๊อบบี้เดินมา ซึ่งเป็นทิศทางที่มุ่งหน้ามาจากบ้านของน้องบ๊อบบี้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ ได้พาตัวนายสินชัยไปชี้จุดที่ 2 บริเวณกอกล้วยของนายฉลวย ที่มีการพบศพน้องบ๊อบบี้ ก่อนจะถึงกอกล้วยที่เจอศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามนายสินชัยว่า วันเกิดเหตุน้องบ๊อบบี้ยิงหนังสติ๊กโดนนั้น เจ้าตัวยืนอยู่ที่ไหน นายสินชัยจึงบอกตำรวจว่า ตอนที่น้องบ๊อบบี้ยิงหนังสติ๊กใส่หน้าอก ขณะที่ตนยืนบนเนินดินกอกล้วย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พาผู้ต้องหาได้ขึ้นไปบนเนินดิน จุดที่พบศพน้องบ๊อบบี้ จำลองการถือไม้ตีทำร้ายน้องบ๊อบบี้ในวันเกิดเหตุ ซึ่งวันเกิดเหตุนั้น ผู้ต้องหาได้ใช้ทั้งจอบทั้งไม้ฟืนตีน้องบ๊อบบี้ 7 ครั้งจนเสียชีวิต จากนั้นผู้ต้องหาได้พาเจ้าหน้าที่ไปดูจุดทิ้งจอบ ซึ่งอยู่บริเวณบ่อน้ำของนายฉลวยติดกับกอกล้วย ทิ้งร่างน้องบ๊อบบี้ไว้ในกอกล้วย ก่อนจะเดินกลับบ้านตามปกติ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ ได้พาตัวนายสินชัยไปชี้จุดจำลองการเดินกลับบ้าน นายสินชัยบอกว่า "อยากขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า เหตุที่เกิดขึ้นตั้งใจฆ่าน้องบ๊อบบี้หรือไม่ นายสินชัยตอบว่า "เป็นอารมณ์ชั่ววูบ"
จากนั้นก็เกิดเหตุชุลมุนขึ้น พ่อและญาติน้องบ๊อบบี้รวมถึงชาวบ้านได้พยายามจะวิ่งเข้ามาหาผู้ต้องหา ทำร้ายผู้ต้องหา จนเจ้าหน้าที่ต้องกันตัวผู้ต้องหาเอาไว้ รีบนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถตู้ของเจ้าหน้าที่
ระหว่างนั้นนายนู วงศ์เครือเพชร ลุงของน้องบ๊อบบี้ ได้เข้ามาพยายามต่อยนายสินชัย แต่มีเจ้าหน้าที่มากันไว้ได้ทัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้รีบพาตัวผู้ต้องหาขึ้นรถตู้ เพื่อขับออกจากจุดเกิดเหตุ
ขณะนั้นนายหวาน กับนายหลี อาทั้ง 2 คนของน้องบ๊อบบี้ และชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้พยายามกันรถตู้เจ้าหน้าที่เอาไว้ แต่ไม่สามารถกันไว้ได้ ขณะที่พ่อน้องบ๊อบบี้ ได้มาดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพและมีท่าทีร้อนรน แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ได้กันตัวพ่อน้องบ๊อบบี้ไว้เป็นอย่างดี ทางด้านแม่น้องบ๊อบบี้นั้น ก็ได้มีอาการเป็นลม จนญาติต้องมาดูแลอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรของผู้ต้องหา พบว่าวันที่ 2 เม.ย. 2552 ถูกดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่า ในพื้นที่ สภ.บ้านหนองพลับ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และวันที่ 10 ส.ค. 2560 ถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ในพื้นที่ สภ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
