"ไบเดน" ขู่ฟื้นมาตรการคว่ำบาตรเมียนมา หลังกองทัพทำรัฐประหาร พร้อมส่งสัญญาณถึงนานาชาติ เรียกร้องให้กดดันกองทัพคืนอำนาจ
วันนี้ (2 ม.ค.64) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า โฆษกทำเนียบขาวออกมาย้ำจุดยืนของ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ระบุในแถลงการณ์ว่า สหรัฐอเมริกาจะพิจารณาดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อเมียนมา หลังกองทัพเมียนมาก่อการรัฐประหาร และควบคุมตัวนางอองซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลพลเรือน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดประวัติพลเอกมิน อ่อง หล่าย ผู้นำ "รัฐประหารเมียนมาร์"
- อารยะประเทศประณาม "รัฐประหารเมียนมา" ชี้ "กองทัพ" ไม่เคารพเสียงประชาชน
- ขอให้ยึดมั่นประชาธิปไตย! สหรัฐฯ จี้ทหารเมียนมาปล่อย "อองซาน ซูจี"
- กองทัพเมียนมาบุกควบคุมตัว "อองซานซูจี"
ในแถลงการณ์ตอนหนึ่งของทำเนียบขาว ระบุว่า สหรัฐฯ ได้ยกเลิกการคว่ำบาตรเบอร์มา ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากที่ผ่านมาเบอร์มาได้มุ่งหน้าเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ประชาธิปไตย การย้อนกลับของกระบวนการดังหล่าวย่อมนำไปสู่การทบทวนกฎหมายการคว่ำบาตรและมาตรการอื่นที่เหมาะสม
นอกจากนี้ในแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังเป็นการโจมตีโดยตรงต่อกระบวนการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่ประชาธิปไตย และหลักนิติธรรม และเรียกร้องให้นานาชาติร่วมกันกดดันให้กองทัพเบอร์มาคืนอำนาจที่ยึดมาโดยทันที
เจน ปซากี โฆษกทำเนียบขาว ระบุด้วยว่า สหรัฐฯได้จับตามองประเทศที่ยืนหยัดอยู่เคียงข้างชาวเบอร์มาในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ โดยระบุว่าเป็นสัญญาณถึงทุกๆ ประเทศไม่ได้เจาะจงแค่จีนเท่านั้น
ทั้งนี้แถลงการณ์จากผู้นำสหรัฐฯ จงใจใช้คำว่า "เบอร์มา" หรือพม่า แทนคำว่า "เมียนมา" ซึ่งเป็นชื่อที่ถูกเปลี่ยนโดยรัฐบาลทหารในปี 1989 เพื่อแสดงถึงการไม่ยอมรับความชอบธรรมของรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตามวิถีประชาธิปไตย