จากกรณีวันที่ 25 ม.ค. 64 เวลา 23.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สามบ่อ ได้รับแจ้งเหตุ นายมนู ประสงค์ หรือ นัส อายุ 34 ปี ชาว ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ถูกยิงด้วยปืนลูกโม่ขนาด .38 เข้าที่บริเวณสะบักขวา 3 นัด ชายโครงขวา 1 นัด และนิ้วขวามีแผลอีก 1 แผล
จากการใช้มือปัดป้องกันกระสุนของนายปัญญา ยกรัตน์ หรือ โชค อายุ 56 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหรือเจ้านายของนายมนู ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่หน้าบ้านถนนชลทัศน์ บ่อหูด-พังเค็ม ต.วัดสน อ.ระโนด จ.สงขลา โดยเมื่อก่อเหตุแล้วนายปัญญาได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปพร้อมกับอาวุธปืน
เบื้องต้น ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบปลอกกระสุน 4 ปลอกตกอยู่ มีร่องรอยของการตั้งวงดื่มกินกันอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.สามบ่อ ได้ออกติดตามและจับกุมตัวนายปัญญาได้พร้อมพร้อมอาวุธปืน .38 ที่ใช้ก่อเหตุและกระสุนอีก 15 นัด ขณะขับรถจักรยานยนต์หลบหนี อยู่บนถนนสายบ่อโพธิ์ มุ่งหน้าไป อ.ระโนด ห่างจากบ้านตัวเองราว 2 กม.
จากการสอบสวนนายปัญญา เจ้าตัวยอมรับสารภาพว่า ตอนเกิดเหตุได้ตั้งวงดื่มเหล้าอยู่กับนายมนู และเพื่อนบ้านรวม 4 คน คนอื่นได้ทยอยกันกลับไป เหลือเพียงตนกับนายมนู ซึ่งระหว่างนั้นมีปากเสียงกับนายมนู ที่ขอเบิกเงินค่าแรงจำนวน 750 บาท โดยตนได้ให้ไปแค่ 300 บาท แต่นายมนูไม่ยอม และได้ขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านไปเอามีดพร้า ส่วนตนก็เข้าไปหยิบปืนมาพกติดตัวไว้ เพราะกลัวว่าจะถูกทำร้าย ด้วยอารมณ์โมโหและความมึนเมา ตนจึงได้ชักอาวุธปืนออกมากระหน่ำยิงนายมนู 4 นัด จนล้มลงกับพื้น เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากนั้น ตนได้ขับรถจักรยานยนต์ไปบอกนายยงยุทธ เทพแก้ว ซึ่งเป็นรองนายกเทศมนตรีตำบลบ่อตรุ ที่มีบ้านอยู่ใกล้ ๆ กัน ขอร้องให้ช่วยพานายมนูส่งโรงพยาบาล ก่อนที่ตนจะขับรถจักรยานยนต์พร้อมอาวุธปืนออกจากพื้นที่
เบื้องต้น ตำรวจได้ควบคุมตัวนายปัญญาดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นและพกพาปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร พร้อมคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน
ทีมข่าวได้เดินทางมายังบ้านหลังเกิดเหตุ พบว่าบ้านของผู้ตายอยู่ด้านหลังของบ้านผู้ก่อเหตุ ห่างกันเพียง 10 เมตร
นางสาวศิริพร ยกรัตน์ หรือ กุ้ง อายุ 27 ปี ภรรยาผู้ตาย เล่าว่า เมื่อคืนนี้เวลาประมาณ 20.00 น. ตนกำลังกล่อมลูกสาวนอนหลับ ส่วนสามีได้ออกไปตั้งวงดื่มสุรากับผู้ก่อเหตุ พร้อมบอกว่าจะไปพูดคุยขอเบิกเงินกับผู้ก่อเหตุ สักพักใหญ่ ในเวลาประมาณ 22.00 น. ตนก็ได้ยินเสียงทะเลาะโวยวายของสามีตนกับผู้ก่อเหตุดังขึ้น ขณะนั้นตนไม่ทันคิดว่าจะมีเหตุร้าย สามีของตนก็ได้เดินกลับมาที่บ้าน บอกกับตนว่า "จะไปบ้านเพื่อน" จากนั้นก็เกิดเหตุสลดขึ้น
ตนยอมรับว่าสามีของตนเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ที่นายปัญญากล่าวอ้างว่าสามีตนกลับมาเอาพร้าที่บ้านเพื่อจะไปทำร้ายนายปัญญานั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากสามีของตนพกพร้าอยู่ตลอดเวลา หากสามีของตนอยากทำร้ายนายปัญญา คงทำไปตั้งแต่แรกแล้ว ตนมีพยานมียืนยันได้ว่านายปัญญาซึ่งมีนิสัยขี้เมา เป็นฝ่ายยิงสามีของตน ทั้ง ๆ ที่สามีของตนไม่ได้ทำอะไร นอกจากนี้นายปัญญายังเคยเมาแล้วชวนทะเลาะกับสามีตนเมื่อปี 2559 สามีของตนเป็นเสาหลักของครอบครัว มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ตนมีลูกสาววัย 2 ขวบครึ่ง ต้องดูแล ตนอยากวอนขอเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับนายปัญญาให้ถึงที่สุด
ด้านแม่และครอบครัวผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความมึนเมา ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ที่ผู้ก่อเหตุกระทำลงไปเป็นเพียงการป้องกันตัวจากผู้ตายที่จะนำพร้ามาฟัน ซึ่งผู้ตายเคยต้องคดีลักทรัพย์ และเพิ่งมาขอทำงานกับผู้ก่อเหตุได้เพียง 2 วันเท่านั้น ทั้งนี้ ครอบครัวต้องการจะประกันตัวผู้ก่อเหตุ น่าจะต้องใช้วงเงินในการประกันตัวผู้ก่อเหตุสูงถึง 500,000 บาท โดยทางครอบครัวกำลังรวบรวมทรัพย์สิน จากนี้คาดว่าน่าจะมีการพูดคุยกับครอบครัวผู้ตายว่าจะตกลงเยียวยากันอย่างไรได้บ้าง
Advertisement