กรณีนายไชย์พล วิภา ลุงเขยของน้องชมพู่ ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าน้องชมพู่ ได้แสดงอาการคุกคามสื่อมวลชน จนเกิดเป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลุงพลหลังจากที่ถูกนำเข้าเครื่องจับเท็จ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 28 ม.ค. 64 เวลา 09.45 น. เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดมุกดาหาร ได้นำป้ายประกาศแปลงตรวจยึดมาติดบริเวณพื้นที่มีการสร้างรูปปั้นพญานาคปู่ปาริจิตนาคราช ซึ่งทันทีที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้มาถึง ก็ได้ขออนุญาตลุงพลเพื่อปักป้าย โดยลุงพลที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม และเข้ามาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี รวมถึงชี้จุดแนะเจ้าหน้าที่ปักป้ายตรงหน้ารูปปั้นพญานาคเพื่อจะได้เห็นอย่างชัดเจน
โดยเนื้อหาป้ายประกาศ ระบุว่า พื้นที่ตรวจยึดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงภูพาน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑๒๗ (พ.ศ.๒๕๒๘) ท้องที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร อาศัยตามมาตรา ๒๕ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งญาติ พ.ศ.๒๕๐๗ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติให้ผู้กระทำผิดพร้อมบริวารออกหรืองดเว้นการกระทำใด ๆ ในพื้นที่ตรวจยึด
ขณะเดียวกันที่บริเวณศาลเจ้าแม่โสรภี ข้าง ๆ รูปปั้นพญานาค ก็มีผู้ที่ยังมีผู้ที่มีจิตศรัทธา เดินทางมากราบไหว้ท่อนไม้ ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านแต่งกายด้วยชุดพื้นที่บ้านของชาวภูไท เตรียมรำแก้บนถวายแด่เจ้าแม่โสรภี ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลทราบว่า ผู้จ้างคณะกลองยาวเป็นชาวว อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ซึ่งได้ลาภจาการบนบานเป็นเงินกว่า 1 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม บริเวณที่ตั้งเจ้าแม่โสรภีนั้น ก็เป็นพื้นที่เดียวกันกับรูปปั้นพญานาค ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดประกาศห้ามใช้งานพื้นที่ และกระทำการใด ๆ แต่ก็ยังมีผู้มีจิตศรัทธาเข้ามากราบไหว้ และรำแก้บนอยู่
เวลา 11.00 น. ที่บ้านลุงพล หมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ได้จัดแถลงข่าว โดยมีนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล และนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น และทนายสมเกียรติ โรจนะวรกมล ได้ตอบข้อสงสัยของผู้สื่อข่าว
ทนายสมเกียรติ เปิดเผยว่า ซึ่งเป็นทนายจาก จ.สกลนคร มาอำนวยความสะดวกทางด้านกฎหมายให้ลุงพล เพราะทนายษิทราและทนายรัชพลอยู่ไกลจากพื้นที่ ตนจึงเข้ามารับหน้าที่เพื่อความสะดวก ไม่ใช่ทีมงานของทนายคนไหน ซึ่งตนอยากขอความเป็นธรรมให้ลุงพลก่อน เพราะตอนนี้ศาลไซเบอร์ได้ตัดสินไปแล้วว่าลุงพลผิดทั้งที่ยังไม่มีหลักฐาน จึงอยากฝากให้ประชาชนที่เสพสื่อช่วยพิจารณา และให้ความเป็นธรรมกับลุงพลด้วย เพราะตอนนี้เขาคือผู้บริสุทธิ์
สำหรับข้อหาที่ลุงพลถูกแจ้งมี 2 ข้อหา คือกระทำผิดใน พ.ร.บ.ป่าไม้และ พ.ร.บ.ป่าสงวน ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็ต้องหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์ว่าลุงพลบุกรุกป่าหรือไม่ ซึ่งก็ปฏิเสธข้อกล่าวหาตามสิทธิ์ ส่วนเรื่องเงินบริจาคการสร้างพญานาคนั้น ถ้าไม่ทำตามวัตถุประสงค์ก็ต้องคืน และถ้าผู้บริจาคต้องการมอบให้ ก็เป็นสิทธิ์ของลุงพล เพราะสิ่งที่ลุงพลทำนั้นทำไปตามวัตถุประสงค์และทำไปแล้ว แต่อาจจะบกพร่อง ก็ต้องยอมรับ ซึ่งการกระทำทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตนา
ขณะเดียวกัน ลุงพล กล่าวว่า จะเป็นการรุกป่าสงวนหรือไม่และต่อสู้คดีอย่างไรนั้น ตนก็ต้องรอให้ทนายและฝ่ายกฎหมายเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนจะถูกรังแกหรือไม่ ก็แล้วแต่มุมมอง แต่ตนทำไปเพื่อให้เป็นประโยชน์ สร้างสถานที่ท่องเที่ยวให้แก่มุกดาหาร และสำหรับที่ดิน 2 งาน 13 ตารางวา ที่สร้างนั้นพญานาค เป็นการซื้อขายหรือให้โดยเสน่หาก็ต้องไปถามเจ้าของที่เดิม เพราะคิดว่าคงเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเป็นการซื้อขาย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกเสียดายเงินหรือไม่ที่สร้างพญานาคไม่เสร็จ ลุงพลตอบว่า "มันไม่ใช่เงินผม เป็นเงินที่แฟนคลับโอนมาให้สร้าง และคิดว่าเขาจะเข้าใจ" ซึ่งตอนนี้ใช้เงินไปประมาณ 6 แสนบาทในการสร้าง ซึ่งเป็นการจ่ายให้ช่างไป 4 แสนบาท ส่วนเงินที่เหลือยังอยู่ในบัญชี แต่ขอสงวนว่ามีเงินในบัญชีเท่าไร ในส่วนของการปักป้ายยึดพื้นที่นั้น ตนดีใจที่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและปักป้าย เพราะจะทำให้พื้นที่ต่าง ๆ มีความถูกต้องเสียที
สุดท้ายตนต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจกับลุงพลและป้าแต๋น การดูข่าวต้องพิจารณาว่าจริงเท็จแค่ไหน ถ้าอยากรู้ความจริงมันจะอยู่ที่ตนและป่าแต๋น ถ้าได้คุยและรับฟังก็เชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจ และขอให้สื่อมวลชนทำงานแบบมีคุณภาพต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวสังเกตว่าวันนี้ลุงพลดูเรียบนิ่ง และพูดค่อนข้างน้อย บางคำถามก็เลี่ยงที่จะตอบ โดยมีทนายความคอยกระซิบคำตอบอยู่เป็นช่วง ๆ สุดท้าย จะมีการทุบรูปปั้นพญานาคหรือไม่ จะต้องมีคำสั่งจากศาล
ทั้งนี้ทีมข่าวย้อนบทสัมภาษณ์ของวันที่ 23 ม.ค.64 ลงพื้นที่บ้านพ่อของลุงพล ที่หมู่วังเยี่ยม อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ไปพูดคุยกับ นายผ่อง วิภา พ่อของลุงพล เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนทราบข่าวมรสุมของลุงพล ในฐานะผู้เป็นพ่อตนก็รู้สึกเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนก็ยังไม่ได้คุยกับลูกชายเลย เพราะตนไปอยู่ที่บ้านลุงพลตั้งแต่ช่วงที่เขาเอาไม้ตะเคียนขึ้นจากน้ำใหม่ ๆ หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่บ้านและไม่ไปนานแล้ว
ทั้งนี้ยอมรับว่ารู้สึกว่าเป็นห่วงลุงพล เพราะเขาเป็นคนใจร้อน ซึ่งตนก็อยากบอกให้เข้าใจเย็น ๆมากกว่านี้ ใครพูดอะไรก็อย่าตอบโต้ ค่อย ๆ ฟังไปเรื่อย ๆ เพราะตอนนี้ลุงพลก็รับภาระหลายอย่างทั้งการสร้างศาลาวัดและสร้างรูปปั้นพญานาค ตนก็มีความกังวลว่าพญานาคนั้นจะสร้างไม่เสร็จ เพราะปัญหารุมเร้ามามากเหลือเกิน
