เมื่อวันที่ 26 ม.ค.64 เวลา 08.30 น. ร.ต.อ.อภิวัฒน์ พวกอินแสง รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ตลาดพลู รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตจากการรมควันในรถยนต์ บริเวณใต้บีอาร์ที (BRT) ราชพฤกษ์ (ตลาดพลู) จึงประสานแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งไปตรวจสอบ
โดยที่เกิดเหตุบริเวณ BRT ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร พบรถยนต์ฮอนด้า BRIO สีขาว ทะเบียน ญส 7109 กทม. จอดอยู่บนทางเท้า ด้านในรถพบเตาถ่าน จุดแล้วเหลือแต่ขี้เถ้าอยู่บริเวณเบาะข้างคนขับ ส่วนฝั่งคนขับพบร่างชาย 1 ราย ลักษณะนอนเอนเบาะไปข้างหลัง บนตักมีกรอบรูปวางอยู่ สวมใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ขาสามส่วน
ทั้งนี้ทราบชื่อในเวลาต่อมา นายกฤติกร มีมังคละ อายุ 39 ปี ภูมิเลาเนาตามบัตรประชาชน แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ ขณะที่ทรัพย์สินส่วนตัวพบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง กระเป๋าคาดเอวสีดำ และเงินเหรียญจำนวน 20 กว่าบาท เบื้องต้นมูลนิธิป่อเต็กตึ้งนำส่ง นิติเวช รพ.ศิริราช เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง ก่อนจะให้ญาติมาติดต่อขอรับร่างกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณสถานี BRT ราชพฤกษ์ พบกับนางสิทธิสา มาตมงคล อายุ 54 ปี พนักงานทำความสะอาด เขตธนบุรี กทม. ซึ่งเป็นคนแรกที่พบเหตุการณ์ เล่าว่า ปกติจะมาทำความสะอาดในย่านนี้ช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. แต่ไม่ได้สังเกตเพราะยังมืดอยู่ ต่อมาเวลาประมาณ 06.00 น. ก็พบรถคันดังกล่าวจอดอยู่บนฟุตพาท มีผ้าห่มสีชมพูปิดอยู่ด้านในกระจกรถด้านหน้า แต่ก็คิดว่าคนเมาจอดรถนอนเดี๋ยวก็คงไป
กระทั่งเวลา 08.00 น. ตนเริ่มส่งสัยว่าทำไมรถคันนี้จอดบนฟุตพาทนานจัง ปกติรถที่จะมาจอดตรงนี้จะไม่จอดบนฟุตพาทกัน เพราะเทศกิจจับปรับ ตนเลยสงสัยและจะเดินไปบอกว่าให้ขยับไปจอดริมถนนอีกฝั่ง เพราะว่าเทศกิจผ่านมาเห็นจะปรับ ปรากฏเดินไปถึงที่รถและได้ส่องดูด้านในรถ ก็พบมีเต่าถ่านใบเล็กอยู่ในรถ ตนเรียกเพื่อนที่ขายพวงมาลัยมาช่วยกันเคาะเรียก และช่วยกันเขย่ารถ แต่ไม่มีสัญญาณตอบกลับจากคนในรถ จึงให้ลูกชายช่วยโทรแจ้งตำรวจ จึงรู้ว่าคนในรถเสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ตนไม่ตกใจเท่าไร เพราะชินกับเรื่องคนเป็นคนตายอยู่ แต่ก็งงว่ายังหนุ่มยังแน่นทำไมถึงตัดสินใจแบบนี้ เห็นในรูปถ่ายนั้นมีรูปลูกด้วย ยังเล็กอยู่เลย
