ตำรวจช็อกปืนลั่นทะลุฝาเจาะหัวครูบรรจุใหม่ ญาติไม่เอาผิด เชื่อเพื่อนสนิทไม่ตั้งใจฆ่า (คลิป)

จากกรณีวันที่ 24 ม.ค. 64 ร.ต.อ.ชนาธิป โอ่งเครือบ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้รับแจ้งเวลา 20.00 น. ว่าเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส ภายในบ้านเลขที่ 18/2 หมู่ 1 ต.แหลมใหญ่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

ต่อมาเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 25 ม.ค. 64 ทราบว่าเป็นเหตุตำรวจทำปืนลั่นใส่ครูที่เป็นเพื่อนกันบาดเจ็บ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา นายตำรวจผู้ก่อเหตุจึงถูกแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ตรวจสอบซอยหมู่บ้านทรัพย์เจริญ ที่เกิดเหตุพบเป็นบ้าน 2 ชั้น ซึ่งด้านหน้าบ้านจะมีโต๊ะนั่ง ซึ่งเป็นโต๊ะที่ทางสิบตำรวจตรีณศรินทร์ ผู้ก่อเหตุ กับเพื่อนเจ้าของบ้านนั่งอยู่ ส่วนด้านในบ้านพบเป็นเก้าอี้ไม้โยก ที่ทางนายศุภณัฐ เอมโกษา ถูกยิง ซึ่งอยู่ห่างกันไม่มากนัก

นายสมศักดิ์ แจ่มแจ้ง อายุ 48 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เล่าว่า นายศุภณัฐ ผู้บาดเจ็บและสิบตำรวจตรีณศรินทร์ ผู้ก่อเหตุ ต่างมาหาลูกชายของตน ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนถาวรานุกูล เขตเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม

จังหวะที่ทั้ง 2 คนมานั่งคุยกันอยู่ที่หน้าบ้าน ขณะนั้นไม่ได้นั่งดื่มแอลกอฮอล์กันแต่อย่างใด ต่อมาเป็นเวลาประมาณ 19.00 น. ซึ่งตนรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานจึงขึ้นบ้านไปนอน

กระทั่งผ่านไปไม่กี่นาทีได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงรีบลงมาดู ก็พบนายศุภณัฐ ถูกยิงลงไปนอนที่พื้นเลือดโทรมกาย ถูกยิงด้วยปืนขนาด .38 เข้าที่บริเวณท้ายทอยกระสุนทะลุเบ้าตา ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้ง 1669 มาช่วยนำส่งโรงพยาบาล จากนั้นผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ทราบว่าทางผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตแล้ว

ซึ่งขณะนั้นสิบตำรวจตรีณศรินทร์ เกิดคุ้ม อายุ 24 ปี เป็นผู้บังคับหมู่ สถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำ สถานีตำรวจน้ำเกาะสมุย เพื่อนที่เป็นผู้ก่อเหตุยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนจึงควบคุมตัวพร้อมอาวุธปืนไปสอบสวนที่ สภ.เมืองสมุทรสงคราม

ที่วัดจุฬามณี ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม พบว่าที่ศาลากลางภายในวัด ได้มีญาติพี่น้อง พร้อมทั้งเพื่อนบ้านกำลังช่วยกันจัดสถานที่งานบำเพ็ญกุศลและการสวดอภิธรรม ของนายศุภณัฐ เอมโกษา อายุ 24 ปี ซึ่งจะมีการรับศพมาที่วัดในวันพรุ่งนี้เช้า

นายรุ่งโรจน์ สงวนงาม ตาของผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ตายกับผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนและเป็นญาติพี่น้องกัน ตนเป็นตาทางผู้ตาย ส่วนผู้ที่ก่อเหตุ ตนก็มีศักดิ์เป็นอา เรื่องที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ครอบครัวไม่เอาผิด และไม่ขอแจ้งความ เนื่องจากรู้จักและสนิทกันมาก เรื่องที่เกิดขึ้นมาจากอุบัติเหตุ ซึ่งก็ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ตนยอมรับว่าเห็นมาตั้งแต่เล็ก ๆ เป็นเพื่อนเล่นกันมา เรียนอยู่ที่เดียวกัน จนมีหน้าที่การงานกัน

ซึ่งทางหลานผู้เสียชีวิตตนเลี้ยงดูมาอย่างใกล้มาก ลักษณะนิสัยของหลานชายเป็นคนดีมาก เพิ่งจะเข้าทำงานบรรจุรับราชการครูได้ 1 ปีกว่า ส่วนหลานอีกคนที่ก่อเหตุได้รับราชการเป็นตำรวจ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับว่าเสียใจมาก และไม่ได้คิดโกรธแค้นหลานที่ก่อเหตุ เพราะทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