ขณะที่ชาวบ้านที่เจอตัวผู้ต้องหาเป็นคนแรก เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 22.00 น. ตนเองกำลังขับรถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านระหว่างเดินทางกลับ ขับผ่านบ้านของนายสินชัย สังเกตเห็นว่าข้างหลังบ้านของนายสินชัยมีเงาของผู้ชายยืนเกาะผนังหลังบ้านในมุมมืด ตนจำได้แม่นว่าเป็นนายสินชัย แต่นายสินชัยไม่รู้ตัวว่าตนเห็นเขา
รายงานข่าวแจ้งว่าชุดสืบสวน ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังกว่า 10 ปีของนายสินชัยในคดีพยายามฆ่า ทราบว่าในช่วงเวลานั้นนายสินชัย อายุ 17 ปี เดินทางกับพ่อมาทำงานที่โรงงานผลไม้กระป๋องยี่ห้อหนึ่ง โดยพ่อมีภรรยาใหม่ที่มีลูกติดเป็นลูกสาวอายุ 12 ปี วันเกิดเหตุมีเพียงนายสินชัย และผู้เสียหายอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง ซึ่งนายสินชัยใช้สากไม้ตำน้ำพริกตีศีรษะ แล้วใช้มีดแทงผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่จะเดินทางไปทำงานที่โรงงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ส่วนคดีลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ผู้เสียหายจอดรถเสียบกุญแจทิ้งไว้ลืมเอาออก นายสินชัยเข้ามาขับขี่ออกไปจนกระทั่งผ่านด่านในพื้นที่ สภ.แม่จัน ถูกตรวจค้น ตำรวจพบว่ารถจักรยานยนต์ที่ขับขี่ถูกแจ้งหายไว้ที่ สภ.เวียงแก่น จึงควบคุมตัวดำเนินคดีแล้วเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำได้ไม่นาน
จากนั้นตนได้แจ้งตำรวจชุดสืบที่นั่งอยู่บ้านน้องบ๊อบบี้ ชุดสืบจึงได้เข้าไปล็อกตัวนายสินชัย และนำตัวส่ง สภ.เวียงเชียงรุ้ง คาดว่าตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค. 64 นายสินชัยอาจหลบหนีเข้าไปในป่า กระทั่งเมื่อวานนี้อาจหิวข้าวจึงแอบย่องเข้าบ้านเพื่อหาข้าวกิน
สำหรับนายสินชัย ตนก็พอทราบประวัติว่าเขาเคยไปก่อเหตุทำร้ายร่างกายเด็กมาก่อนที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย พอมาเกิดเหตุกับน้องบ๊อบบี้ ตนสันนิษฐานตั้งแต่แรกเลยว่าต้องเป็นนายสินชัยแน่นอน บวกกับวันที่น้องบ๊อบบี้หายตัวไป ส่วนใหญ่ชาวบ้านไปทำงานหมด มีแต่นายสินชัยที่อยู่บ้าน และบ้านนายสินชัยก็อยู่ใกล้กับบ้านน้องบ๊อบบี้อีกด้วย
ตนสังเกตนายสินชัยมาตลอดตั้งแต่บ๊อบบี้หายตัวไป วันที่ 16 ม.ค. วันที่บ๊อบบี้หายตัวไป นายสินชัยยังทำตัวปกติ แต่วันที่ 17 ม.ค. หลังจากมีชาวบ้านพบศพน้องบ๊อบบี้ ตนจะเห็นพิรุธนายสินชัยคือเขาจะเดินวนเวียนไปมาอยู่ในบ้าน
นายนู วงศ์เครือเพชร ลุงของบ๊อบบี้ กล่าวว่า ที่เห็นตนจะเข้าไปทำร้ายนายสินชัยขณะทำแผนนั้น เป็นเพราะตนรับไม่ได้ ที่ผู้ก่อเหตุมาทำร้ายหลานชายตนจนเสียชีวิต พูดตามตรง ตอนนั้นตนอยากจะเข้าไปต่อยนายสินชัยสัก 1 หมัด เพราะบ้านนายสินชัยกับบ้านน้องบ๊อบบี้ก็อยู่ไม่ไกลกัน ครอบครัวตนก็เคยช่วยเหลือนายสินชัยมาหลายอย่าง แต่นายสินชัยไม่เคยรู้บุญคุณครอบครัวตนเอง บ้านบ๊อบบี้กับบ้านสินชัยห่างกันแค่ 2 หลัง ตนก็ไม่นึกว่าเขาจะมาก่อเหตุกับหลานตนแบบนี้ ตนรับไม่ได้จริง ๆ ตนอยากให้ผู้ต้องหามาหาพวกตน อยากฟังจากปากเขาว่าสาเหตุที่ก่อเหตุกับบ๊อบบี้มาจากสาเหตุอะไร