ด้านน.ส.องุ่น (สงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 55 ปี แม่ค้าขายพวงมาลัย ผู้เห็นเหตุการณ์คนถัดมา เล่าว่า ตนขายพวงมาลัยในย่านนี้ประจำ และคุ้นรถคันนี้ เคยเห็นมาจอดในย่านนี้ 2-3 ครั้ง แต่จะจอดข้างถนนฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นที่ให้จอดได้ แต่วันนี้ก็ยังงง ว่าทำไมมาจอดตรงฟุตพาท ทำไมไม่ไปสักที สงสัยจะเมา จนป้าทำความสะอาดมาบอก ตนก็เดินไปดู
เมื่อเห็นมีเตาถ่านในรถ จึงบอกกันว่าให้แจ้งความได้เลย คนในรถน่าจะรมควันตายแล้วแน่ ๆ เห็นแล้วก็ตกใจมาก อายุยังน้อยไม่น่าทำแบบนี้ ตนก็หาเช้ากินค่ำ วันไหนขายไม่ได้มีเครียดแต่ก็ยังสู้ เหลือกลับบ้านทุกวันก็สู้ จึงอยากบอกประชาชนทุกคนว่า ก็ต่อสู้ไปช่วงนี้ก็ดูแลตัวเองให้ดี
นายกฤติกร โพสต์เฟซบุ๊กวันที่ 25 เวลา 21.06 น. ระบุว่า "อโหสิกรรมให้ด้วยนะเพื่อน ๆ ๆ"
วันที่ 25 ม.ค.64 เวลา 19.43 โพสต์ภาพลูกชาย พร้อมข้อความระบุว่า "ชอบไหมครับของขวัญวันเกิด พ่อรัก MJ นะ"
วันที่ 25 ม.ค.64 เวลา 16.10 โพสต์ภาพลูกชาย พร้อมข้อความระบุว่า "เก็บช่วงเวลาที่ดีที่สุด คงไม่ได้มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว พ่อรัก MJ นะ"
วันที่ 23 ม.ค.64 เวลา 10.15 น. โพสต์ข้อความระบุว่า "กีดกันไม่ให้เจอลูก ไม่ให้เอาลูกมาเลี้ยงให้ฟ้องศาล แต่วันนี้เจ็บที่สุด ไม่เลี้ยงลูกเองฝากคนอื่นเลี้ยง แต่ตัวเองไปหาแฟนใหม่ กูเจ็บจริง ๆ มึงไม่เลี้ยงเอามาให้กูเลี้ยงเอง มึงจะไปไหนก็เรื่องของมึง เรื่องอื่นกูยอมตลอด รู้ว่าโดนหลอกเรื่องผู้ชาย แต่เรื่องลูกมึงไม่ว่างเลี้ยงเอามาให้กูก็ได้ปะ"
นางจันทรา (นามสมมติ) แม่ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ที่ผ่านมาก่อนหน้าที่ลูกชายจะมีภรรยาคนนี้ ลูกชายเคยพยายามก่อเหตุฆ่าตัวตายถึง 2 ครั้ง คือกระโดดลงจากตึกชั้น 2 และกินยาจะฆ่าตัวตาย แต่ครอบครัวช่วยไว้ได้ทัน ซึ่งที่ผ่านมาตนพยายามสอนและเตือนลูกว่าการฆ่าตัวตายเป็นบาป แต่ลูกชายไม่เคยฟัง ชอบตัดบท ตัดพ้อว่า “แม่จะไม่ได้เห็นแปะอีกแล้ว” และก็จะตัดสายทิ้งไป จึงคิดว่าการก่อเหตุฆ่าตัวตายของลูกชายวันนี้คงเตรียมการมานายแล้ว เพราะมีการโพสต์เฟซบุ๊กบอกลาเพื่อน ตั้งแต่เมื่อวานนี้
ทั้งนี้ที่ผ่านมาลูกชายมักจะมีอาการเครียด ทั้งเรื่องของครอบครัวและปัญหาการเงิน เพราะตกงานตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาดรอบแรก เนื่องจากลูกชายทำงานในผับบาร์ ซึ่งถูกรัฐบาลสั่งปิดถึง 2 รอบ หลังจากนั้นลูกชายไม่ได้หางานอื่นทำ และไม่รู้จะไปทำอะไร
