กรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ร้องไปยังสำนักพุทธศาสนา และแจ้งตำรวจป่าไม้ให้มีการเอาผิด พระพล หรือ พระครูปลัดอนุชา วัดดานพระอินทร์ กรณีเป็นผู้ริเริ่มให้ลุงพลสร้างพญานาค จนเป็นเหตุของการต้องบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 2 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่วัดดานพระอินทร์ ซึ่งเป็นวัดของพระอาจารย์พล หรือพระครูปลัดอนุชา ในฐานะกุนซือทางธรรมของนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล โดยพระอาจารย์พล บอกกับทีมข่าวว่า สำนักพุทธศาสนาจังหวัดมุกดาหาร รวมถึงพระผู้ใหญ่ ขอความร่วมมืองดออกสื่อ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อภาพของคณะสงฆ์ จึงปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว
อาจารย์พล หรือพระครูปลัดอนุชา ในฐานะกุนซือทางธรรมของลุงพล ให้ข้อมูลว่า หลังนายอัจฉริยะ ให้อาตมาเตรียมทนายความไว้สู้คดี ร่วมกันสนับสนุนทำให้เกิดการกระทำผิดฐานบุกรุกป่า อาตมาก็พร้อมจะจัดหาทนายความมาดำเนินการด้านคดี ซึ่งยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับที่ดินแปลงดังกล่าว ว่าเป็นพื้นที่ป่าหรือไม่
เนื่องจากลุงพลบอกว่า ได้รับมาจากการรับจ้างกรีดยาง จึงเข้าใจว่าเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์เหมือนบ้านหลังอื่น ๆ ในหมู่บ้าน แต่การดำริของอาตมาต่อการสร้างพญานาค เป็นเพียงความฝันที่เห็นลุงพลมาปรากฏตัวพร้อมกับพญานาคที่วัดดานพระอินทร์ จึงได้เรียกให้ลุงพลมาเจอ เพื่ออาบน้ำมนต์ ปฏิบัติธรรม โดยครั้งนั้น เจอกับลุงพลครั้งแรก เมื่อวันที่ 14 ก.ค.63 ที่ผ่านมา ลุงพลมาพร้อมกับนักข่าว ป้าแต๋น อาตมาจึงเป็นกุนซือด้านทางธรรมนับแต่นั้นมา และก็ไม่รู้ว่าการที่ลุงพลมาปรากฏในความฝันพร้อมพญานาค มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพญานาคหรือไม่
กระทั่งวันที่มีปู่ฤๅษีคัมภีร์ ไปสื่อสารผ่านดวงธรรม ในสถานที่ข้างบ้านลุงพล ซึ่งดวงธรรมเป็นคนตอบว่า “ลุงพล เป็นลูกหลานสายญาณพญานาค” ดังนั้นอาตมาแค่ฝัน แต่ไม่ได้ตอบ เพราะเป็นดวงธรรมของปู่ฤๅษีคัมภีร์ เป็นคนตอบ ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการที่ป้าแต๋น โทรไปหาหมอปลา เล่าให้ฟังว่า หนักในที่พระพล บอกให้สร้างพญานาค เพราะลุงเป็นลูกหลาน จะทำให้บารมีสูงขึ้น “อาตมาไม่ได้บอก ว่าลุงพลเป็นลูกหลานพญานาค แต่ดวงธรรมปู่ฤาษีเป็นคนพูด”
