"พระมหาสมปอง" ฝากข้อคิด "โลกนี้มีไว้เหยียบ ไม่ได้มีไว้แบก" ช่วงเวลาที่ยากลำบากจะผ่านไป

พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต (นครไธสง) หรือที่รู้จักกันดีทั่วไปในนาม "พระมหาสมปอง" พระนักเทศน์ชื่อดังของเมืองไทย เป็นพระนักเผยแผ่พระพุทธศาสนารุ่นใหม่ ได้รับรางวัลนักเผยแผ่พระพุทธศาสนาจากองค์กรต่างๆ มากมาย ล่าสุด "พระมหาสมปอง"ได้มาบรรยายหลักธรรมคำสอน ในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ว่าตอนนี้ได้คิดหลักการฟังเทศน์สไตล์ใหม่ บุกทุกแพลตฟอร์มในโซเชียล เพื่อให้ทุกคนได้อยู่ใกล้วัด พร้อมเล่าประสบการณ์บรรยายธรรมที่มาพร้อมมุกตลก จนนักแสดงในวงการเป็นต้องขอมุกไปใช้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ชูษี เชิญยิ้ม" หลงแสงสีเกือบหมดตัว โชคดีที่กลับตัวทันเพราะ "ลูก"
- "บิว กัลยาณี" ยอมรับ! ท้อหนักถึงขั้นอยากหันหลังให้วงการ เปิดใจสาเหตุไม่ออกเพลงใหม่
- "กิก ดนัย" ลั่น! ถอดเขี้ยวเล็บความเจ้าชู้แบบถาวร หลังเจอภรรยาปราบจนอยู่หมัด 
- "เจนนิเฟอร์ คิ้ม" เปิดใจ ส่งเงินช่วยผู้มีพระคุณหลักแสน เผยขอเป็นล้านก็ให้ได้!
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่ 

ถาม ช่วงนี้จะมีคนเห็น "พระมหาสมปอง" เทศน์ลงโซเชียลเยอะมาก คนตัดคำสอนไปใช้เยอะมาก

พระมหาสมปอง : จริงๆ ก่อนหน้านี้ที่เขาเอาไปลงคือเป็นช่องของคนอื่นทั้งนั้นเลย ตอนแรกพระอาจารย์ไม่ได้ทำ ตอนนี้มาทำแล้วสังเกตง่ายๆ ช่องคนอื่นคนจะดูหลักแสน หลักล้าน ช่องเราก็หลักร้อย หลักพัน ตอนนี้ก็มีช่องยูทูบ "พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต Channel" แล้วในเฟสบุ๊ค แล้วก็มี TikTok ด้วย ให้ธรรมะบ้าง และมุกขำๆ ที่ใส่ลงไปด้วย คนจะได้ติดตามแล้วก็ธรรมะไปทุกๆแพลตฟอร์มที่มี เขาจะหนีจากวัดไปเฟสบุ๊คก็เจอเรา จะหนีจากเฟสบุ๊คไปยูทูบก็เจอเรา ทำให้ทุกคนเข้าถึงธรรมะได้มากขึ้นและง่ายขึ้น เพราะอาตมาว่าชีวิตคนเราต้องมีธรรมะเรื่อยๆ นะ ทุกวัยต้องเรียนรู้ธรรมะ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในยุคที่มีสิ่งที่มาดึงดูดความสนใจเขาเยอะ เขาไม่มาหาเรา เราก็ไม่ง้อ เราก็ไปหาเขาเอง ให้ธรรมะเขาไป


ถาม ท่านมีวิธีการสอนธรรมะแต่ละช่วงวัยไหม

พระมหาสมปอง : พอดีเราทำงานค่ายพุทธบุตร จะเจอทั้งอนุบาล ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย ถ้าอนุบาล ประถม ก็จะว่าตาม พอ มัธยม เริ่มมีความรักอะไรต่างๆ มากขึ้น ความรักเหมือนอะไร ความรักเหมือนผี เหมือนมีแต่มองไม่เห็น ความรักเหมือนแม่ตี เจ็บกี่ทีก็ไม่รู้จักจำ ส่วนไปบรรยายตามบริษัท ห้าง ร้าน โรงงานเยอะมาก ก็จะพูดถึงความรักองค์กร อยู่ที่ไหนอย่าเป็นแค่ผู้อาศัย เราต้องเป็นเจ้าของ ก็ขอให้คุณรักองค์กร บริษัทรักเรา เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เพราะบริษัทเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา อย่างน้ำไฟเวลาเรามา เราต้องช่วยกัน อาตมาไปบรรยายแค่สองชั่วโมง เข้าห้องน้ำ เราก็จะเห็นข้อความตัวไปไฟดับที่เขาแปะเอาไว้ที่สวิตซ์ เราก็จะปิดทุกครั้ง พอปิดปั๊บ มีเสียงจากข้างในเลยใครปิดไฟ ถ้าไปบรรยายให้คุณย่า คุณยาย ก็จะเป็นเรื่องการทำบุญทำกุศล


ถาม ในยุคนี้ปัญหาอะไรที่มีคนมาปรึกษาหรือพาคนมาวัดเยอะที่สุด

พระมหาสมปอง : คนเราปัญหาจริงๆ มันก็หลากหลายนะ ถ้าตอนนี้ก็โควิด-19 ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ลำบาก บางทีอาตมาโดนเคาะถึงห้องเลยนะ หลวงพี่ครับผมลำบาก อาตมาก็บอกเขากลับไปว่าอาตมาก็ยังไม่ได้ฉันเพลเลยคุณโยม แต่สุดท้าย ปัญหาเมื่อเกิดแล้ว เราก็ต้องผ่านไปให้ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เดี๋ยวมันก็ดับไป 2263 กาฬโรคก็เกิดขึ้น 2363 ก็เกิดอหิวาตกโรค 2463 ไข้หวัดใหญ่ 2563 ก็โควิด-19 ทุกร้อยปีก็มีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น แต่เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ คนที่มาเข้าวัดก็จะเป็นเรื่องชีวิต ปัญหาบ้าง เป็นเรื่องแปลกๆ พระอาจารย์หนูอยากมีแฟนค่ะ มาถามคนไม่มีแฟนว่าอยากมีแฟน อาตมาก็บอกไปว่ามันก็คงอยู่ที่ดวง จังหวะ และโอกาส พอผ่านไปสามปี จำได้ไหมคะ คนที่อยากมีแฟนค่ะ ตอนนี้มีแฟนแล้ว อยากมีลูกค่ะ ต้องทำยังไง ความอยากของคนเราไม่มีที่สิ้นสุด ปัญหานี้ดับไป ก็จะมีปัญหาใหม่เกิดขึ้น เป็นเรื่องชีวิตเรื่องครอบครัว เรื่องการงาน อย่างนี้เป็นต้น

ถาม ถ้าเรื่องความรักทางโลก เขาจะนึกถึงพี่อ้อย พี่ฉอด แต่ถ้าเรื่องทางธรรม พระมหาสมปองคือที่สุดของยุคนี้เลย พระอาจารย์ต้องติดตามข่าวสาร รู้ทุกเรื่องหรือเปล่า

พระมหาสมปอง : จริงๆ ทุกวันนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน อย่างเราอยากได้สักฮาหนึ่ง เราก็ต้องอ่านขายหัวเราะ อย่างพี่อ้อย เคยได้ไปร่วมสนทนาบนเวทีเดียวกัน หัวใจ หัวมาก่อนใจ อกหักทีไร เจ็บที่ใจก่อนหัวทุกที เราได้ฟังแล้วเราก็รู้สึกว่าชอบ


ถาม ท่านต้องจดไหม ในคำที่ไปเห็นหรือสิ่งที่ฟังมา

พระมหาสมปอง : มีทั้งสองแบบคือทั้งจดและจำ บางคำมันเข้าสมองเลย วันนั้นดูรายการอยู่รายการหนึ่ง เขาพูดขึ้นมา อยู่ข้างเสาไฟระวังมีเงา อยู่ข้างเราระวังมีใจ เราก็ค่อยๆ จำไว้


ถาม ในยุคปัจจุบันจริงๆ แล้วพระควรเล่นโซเชียลไหม ท่านมีมุมมองกับเรื่องนี้ยังไง

พระมหาสมปอง : จะมีคำถามอะไรตรงนี้อยู่แล้ว ในพุทธกาลไม่มีข้อห้าม เพราะในพุทธกาลไม่มีตรงนี้ แต่พระพุทธเจ้า พระองค์อนุญาตเอาไว้ว่าอาบัติอันไหนหนัก เบา พินิจพิจารณาได้ ก็เหมือนหลวงพ่อพยอมบอกดูหนังดูละครให้รู้ทิศทางของกิเลส จะได้เทศน์สกัดได้ถูก คือพระมีทั้งสายป่า สายบ้าน พระป่าจะพูดน้อย ฉันน้อย ปฏิบัติเยอะๆ ส่วนพระสายบ้านเรียกว่าคามวาสี อยู่กับโลก เจ้าชายสิทธัตถะก่อนที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็เรียน 18 ศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ คุรุศาสตร์ สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ พระองค์เรียนทุกอย่าง พระองค์จึงไปเทศน์กับหัวหน้า หัวหน้านับถือ ลูกน้องก็นับถือตาม พระราชานับถือ ข้าราชบริพารก็จะนับถือตาม พระเราที่เรียนเราก็ได้รู้เรื่องราวต่างๆ สามารถที่จะบอกโยมได้ การที่เราอ่านหนังสือเยอะ เรียนรู้เยอะ ทำให้เราตอบเขาได้ พอเราตอบเขาได้ ก็จะทำให้เราใกล้ชิดกัน การที่เราได้อยู่ในโซเชียล หรือตามสื่อต่างๆ ก็จะทำให้เราได้รู้ว่าโลกและคนในปัจจุบันนี้ เขาคิดอะไรยังไง สนใจอะไร และเตือนตัวเราเองได้ด้วย เมื่อเราเจออะไรไม่เหมาะไม่สม เราก็อย่าแสดงอาการนั้น แล้วก็เอาไปบอกญาติโยมได้ด้วย มุกขำอะไรต่างที่เรามีเข้ามา ก็สามารถทำให้เขามีความสุขได้ เวลาอาตมาไปบรรยายแล้วเริ่มเงียบๆ แบบนี้ ก็เริ่มไม่สบายใจแล้วก็ต้องโยนไปสักมุก

