กรณีนายกรภัทร พรของแม่ อายุ 33 ปี อาชีพครูปฐมวัย โพสต์โชว์ “ทองนพคุณ” ที่ร่อนได้ในคลองชลประทาน หมู่ 4 อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังสนามกอล์ฟดอนแจง ใกล้คอกม้า พร้อมได้นำทองที่ร่อนได้ ไปตรวจสอบกับทางร้านทอง ซึ่งระบุเป็นทองจริง ยิ่งสร้างความแตกตื่น จนทำให้ชาวบ้านหลังทราบข่าว ต่างพาอุปกรณ์มาร่อนทองกันเป็นจำนวนมาก
กระทั่งทางภาครัฐต้องลงมาตรวจสอบ พร้อมสั่งปิดพื้นที่บริเวณคลองชลประทาน หลังสนามกอล์ฟดอนแจง เพื่อห้ามไม่ให้ชาวบ้านมาร่อนทอง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเข้าข่ายกระทำความผิด พ.ร.บ.แร่ ดังมีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 27 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่บริเวณคลองชลประทาน ดอนแจง พบว่ามีการใช้เชือกกั้นพื้นที่โดยรอบ ห้ามชาวบ้านเข้ามาร่อนทองตามคำสั่งของทางจังหวัด โดยจากการสังเกตในวันนี้ไม่พบชาวบ้านเข้ามาในพื้นที่ มีเจ้าหน้าที่จาก อบต.ดอนตะโก นั่งเฝ้าสังเกตการณ์
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยังตลาดนัดแห่งหนึ่งในเมืองราชบุรี ได้พูดคุยกับนายสุรสิทธิ์ ผลพัฒนาสกุลชัย อายุ 39 ปี เพื่อนนายกรภัทร กล่าวว่า นายกรภัทร เคยเป็นลูกค้าของร้านตน ภายหลังสนิทกันจนเมื่อต้นปีที่แล้วหลังโควิด-19 ระบาดรอบแรก นายกรภัทรได้มาขอแบ่งที่เพื่อขายของด้วย โดยนายกรภัทรนำอัญมณี ลักษณะเป็นเพชรและพลอยมาขาย อ้างว่าบางชิ้นไปขุดมาจากเหมือง บางชิ้นก็รับต่อมา ระบุว่าเป็นของแท้ ขายในราคาหลักร้อยบาท ซึ่งแรก ๆ ตนก็ยังเชื่อ แต่เมื่อรู้จักกันนาน ๆ ไปเริ่มไม่แน่ใจ
โดยเรื่องที่ร่อนทอง ตนเห็นตามข่าว และนายกรถัทร ก็ทักมาบอกว่าเจอทองมา ได้ไปออกรายการข่าว มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ ตนไม่ได้ถามรายละเอียดว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และไม่กล้ายืนยันเพราะไม่เห็นกับตา ที่ผ่านมานายกรภัทร เป็นคนที่ชอบตามหาสมบัติ มักจะพูดว่าจ้างคนไปขุดเพชรมา หรือชี้เป้าว่ามีแหล่งแร่ที่ไหนบ้าง นอกจากนี้นายกรภัทร มักชอบสิ่งของที่แวววาว มักจะชอบเอาไฟฉายส่องให้เป็นประกาย ตนเพิ่งมารู้ตามข่าวว่านายกรภัทรเป็นครู เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวดูว่างงาน ไม่เคยบอกว่ารับสอนตามบ้านนักเรียน
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนางแตง (นามสมมติ) แม่ค้าขายพระเครื่อง กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่านายกรภัทรร่อนทองได้จริง เพราะที่ผ่านมาอีกฝ่ายมักจะพูดเกินความจริง ทั้งอ้างว่าเคยไปขายเพชรที่ดูไบ ที่บ้านมีฐานะมาก พ่อให้ออกมาใช้ชีวิตเฉย ๆ ตนเห็นพระเครื่องที่หญิงสาวรายหนึ่งพบในคลอง จำได้ว่าเป็นของร้านตนถึง 4 ชิ้น ทั้งพระหูยาน พระปิดตา 2 องค์ และเหรียญ 5 พี่น้อง ซึ่งทั้งหมดนายกรภัทร ซื้อจากร้านตนในราคาหลักร้อยตั้งแต่ปีที่แล้ว