ขณะที่การดำริให้เร่งสร้าง หากไม่สร้างให้เสร็จก่อนปีใหม่ 64 ลุงพลจะถึงตาย หรือเกิดเรื่องไม่ดี พระพล บอกว่า ตนไม่ได้เร่งให้สร้าง เพียงแค่บอกว่า การสร้างพญานาคอาจเป็นการสร้างบารมีให้ดีขึ้น แล้วหากสร้างลุงต้องบวชชาวปฏิบัติธรรมอย่างน้อย 3-7 วัน เพื่อทำให้บารมีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
โดยคนที่สร้างพฐานาคเรียกว่าต้องมีบารมี ถ้าคนทั่วไปสร้างจะต้องปฏิบัติธรรม เพื่อเสริมบารมี ไม่เช่นนั้นก็อาจเกิดเรื่องไม่ดี แต่ก็ยังย้ำคำเดิม การสร้างก็ไม่ควรเร่งรีบ เพราะดินเพิ่งจะถมใหม่ ๆ กลัวว่าดินจะทรุดตัว หรือให้ดูความพร้อมหลาย ๆ อย่างก่อน แต่วันที่มีพิธีข้างบ้านลุงพล ปู่ฤๅษีคัมภีร์สื่อสารผ่านดวงธรรม เป็นคนพูดออกมาเองว่า ควรเร่งสร้าง เพื่อให้ลุงเสริมบารมี แค่การสร้าง แม้จะมีคนบอก คนแนะนำ ก็ขึ้นอยู่กับลุงพล ไม่มีใครไปบังคับ ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าจะทำหรือไม่ทำ
ส่วนที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า พระพล เป็นกุนซือให้ลุงพลต้องโกนหัว โกนคิว นั้น พระพล ชี้แจงว่า ตนไม่รู้ว่า ลุงพลโกนหัวเพราะอะไร เห็นแต่ในข่าว จนกระทั่งช่วงวันที่ 14 ก.ค.63 ที่ผ่านมา เป็นการเจอกันครั้งแรก แต่เป็นช่วงหลังจากที่ลุงโกนหัวผ่านไปกว่า 1 เดือนกว่า ๆ ผมดำเริ่มขึ้นแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่อาตมาจะเป็นคนชี้แนะให้ลุงโกนหัว
พระอาจารย์พล ชี้แจงต่อว่า วันที่ลุงพลมาไหว้พระทำบุญ และมีแนวคิดจะสร้างพญานาค ลุงพลได้เดินไปชมรูปปั้นพญานาคที่มีช่างปั้นอยู่ทั่ววัดดานพระอินทร์ กระทังไปเจอกับทีมช่างจ่อย ช่างปั้นพญานาค ลุงพลเห็นฝีมือและเอยปากชมว่า “สวย” จึงได้เข้าไปพูดคุย ว่าจ้างให้ไปปั้นพญานาคข้างบ้าน ทำให้งานปั้นพญานาคที่วัดหยุดไปชั่วคราว แต่ก็ยังมีสัญญาเดิม หลังปั้นให้ลุงพลเสร็จก็จะกลับมาช่วยที่วัดดังเดิม อาตมาก็ไม่ได้เร่งอะไร จึงไม่ติดขัดที่ช่างจะไปช่วยงานลุงพลก่อน เพราะสุดท้ายช่างก็กลับมาปั้นที่วัดให้เสร็จ
ส่วนที่ถูกกล่าวอ้างว่าอาตมา เป็นคนบอกว่าบ้านลุงพลเป็นวังพญานาคของปู่ปาริจิตนคาราช อาตมายืนยันว่าเพียงแค่เห็นลุงพลในความฝันที่มาพร้อมกับพญานาค แต่ไม่ได้บอกว่าบ้านลุงพลเป็นวังพญานาค ซึ่งในวันที่มีการประกอบพิธี ตามคลิปที่ถูกเผยแพร่ ฤๅษีคัมภีร์ได้สื่อสารผ่านดวงธรรม บอกว่าบริเวณดังกล่าวด้านใต้ของบ้านลุงพล เป็นวังลึกซึ่งเป็นวังพญานาคเก่า และยังเป็นสายน้ำของที่อยู่ของวังปู่พญานาคปาริจิต
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้สำรวจภายในพื้นที่บริเวณวัดดานพระอินทร์ ซึ่งพบว่ากำลังมีความคืบหน้าในการก่อสร้างพญานาคภายในวัด โดยทราบข้อมูลว่าช่างที่ปั้นพญานาคข้างบ้านลุงพล ได้กลับมาปั้นพญานาคต่อภายในวัด เนื่องจากข้างบ้านลุงพลไม่สามารถดำเนินการต่อเติม และสร้างให้แล้วเสร็จได้ โดยวันนี้ช่างทั้งหมด 6 คน ได้กลับมาช่วยงานที่วัด เพื่อปั้นพญานาคต่อให้เสร็จ