นอกจากนี้ ตนจึงพยายามช่วยเหลือลูก ด้วยการส่งข้าวส่งอาหารให้ลูกเป็นประจำ และพยายามแนะนำให้ลูกหางานอื่นทำในระหว่างที่ผับปิดอยู่ เพราะลูกชายมีภาระทั้งผ่อนรถยนต์ ผ่อนคอนโดฯ และผ่อนรถจักรยานยนต์ ซึ่งล่าสุดก็ค้างค่างวดรถคันละประมาณ 5 เดือน ส่วนคอนโดฯ ก็ปล่อยยึด
ขณะที่ น.ส.ทาริดา (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต บอกว่า ตนกับสามีคบกันมาเกือบจะ 5 ปี แล้ว แต่มีปัญหาช่วง 2 ปีหลัง โดยระหองระแหงกัน จึงตัดสินใจว่าจะหย่ากัน จนเมื่อวานนี้ (25 ม.ค.64) เป็นวันเกิดลูกชาย ตนจึงนัดสามีไปทานข้าวในวันเกิดลูกชายครบอายุ 3 ขวบ โดยสามีซื้อเค้กให้ลูก และไปกินปิ้งย่างกัน อยู่ที่ศูนย์การค้าจนถึงเวลา 20.30 น. ก็กลับบ้านแม่ย่านท่าพระ และเป่าเค้กกันที่บ้าน
จากนั้นสามีก็บอกลูกว่า “พ่อไปแล้วนะ” ก่อนจะสวัสดีและบอกกับแม่แม่ยายว่า “เดี๋ยวไม่ได้มาหาบ่อย ๆ แล้วนะ” เท่านี้ก็แยกย้ายกัน จากนั้นสามี ก็คืนคีย์การ์ดให้ตน เพราะขณะนั้นตนก็คิดว่าหมดหน้าที่แล้ว จบกันแล้ว และเป็นไปตามที่สัญญากันไว้ แต่ก็คุยกันว่ายังสามารถมาเจอลูกได้ ขอแค่ให้บอกกันก่อนล่วงหน้า
ต่อมาน้องสาวตนได้เดินไปซื้อของที่ 7-11 และมาบอกตนว่าเห็นรถพ่อของลูกยังจอดอยู่หน้าบ้าน ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะมักจะจอดรถนอนแบบนี้เป็นประจำเวลามาหาลูกที่บ้านแม่ ประกอบกับตนคิดว่าถ้าพ่อของลูกจะฆ่าตัวตายคงทำไปนานแล้ว ซึ่งก็ช็อกมากไม่รู้ว่าเขาจะทำจริง ๆ อีกอย่างที่ผ่านมาทุกคนในครอบครัวพยามช่วยกันกล่อม ทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เขากลับไปมีความคิดฆ่าตัวตาย
ก่อนหน้า 1 สัปดาห์ สามีได้ไลน์มา พร้อมส่งรูปให้ว่า "ถ้าเขาตายให้เอารูปนี้ขึ้นหน้าศพ" ตนได้ต่อว่าและด่าว "มึงเป็นอะไร" แต่ไม่ได้ร้องไห้ หรือห้ามเหมือนที่ผ่านมา เช่น เวลาที่พ่อของลูกบอกจะไปฆ่าตัวตาย ตนจะร้องขอว่าถ้าไปจะอยู่อย่างไร จะปล่อยให้เขาเลี้ยงลูกคนเดียวอย่างนั้นเหรอ แม้แต่ก่อนที่ตนจะตัดสินใจเลิกกัน ตนก็ยังห้ามปรามว่าห้ามพูดว่าจะไปตาย แต่ล่าสุดอย่างที่บอกคือไม่ห้ามแล้ว เพราะห้ามไปมากมายแต่ไม่เคยฟังกันเลย
ทั้งนี้ตนอยากบอกว่า ตนกับผู้เสียชีวิตเป็นแค่อดีตคนรักกัน มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย จนเกินความอดทน เนื่องด้วยหน้าที่การงานที่ตนทำนั้นเป็นงานกลางคืน จึงทำให้เกิดการหึงหวงกันมาตลอด เวลาตนพูดอะไรไปพ่อของลูกก็มักจะไม่เชื่อใจ แต่พอตนไม่พูดก็กล่าวหาว่าตนยอมรับ หาว่ามีความผิด ทั้งที่มีลูกด้วยกันแทนที่จะเข้าใจกัน ซึ่งวันที่ตัดสินใจเลิก ตนก็ยังบอกว่าก็ยังอยู่ในฐานะพ่อของลูกยังได้ ซึ่งตนก็ยังอนุญาตให้มาหาลูกตลอด