ทั้งนี้ ตนไม่เชื่อที่นายสินชัยอ้างว่าน้องบ๊อบบี้ยิงหนังสติ๊กถูกเขาทำให้เขาไม่พอใจแล้วเขาจึงลงมือก่อเหตุ เพราะบ๊อบบี้ยังเป็นเด็กอยู่ เขายิงหนังสติ๊กไม่เป็น และตนก็อยากให้ทางญาติของนายสินชัยมาขอขมาศพ จากสภาพศพบ๊อบบี้ตนไม่เชื่อว่านายสินชัยพลั้งมือแน่นอน ส่วนตัวแล้วตนให้อภัยนายสินชัย และส่วนครอบครัวนายสินชัยตนก็ไม่ได้โกรธแค้นเขา ใครทำผิดคนนั้นก็รับโทษในสิ่งที่เขาทำไป
นายสุพล พี่ชายนายสินชัย ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยก่อนทำแผนประกอบคำรับสารภาพว่า ที่ผ่านมาตนก็ไม่รู้เรื่องว่าน้องบ๊อบบี้มาเล่นที่บ้านตน และมาก่อความวุ่นวายในบ้านจนทำให้น้องชายไม่พอใจ เนื่องจากตนไปทำงานอยู่แต่ในไร่ จึงไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้าน ล่าสุดที่น้องชายตนรับสารภาพว่าก่อเหตุทำร้ายน้องบ๊อบบี้จนเสียชีวิต ตนก็คิดว่าน้องชายทำเกินกว่าเหตุ อยากขอโทษครอบครัวน้องบ๊อบบี้แทนน้องชาย ตนไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ตนจะไม่ประกันตัวน้องชาย น้องชายทำอะไรไว้ ก็ให้ได้รับในสิ่งที่เขาทำ ตนไม่รู้สาเหตุที่น้องชายไปก่อเหตุ ตนก็รู้สึกรับไม่ได้ และไม่เคยเห็นน้องมีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน เมื่อคืนที่น้องชายกลับเข้ามาบ้าน และถูกตำรวจจับกุมได้ ตนก็ไม่ทันได้คุยกับน้องชาย ตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค. 64 เมื่อคืนนี้เวลา 22.00 น. เป็นวันแรกที่น้องชายกลับเข้าบ้าน
ขณะที่นายสุพล นางเยีย พี่ชายและแม่ของผู้ต้องหา มายืนรอพ่อน้องบ๊อบบี้ที่หน้าซอยทางเข้าบ้านเพื่อพูดคุย แต่พ่อน้องบ๊อบบี้ยังเดินทางไม่ถึงบ้าน นายสุพลร้องไห้และเปิดเผยว่า ตนเสียใจแทนน้องชาย ตนไม่รู้จะขอโทษครอบครัวน้องบ๊อบบี้ ส่วนข้อมูลที่ครอบครัวคนตายบอกว่าเขาไม่โกรธตนเองและแม่ตนเอง ตนก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น จากนั้น นายสุพลได้วิ่งเข้าไปกอดกับญาติที่หน้าบ้าน กอดคอกันร้องไห้ ทางด้านของครอบครัวผู้ต้องหายังไม่ทันขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต เนื่องจากได้มีอาการร้องไห้เสียใจจนเจ้าหน้าที่ปกครองของหมู่บ้านต้องนำตัวกลับมาพักผ่อนสงบสติอารมณ์ที่บ้านก่อน
ด้านนายทรงวุฒิ แปงเรือน พ่อของน้องบ๊อบบี้ เปิดเผยว่า ที่ตนไปดูการทำแผนฯวันนี้ เพราะตนอยากเจอหน้าผู้ต้องหาอยากเห็นว่าหน้าคนที่ฆ่าลูกชายเป็นอย่างไร แต่ตนก็ไม่เห็นหน้าเขา เนื่องจากเขาใส่หมวกกันน็อก ถ้าได้เข้าใกล้ผู้ต้องหาตนก็อยากจะเตะเขาสัก 2-3 ครั้ง ตนไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนที่ก่อเหตุจะเป็นคนที่อยู่บ้านใกล้กับตน ลูกชายตนไปทำอะไรผิด ส่วนที่เขาอ้างว่าไม่พอใจที่น้องบ๊อบบี้ไปสร้างความรำคาญให้เขาหลายอย่างนั้น ตนอยากถามเขาว่าแค่เด็กตัวเล็ก ๆ ถึงขั้นฆ่ากันขนาดนี้เลยหรือ ส่วนที่เขาอ้างว่าลูกชายยิงหนังสติ๊กไปโดนหน้าอก ตนคิดว่าไม่เป็นเรื่องจริง ลูกชายตนเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ เขายิงหนังสติ๊กไม่เป็น