นายศักดินา ด้วงทอง หรือ ช่างจ่อย ช่างปั้นพญานาค ในฐานะนายช่างใหญ่คนกำกับดูแลการปั้นพญานาคข้างบ้านลุงพล เปิดใจว่า หลังจากที่รับงานปั้นพญานาคข้างบ้านลุงพล ได้ทำสัญญาว่าจ้าง จำนวนเงิน 600,000 บาท แบ่งจ่าย 3 งวด ซึ่งที่ผ่านมาได้รับไปแล้ว 2 งวด เป็นจำนวนเงิน 400,000 บาท และเตรียมที่จะเก็บรายละเอียด โดยเฉพาะลวดลายบริเวณคาง หน้าอก และด้านหลังพญานาคอีกเล็กน้อย จะทำงานปูนอีกประมาณ 1-2 วัน จากนั้นก็จะใช้เวลาอีก 4-5 วัน ในการลงสี คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ องค์พญานาคปู่ปาริจิตนคาราช ก็จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เนื่องด้วยมีป้ายประกาศยึดพื้นที่ดิน จึงทำให้งานทุกอย่างไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ตนจึงไม่ได้รับเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือ 200,000 บาท ตนในฐานะช่างชาวบ้าน ก็ไม่ได้เรียกร้องหรือจะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อจะขอเงินดังกล่าว ซึ่งหากไม่ได้ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย แล้วไปหางานปั้นใหม่ เพราะหากงานไม่แล้วเสร็จก็คงจะไม่ได้รับเงิน และเงินที่ได้มาก่อนหน้านี้ ก็มีการแบ่งจำนวนเท่ากัน ไม่มีใครได้มากหรือได้น้อยกว่า เพราะทีมทั้งหมดทำงานร่วมกัน 6 คน
แต่วันนี้ตนทราบข่าวมาว่า เจ้าหน้าที่เตรียมที่จะเอาผิดกลุ่มช่างในฐานะผู้ปั้นพญานาค ตนยอมรับว่า ค่อนข้างเครียดและกังวล แต่ก็ไม่รู้ว่าแนวทางหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ถ้าหากถูกจับหรือต้องประกันตัว ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ตนยืนยันว่าไม่เคยรู้เห็น เกี่ยวกับการรุกพื้นที่ป่า เพราะในเมื่อมีการปรับที่ดินว่างเปล่า แล้วมีการว่าจ้างให้ไปช่วยปั้น ก็ไปดำเนินการให้ในฐานะลูกจ้างเท่านั้น ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นพื้นที่อะไร และทำแล้วจะผิดกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากเป็นเพียงแค่ชาวบ้านคนหนึ่งที่ไปรับจ้างงานฝีมือเท่านั้น
นายจ่อย ในฐานะช่างใหญ่ ซึ่งมีประสบการณ์การปั้นพญานาคมากกว่า 8 ปี เล่าความเชื่อให้ทีมข่าวฟังว่า การสร้างหรือปั้นแต่ละครั้งจะใช้จินตนาการสูง ดังนั้นตนก็เคยเห็นภาพปรากฏอยู่ในความฝันหลายครั้ง จึงออกมาเป็นจินตนาการและสร้างพญานาค และทุกครั้งที่ก่อนจะได้รับงานปั้นพญานาค ก็จะฝันเห็นงู ขนาดเล็กใหญ่ เลื้อยเข้ามาในความฝัน ซึ่งมีทั้งตัวสีขาวและสีเขียว เช่นเดียวกับบ้านลุงพล ก่อนที่จะได้รับงานได้มีงูสีเขียวมาพันขาซ้าย จนกระทั่งตกใจตื่น ก็ได้การติดต่อให้ไปปั้นพญานาคที่บ้านลุงพล ดังนั้นจึงเชื่อว่าทุกครั้งในความฝันที่เห็นงูเล็กงูใหญ่ ก็จะได้รับงานปั้นพญานาคทุกครั้ง