ส่วนชิ้นอื่น ๆ ก็น่าจะเป็นของนายกรภัทรเอง ทั้งเงินโบราณ และเหรียญที่เป็นรู เพราะนายกรภัทร ชอบสะสมของเก่า ส่วนตัวมองว่านายกรภัทร น่าจะนำเหรียญและพระเหล่านี้ไปโยนทิ้งไว้ในคลอง แล้วชี้ให้คนไปหาจนเจอ ซึ่งหากถามคนในตลาดส่วนใหญ่ไม่มีใครเชื่อ แต่ก็ไม่มีใครอยากพูดเพราะสงสาร ไม่อยากให้ถูกจับหรือโดนคดี คิดว่าอีกฝ่ายแค่เป็นคนที่ชอบพูดเกินความเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้รับภาพจากเฟซบุ๊กนายกรภัทร ซึ่งเคยโพสต์ภาพพระเก่า และเงินโบราณลักษณะคล้ายที่พบในคลองชลประทาน
จากนั้นทีมข่าวได้พบกับนายกรภัทร พรของแม่ ครูที่พบทองคนแรก โดยนายกรภัทร ร้องไห้อย่างหนัก พร้อมนั่งลงกับพื้นและพยายามจะใช้ศีรษะโขกกับพื้น กล่าวขอโทษบอกว่าอยากตาย ซึ่งทีมข่าวได้ปลอบให้ใจเย็น ๆ
นายกรภัทร กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนกุเรื่องทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์เริ่มจากตนไปพบทองรูปจี้กระต่ายในคลองชลประทาน และจึงนำมาล้างน้ำ แล้วพบว่ามีเศษทองออกมา จึงเก็บเอาไว้ จากนั้นได้ไปซื้อพระเครื่องและเหรียญโบราณที่ตลาดนัด แล้วนำไปโปรยไว้ในคลอง และโพสต์ลงเฟซบุ๊กว่ามีทองในคลองชลประทานดังกล่าว ซึ่งตนทำไป เพราะอยากให้ชาวบ้านมีรายได้ ไม่ได้อยากดัง และไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต
โดยนายกรภัทร ยกมือไหว้ พร้อมกล่าวขอโทษทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวบ้านทุกคนที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ตอนนี้ตนเครียดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และก่อนหน้านี้ก็มีสายปริศนาโทรศัพท์มาข่มขู่ตนว่า จะมาทำร้ายตน ซึ่งตนไม่รู้ว่าเป็นใครและไม่รู้วัตถุประสงค์ ทำให้ตอนนี้กลัวมาก คิดถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนราคาแพง และตนยืนยันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.นันท์มนัส แซ่จิว อายุ 21 ปี ผู้ที่ร่อนทองได้เศษชิ้นส่วนเล็ก ๆ คล้ายทอง, พระหูยาน, พระปิดตา 2 องค์, เหรียญ 5 พี่น้อง และโลหะรูปร่างยาวประมาณ 4 เซนติเมตร มีรูตรงกลาง คล้ายเงินโบราณ ซึ่งบางชิ้นมีรูปร่างคล้ายกับภาพที่นายกรภัทร โพสต์ในเฟซบุ๊ก และมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการซื้อไปโยนทิ้งไว้
น.ส.นันท์มนัส กล่าวว่า ตนยังไม่ได้นำทองที่ได้ไปตรวจ เพราะคิดว่าน่าจะยุ่งยากหากไปตรวจเอง แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ม.ค.64) นายกรภัทร ครูที่พบทองคนแรกได้นำเครื่องมือมาตรวจเศษทรายก้นกระทะที่ตนเก็บมาจากคลอง โดยวิธีการนำทรายไปตากให้แห้ง แล้วนำน้ำในปรอทหยดลงไป ก่อนร่อน แล้วนำมาลนไฟ จากนั้นนำไปแช่น้ำ ซึ่งก็ได้ก้อนเล็ก ๆ ลักษณะคล้ายทองคำออกมา ตนจึงเชื่อว่าในคลองดังกล่าวมีทองจริง โดยวันที่ตนร่อนทอง ครูกรภัทร ได้ชี้จุดและตักดินขึ้นมาให้ตน 1 ก่อน เมื่อลองร่อนดูก็พบพระหูยาน จากนั้นตนก็ลองร่อนในบริเวณดังกล่าวอีกก็เจอชิ้นอื่น ๆ