ถาม พระอาจารย์มีหลายมุกมาก จนศิลปินดาราในวงการอย่าง นิกกี้, แจ็ค แฟนฉัน ถึงกับขอเอามุกของท่านไปเล่น

พระมหาสมปอง : จริงๆ เวลาเจอเขา เขาจะแบบสักมุกๆ หน่อย ไม่เฉพาะแค่แจ็คกับนิกกี้นะ ญาติโยมทั่วไปก็เหมือนกัน เขาก็ขอสักฮาหนึ่ง เราก็ต้องเตรียมไว้เหมือนกันนะ แต่บางครั้งเราก็ไม่ได้เตรียมเหมือนกัน


ถาม ทุกครั้งที่ออกเทศน์ ท่านไม่ได้ไปรูปเดียวนะ จะมีพระลูกคู่คอยช่วยกัน แต่อยากจะทราบว่าก่อนที่จะขึ้นพูดบรรยายต้องมีการเตรียมกันไว้ก่อนไหม

พระมหาสมปอง : มีบ้าง ทั้งซ้อมและไม่ได้ซ้อม พระอาจารย์ดร.สมพงษ์ ทำงานกับท่านมาตั้งแต่เราอายุ 19 ไปขอท่านทำงาน ท่านก็ให้โอกาส พอเรามาออกทีวีมีชื่อ ก็ดึงท่านมา แต่ก่อนอาตมาก็ชอบไปเดี่ยว แต่ได้ไปเจอน้าค่อม แกพูดในรายการหนึ่ง มีคนจ้างแกไป 50,000 คนเดียวกับไปทั้งวงจ้างเท่ากัน แกไปทั้งวงนะ ซึ่งมันก็ต้องได้เงินน้อยลง แกบอกว่าไปคนเดียวไม่รู้ว่าจะเล่นกับใคร ไปทั้งวงสนุกกว่า ได้เงินน้อยลง ไม่เป็นไร อาตมาเลยชวนพระอาจารย์ดร.สมพงษ์ไปด้วยกัน


ถาม อยากให้ท่านฝากข้อคิดให้ทุกคนที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้

พระมหาสมปอง : สิ่งต่างๆ ทั้งดีและไม่ดีที่เข้ามาทุกอย่าง เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน ฉะนั้นปัญหาเกิดขึ้นตั้งอยู่ ไม่ใช่ก็ดับไป โรคภัยไข้เจ็บทั้งอยู่เกิดขึ้น แล้วก็ดับไป ภูเขาไม่ได้มีอยู่ลูกเดียว มีอยู่หลายลูก อย่าคิดว่าความสำเร็จมีอยู่เรื่องเดียว สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ โด่งดังมีชื่อเสียง หรือว่าร่ำรวย จริงๆ แล้วมันมีความสุขต่างๆ อีกมากมายหลายสิ่งหลายอย่าง จะเกิดขึ้นกับชีวิตเรา ธรรมะของพระพุทธเจ้าสำคัญก็ตรงนี้ เวลาเจอความทุกข์ ก็ทุกข์นี้แหละ ที่ทำให้มีพระพุทธเจ้า มีพระอรหันต์ มีความสุขเราจะเพลิน พอเรามีความทุกข์ เราจะอ๋อ สาเหตุของความทุกข์คืออะไร สาเหตุของการดับทุกข์คืออะไร ฉะนั้นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้เราฝ่าฟันไปให้ได้ เมื่อเราผ่านไปได้แล้ว เรามองย้อนกลับมา เราจะรู้ปัญหามันเล็กนิดเดียว โลกนี้มีไว้เหยียบไม่ได้มีไว้แบก มีปัญหาอย่าไปแบกโลกไว้ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปทุกคนทุกท่าน เจริญพร