เมื่อวันที่ 25 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปขออนุญาตแม่ของน้องน้ำเพชร เด็กในหมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในเด็กแก้งจำปา เพื่อพาไปทดสอบการจำลอง จับเวลาการเดินจากบ้านน้องชมพู่ ไปยัง กอไผ่หลังบ้านพ่อแบม โดยเริ่มต้นจับเวลาที่จุดหน้าบ้านน้องชมพู่
โดยระหว่างเริ่มต้นทดสอบ ต้องเดินผ่านไร่มันจุดที่พบรอยเท้า ซึ่งพบว่าวันนี้ด้วยความสูงของไร่มัน จึงทำให้การเดินผ่านค่อนข้างเป็นอุปสรรคสำหรับเด็ก แต่เมื่อผ่านจากไร่มันแล้ว ก็จะเดินทางสะดวก เพราะเป็นทางเรียบ ลัดเลาะไปตามสวนมันสำปะหลัง จากนั้นจะต้องเดินผ่านสวนมันสำปะหลังของผู้ช่วยจ่อย และนายหว่าง ซึ่งวันนี้มีการเก็บเกี่ยวแล้ว ทำให้มีเนินดิน และต่อของมันสำปะหลังโผล่ออกมาจากดิน ทำให้น้องน้ำเพชรเดินลำบาก
จากนั้นเมื่อเดินพ้นจากไร่มันสำปะหลังของนายหว่างแล้ว ก็จะเข้าสู่เขตพื้นที่สวนยางหลังบ้านพ่อแบม เดินอีกไม่ไกลก็พบกับกอไผ่ จุดที่พ่อแบมอ้างว่าเห็นชายปริศนาหายเข้าไป รวมระยะทางจากบ้านน้องชมพู่มายังกอไผ่ 220 เมตร ใช้ระยะเวลา 6.47 นาที ซึ่งตลอดทางมีทั้งวิ่งและเดินสลับกัน
น้องน้ำเพชร บอกว่า ตนรู้สึกเหนื่อย แต่ก็ไม่ถึงกับต้องหยุดพัก ส่วนปลาบเท้าที่โผล่ออกมาจากรองเท้า ไม่มีบาดแผลหรือรอยบาดจากหญ้า
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้ขออนุญาตแม่ของน้องน้ำเพชร เพื่อทดสอบว่าเด็กสามารถเข้าไปอยู่ในโพรงกอไผ่ได้หรือไม่ โดยทีมข่าวสังเกตว่าช่วงระยะแรกที่เริ่มเข้าไปภายในโพรงกอไผ่ น้องน้ำเพชรสามารถเดินเข้าไปได้โดยไม่ต้องย่อตัว แต่เมื่อถึงจุดด้านใน ด้วยความสูงของกอไผ่ไม่ถึง 1 เมตร น้องจึงต้องย่อตัวและนั่งลงกับพื้น ซึ่งน้องน้ำเพชรบอกความรู้สึกกับทีมข่าวว่า ตนไม่เคยเข้ามาเล่นในสถานที่ตรงนี้ หากเข้ามาเพียงลำพังก็จะเกิดความกลัว เนื่องจากเป็นทางมืดและมองไม่เห็นข้างนอก แล้วถ้าเป็นไปได้ก็จะตะโกนขอความช่วยเหลือโดยทันที
ทีมข่าวยังสังเกตเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับเด็กค่อนข้างตัวเล็ก หากนั่งอยู่กลางของโพรงกอไผ่ น้องจะนั่งอยู่บริเวณจุดกึ่งกลาง และยังมีพื้นที่เหลือรอบข้าง สามารถวางของหรือให้คนอื่นมาอยู่อาศัยด้วยได้อีกหลายคน
ทีมข่าวได้ทดสอบนำถังน้ำ น้ำหนัก 12 กิโลกรัม ยัดลงไปในกระสอบสีขาว เพื่อจะนำไปทดสอบจำลองยกขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟ เมื่อไปถึงบริเวณกอไผ่จุดที่พ่อแบมพบเห็นชายปริศนา ทีมข่าวใช้มือถือ เริ่มต้นจับเวลา ช่วงที่ผ่านมาเป็นฤดูฝนทำให้หญ้ารก ประกอบกับชาวบ้านไม่ค่อยใช้เส้นทาง เนื่องจากเป็นช่วงที่ไม่มีของป่าหรือเห็ด จึงทำให้ทางค่อนข้างรก แต่หลังจากพ้นจากเส้นทางดังกล่าวแล้ว ก็จะมีต้นหญ้าโตสลับกับไม้บนภูเหล็กไฟ
แต่เมื่อถึงจุดระยะ 150 เมตรแรก หลังจากที่ขึ้นตรงมาจากกอไผ่ จะมาเจอทางสามแยก ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่เชื่อมมาจากสวนมันหลังบ้านน้องชมพู่ เป็นจุดที่ทีมข่าวเคยใช้ขึ้นลงภูเหล็กไฟ และใช้ทดสอบจำลองเส้นทางในแต่ละครั้ง หากย้อนลงไปบริเวณจุดสามแยก ลงไปด้านล่างจะไปเจอกับแท็งก์น้ำ โดยจะใช้ระยะทางประมาณ 200 เมตร ดังนั้นหากขึ้นจากทางลัด ซึ่งเป็นหลังกอไผ่ จะร่นระยะทางได้ 50 เมตร
หลังจากผ่าน บริเวณสามแยกซึ่งเป็นจุดเชื่อมจากเส้นทางเดิม หรือเส้นทางเก่าที่เคยใช้ขึ้นลงจากบ้านน้องชมพู่ไปยังจุดพบศพ ก็จะกลับไปใช้เส้นทางเดิมที่เคยใช้ขึ้นลงเป็นประจำ และเป็นเส้นทางที่ทีมข่าวเคยขึ้นลงไม่ต่ำกว่า 15 ครั้ง โดยจะผ่านไปยังจุดต่าง ๆ ที่เป็นพักสำคัญ (พัก 1,2,3,4) หรือแม้แต่โขดหินสูงชัน ก็ยังเดินตามเส้นทางเก่าทั้งหมด
ดังนั้น จากจุดหลังกอไผ่บ้านพ่อแบม ไปยังจุดพบศพ จะเป็นลักษณะทางตรงมากที่สุด และใช้ระยะทางเพียง 1.5 กม. จากเดิมที่ทีมข่าวเคยทดสด หากใช้เส้นทางหลังบ้านน้องชมพู่ ผ่านบริเวณไร่มันสำปะหลัง จะมีระยะทาง 1.2 กม. ซึ่งรวมระยะเวลา 52.25 นาที โดยทีมข่าวได้แวะพัก 2 ครั้ง ที่พัก 1 และพัก 2 จุดละ 5 นาที
อย่างไรก็ดี ทีมข่าวย้อนเหตุการณ์จำลองเดินขึ้นเขาภุเหล็กไฟ เมื่อวันที่ 23 ก.ย.63 โดยเริ่มจากบ้านน้องชมพู่ ขาขึ้นไปทีมข่าวใช้เวลา 60 นาที ส่วนขาลงใช้เวล่เพียง 27.40 นาที รวมเวลา 1 ชม. 27 นาที 40 วินาที