ระบบออนไลน์ทั่วโลกปั่นป่วน หลังเกิดการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์มากกว่า 57,000 ครั้งใน 99 ประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยฝีมือของเหล่าแฮ็คเกอร์นิรนามที่ยังไม่ทราบสัญชาติ
การโจมตีไซเบอร์ครั้งนี้ส่งผลให้ แฟ้มข้อมูลผู้ป่วย ระบบบันทึกเบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลนับสิบแห่งในอังกฤษ ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ ทำให้แพทย์และพยาบาลในเมืองผู้ดีประสบความวุ่นวายในการทำงาน
การโจมตีของเหล่าแฮ็คเกอร์ในครั้งนี้ ยังเกิดขึ้นกับระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานราชการและบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ในรัสเซีย ยูเครน ไต้หวัน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ รวมถึงบริษัทรับส่งพัสดุระหว่างประเทศชื่อดังของสหรัฐฯอย่าง “FedEx” ด้วย
รายงานข่าวระบุว่า การโจมตีระลอกล่าสุดเปิดฉากขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ (12 พ.ค.) โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งยังไม่ทราบตัวตนและจุดมุ่งหมาย ได้ปล่อยไวรัสคอมพิวเตอร์หลายรูปแบบที่แฝงตัวมากับประกาศรับสมัครงานทางอินเตอร์เน็ต ใบเสร็จเรียกเก็บเงินออนไลน์ ประกาศเตือนให้อัพเดตระบบคอมพิวเตอร์ รวมไปถึง การปล่อยไวรัสเพื่อขโมยหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลในอินเตอร์เน็ต และการปล่อย“แรนซั่มแวร์” เรียกค่าไถ่ระหว่าง 300 -600 ดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยระหว่าง 10,400 บาท ถึง 20,800 บาท) เพื่อแลกกับการปลดล็อกแฟ้มข้อมูลในโลกออนไลน์
ล่าสุด รัฐบาลสหรัฐฯ โดยสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ได้รับคำสั่งให้เปิดการสืบสวนการโจมตีในครั้งนี้ ซึ่งในเบื้องต้นเอฟบีไอ สันนิษฐานว่า อาจเป็นการโจมตีของเหล่าแฮ็คเกอร์ที่ทำงานให้กับรัฐบาลจีนหรือเกาหลีเหนือ
คลิปวิดีโอ ขอบคุณ
RT America