วันนี้จับคนร้ายได้แล้ว ตนก็สบายใจขึ้น แต่ก็มีเสียใจตรงที่ตนไม่ได้เห็นหน้าคนร้าย ส่วนที่แม่และพี่ชายของนายสินชัยพยายามจะเข้ามาขอโทษตนถึงบ้านนั้น ถึงเขาจะขอโทษตน แต่ลูกชายตนก็ไม่ฟื้นคืนมาแล้ว ส่วนตัวแล้วตนไม่ต้องการให้คนอื่นมาขอโทษครอบครัวตน ตนอยากให้คนที่ทำผิดเป็นคนที่มาขอโทษตนด้วยตัวเอง และตนอยากให้นายสินชัยถูกประหารเสียชีวิต และตนก็ไม่รู้ว่าวิญญาณลูกชายจะให้อภัยเขาหรือไม่
นายหลี อาของน้องบ๊อบบี้ กล่าวว่า ตนตนยืนยันว่าที่ผ่านมา ตนและนายสินชัยไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน แค่เคยเจอหน้ากันผ่าน ๆ เท่านั้น วันที่น้องบ๊อบบี้หายตัวไป ตนก็ไม่ทันสังเกตว่าน้องบ๊อบบี้จะไปเล่นที่บ้านของนายสินชัยหรือไม่ แต่ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าบ๊อบบี้ชอบไปเล่นที่บ้านนายสินชัยจริง
ทั้งนี้ ตามที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าเคยพาบ๊อบบี้ไปยิงนกหลายครั้งนั้น ตนไม่เคยเห็นบ๊อบบี้ไปยิงนกกับนายสินชัยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนตัวแล้วตนเองคิดว่านายสินชัยเขาจิตไม่ปกติ เป็นคนเงียบ ๆ ชอบอยู่แต่ในบ้าน ในหมู่บ้านนายสินชัยก็ไม่มีเพื่อนอีกด้วย ในฐานะที่ตนเลี้ยงดูน้องบ๊อบบี้มาตั้งแต่เด็ก ตนเองรับไม่ได้ที่เขามาก่อเหตุกับหลานตนเกินกว่าเหตุ เขาใช้ไม้ฟืนและจอบตีทำร้ายหลานชายตนถึง 7 ครั้งจนตับแตก ตนอยากให้สินชัยรับโทษถึงขั้นประหารชีวิต ส่วนที่นายสินชัยอ้างว่าวันเกิดเหตุไปยิงนกกับน้องบ๊อบบี้ แล้วน้องบ๊อบบี้ยิงหนังสติ๊กจนโดนหน้าอกของเขา ยืนยันว่าไม่เป็นเรื่องจริง น้องบ๊อบบี้อายุแค่ 7 ขวบ ย่อมไม่มีแรงจะยิงหนังสติ๊ก และบ๊อบบี้ก็ยิงหนังสติ๊กไม่เป็น
นายณัฐพล นัยติ๊บ หรือ พ่อหลวงเกตุ เจ้าของเถียงนา กล่าวว่า หลังจากที่จับคนร้ายได้ ตนเองก็ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ช่วยให้คดีนี้คลี่คลาย ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยกังวลหรือกดดันที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย คนรอบข้างหรือชาวบ้านก็ไม่เคยมองว่าตนเป็นคนร้าย ไม่เคยซุบซิบนินทาตน ทุกคนรู้ดีว่าตนเป็นคนอย่างไร แต่ตนจะห่วงความรู้สึกของแม่ตนที่กลัวว่าตนเองจะถูกตำรวจจับกุมหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยถูกตำรวจนำตัวไปสอบถึงโรงพักมาก่อน รวมถึงก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่าน้องบ๊อบบี้จะมาจับปลาในบ่อน้ำตน จนตนต้องทำร้ายเด็กนั้น ยอมรับว่าประเด็นนี้อาจกระทบความรู้สึกตนอยู่บ้าง แต่ตอนนี้หลังจากจับคนร้ายได้แล้ว ทุกคนสบายใจขึ้น ซึ่งส่วนตัวแล้วตนก็มองว่าการกระทำของนายสินชัยเกินกว่าเหตุ ที่ทำกับเด็กแค่อายุ 7 ขวบ