สำหรับบริเวณที่ดินที่สร้างพญานาคนั้น เป็นที่ดินผืนเดียวกันกับที่ดินบ้านของลุงพล ซึ่งลุงพลได้ซื้อไว้หลายปีแล้ว ช่วงที่ลูกชายกลับจากทำงานที่กรุงเทพฯ และไปอยู่หมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร โดยตอนนั้นลุงพลก็ได้มายืมเงินจากพ่อแม่และเครือญาติไปซื้อ แต่ตนก็จำไม่ได้ว่าราคาเท่าไร
ขณะที่ลุงพล ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 27 ม.ค.64 ที่ผ่านมา เรื่องการขออนุญาตนั้น ก่อนสร้างได้ประสานแขวงการทางหลวง ปรึกษาเรื่องระยะห่างจากถนน ซึ่งกรมทางหลวงบอกว่าสร้างได้ แต่ไม่ได้ขอกรมป่าไม้ เพราะที่ดินนี้ได้รับเอกสิทธิ์จากครูที่เคารพนับถือ จึงได้ได้จ่ายค่าสินน้ำใจให้เพราะรับของฟรีไม่ได้ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การซื้อขาย ซึ่งเพิ่งเข้าไปคุยกับทางกรมป่าไม้ภายหลังเกิดเรื่อง ทราบว่าเป็นที่ป่าสงวน โดยการก่อสร้างพญานาคนี้ เริ่มมาจากมีความเชื่อในพญานาค ที่มีความเชื่อมโยงกับพุทธศาสนา และหากเชื่อว่าหากใครได้สร้างจะมีบุญบารมีมากขึ้น
ตาชาญ หลาบโพธิ์ ตาของน้องชมพู่ บอกว่า ยอมรับว่า ค่อนข้างตกใจที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพากำลังกันมาจำนวนมาก ในช่วงที่เจ้าหน้าที่มาถึง ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่มาดูข่าวในช่วงกลางคืน ยอมรับว่าตกใจ ซึ่งการที่เจ้าหน้าที่มาเชิญตัวไปพูดคุยเรื่องป่าไม้ ก็ควรที่จะเข้ามาพูดคุยกันโดยปกติ และเชิญตัวแบบปกติ เชื่อว่าลุงพลจะไปกับเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องทำเหมือนเป็นคดีใหญ่ ให้ชาวบ้านและรวมถึงตัวของลุงพลเกิดความตกใจ เพราะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ และไม่ใช่คดีที่โหดร้าย เหมือนเป็นการพากำลังเจ้าหน้าที่มาเพื่อปิดล้อมหมู่บ้าน ทำไมถึงพากันมาเยอะขนาดนั้น
การเดินทางไปเมื่อวานนี้ ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อ เรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าเขตสงวนแห่งชาติ ตาชาญ บอกว่า การครอบครองและใช้ที่ทำกินของลุงพลไม่ได้เรียกว่าเป็นการแผ้วถาง เพราะที่ผ่านมาคนในหมู่บ้านก็มีการทำมาหากินแบบนี้มาโดยตลอด ลุงพลก็ทำเหมือนชาวบ้านทั่วไป ไม่ได้มีการตัดไม้ทำลายป่า แต่วันนี้ตนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในระดับหนึ่ง ที่ได้มีการประกันตัวทุกคนออกมา แต่เรื่องของอนาคตที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาไว้ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ดังนั้นให้พูดถึงปัจจุบันเอาไว้ก่อน ในวันข้างหน้าขอยังไม่พันธง และไม่มีอะไรฝากถึงกลุ่มผู้ที่ออกมาร้องเรียน และเอาผิดกับลุงพล เพราะกลัวว่าจะเป็นกรรมซึ่งกันและกัน ไม่ขอให้ร้ายและกล่าวโทษถึงใคร
นอกจากนี้ ถ้าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยังไม่คิดรื้อถอน ไม่คิดทุบทำลายของชาวบ้าน หรือคนทั่วประเทศ ทั่วโลกนั้น ส่วนตัวรู้สึกดีใจที่เป็นการปิดประกาศ แต่ยังไม่ทุบของชาวบ้านทิ้ง และตนยังขอยกมือสาธุ และเป็นนิมิตที่ดีที่แนวคิดลุงพลจะยกให้เป็นสมบัติและแหล่งท่องเที่ยง จ.มุกดาหาร “เป็นเรื่องที่ดี จะได้เป็นของคู่บ้านคู่เมือง” ประกอบกับที่ผ่านมา แม้ว่าในหมู่บ้านจะเจอกับเรื่องความสูญเสียน้องชมพู่ และคดีก็กำลังเดินหน้าต่อไป แต่ก็ถือว่าน้องชมพู่ เป็นคนที่มีบุญมาก ทำให้หมู่บ้านและตำบลรวมถึงอำเภอ มีคนรู้จักมากขึ้น