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายวิน (นามสมมติ) ลูกจ้างทีมงานปั้นพญานาคข้างบ้านลุงพล ในฐานะช่างโครงสร้างองค์พญานาค เปิดเผยว่า ตนได้ไปร่วมทำงานกับนายจ่อย ในฐานะช่างใหญ่ ซึ่งได้รับการว่าจ้างงานจากนายไชย์พล หรือลุงพล โดยในวันดังกล่าวลุงพลได้เข้ามาทำบุญที่วัด แล้วเยี่ยมชมพญานาคภายในวัด จนกระทั่งชื่นชอบเรื่องของฝีมืองานปั้น จึงได้เข้าไปติดต่อกับนายจ่อย ขอให้รับงานปั้นพญานาคข้าง ๆ บ้าน
โดยไม่ได้ผ่านพระอาจารย์พล จากนั้นตนและนายจ่อย ก็ได้ไปคุยเรื่องสัญญาตกลงว่าจ้างกับลุงพล ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้มีแบบ หรือแผนการก่อสร้างที่มีรายละเอียดมากนัก แต่เป็นการวาดลงบนกระดาษเพื่อเสนอ และให้เห็นรูปแบบการก่อสร้าง หลังจากที่ตกลงกันแล้ว ก็จะใช้ช่างทั้งหมด 6 คน เป็นจำนวนเงิน 600,000 บาท เฉลี่ยจะได้รับเงินคนละ 100,000 บาท
โดยล่าสุดกรมป่าไม้ได้เข้ามาตรวจยึดพื้นที่ ทำให้โครงการก่อสร้างต้องหยุดชะงัก ทีมช่างจึงได้รับเงินเพียงแค่ 400,000 บาท ตนคาดหวังว่าการมาร่วมงานครั้งนี้ จะนำเงินไปเลี้ยงครอบครัว เพราะมีลูกน้อย 2 คน ภรรยา และพ่อ-แม่ แต่วันนี้ในเมื่อไม่ได้รับเงินครบตามจำนวนที่ตั้งเป้าเอาไว้ ก็ต้องหางานทำ และไปรับจ้างปั้นงานที่อื่นเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวต่อไป
แต่กรณีเรื่องของการรุกพื้นที่ป่า ส่วนตัวไม่รู้ว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ หรือเป็นที่ดินป่าไม้ เพราะหลังจากได้รับการว่าจ้างก็มีหน้าที่ดำเนินการสร้างให้แล้วเสร็จ ไม่ได้สอบถามหรือพูดคุยอะไรกับลุงพล หลังจากนี้หากถูกแจ้งความดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันบุกรุกป่า และมีส่วนทำให้เกิดการสร้างองค์พญานาค ก็ยังไม่รู้ว่าจะเตรียมทางออกอย่างไร เพราะเงินที่ได้มายังไม่ถึง 100,000 บาท จะคุ้มค่าสำหรับการประกันตัว หรือดำเนินเรื่องทางคดีหรือไม่ แต่หากไม่มีเงินก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย พร้อมที่จะติดคุก
ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่วัดศรีบุญเรือง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร โดยเข้าไปสอบถามกรณีการตั้งพระพุทธะชินราชข้างบ้านลุงพล ที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่า โดยล่าสุดนายอัจฉริยะ ร้องให้มีการตรวจสอบกรณีความเหมาะสมที่นำไปจัดตั้งเอาไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต
พระราชรัตนโมลี สมยง กตปุญโญ เจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร ในฐานะพระที่ได้รับนิมนต์จากนายไชย์พล ให้ไปประกอบพิธีจุดเทียนชัย วันก่อสร้างพญานาค เปิดเผยว่า ในช่วงประมาณเดือน ธ.ค.63 ที่ผ่านมา นายไชย์พล ได้เดินทางมาพร้อมกับพระพล นิมนต์ให้ไปประกอบพิธีจุดเทียนชัย เนื่องจากจะมีการก่อสร้างพญานาคข้างบ้าน โดยพากันเดินทางมาช่วงเช้า และนิมนต์ให้ไปเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในช่วงเย็น ซึ่งตอนนั้นหลังจากได้รับนิมนต์ตนเองก็เดินทางไป อยู่ร่วมพิธีประมาณ 30 นาที
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีก็เดินทางกลับ แต่คณะเจ้าภาพนำโดยลุงพล ได้ถวายซองปัจจัย แต่อาตมาไม่ได้รับ ส่งคืนซองดังกล่าวให้ลุงพล เพราะไม่ต้องการรับเงินในการทำกิจนิมนต์วันดังกล่าว พร้อมทั้งยอมรับว่า ในวันที่เดินทางไปในคืนนั้น เป็นช่วงที่ค่อนข้างมืด จึงไม่ทันได้สังเกตโดยรอบว่ามีพระพุทธะชินราชประดิษฐานอยู่หรือไม่ หรือมีต้นไม้สี่ต้นที่เพิ่งถูกตัดโตอยู่บริเวณจุดดังกล่าวหรือไม่ หลังประกอบพิธีเสร็จก็ได้เดินทางกลับโดยทันที
สำนักพุทธศาสนาจังหวัดมุกดาหาร ตอนนี้ทราบเรื่องการนำพระพุทธรูปพระพุทธชินราชประดิษฐานข้างบ้านลุงพลแล้ว กำลังดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ และความถูกต้องในการนำไปวางเอาไว้ เพราะโดยส่วนใหญ่พระพุทธรูปสามารถวางได้ในสถานที่ต่าง ๆ แต่ด้วยชาวพุทธจะต้องประกอบพิธี และจัดสร้างให้เกิดความเหมาะสม เช่น หลังคาหรืออาคาร เพื่อให้ดูเป็นกิจลักษณะ แต่ในความเหมาะสมส่วนใหญ่พระพุทธรูปจะอยู่ที่วัด โรงเรียน สถานที่ราชการ บริษัทห้างฯ ร้านค้า และหน่วยงานองค์กร ดังนั้นจะต้องตรวจสอบเรื่องความเหมาะสม เพราะไม่มีระเบียบหรือกฎหมายกำหนดเอาไว้ว่า พระพุทธรูปควรจัดจัดวางเอาไว้ในสถานที่ใด เนื่องจากเป็นเรื่องของจารีตประเพณี และความเหมาะสม
สืบเนื่องจากทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี นำเสนอเรื่องราวของ "พระพล อธิปัญโญ" วัดดานพระอินทร์ จ.มุกดาหาร ที่มีความเชื่อมโยงไปถึง นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล แห่งบ้านกกกอก เรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้น พบว่ายังโยงไปถึงสาเหตุหลักที่ทางลุงพล ตัดสินใจสร้างพญานาคปู่ปาริจิตนาคราชเพราะพระอาจารย์พล เป็นคนแนะนำให้จัดสร้างพญานาค ตามความเชื่อว่าหากสร้างเเล้วจะพบเจอแต่สิ่งดี ๆ
ภาพยนตร์เรื่อง “ปาฏิหาริย์ แก้วนาคราช” และมีชื่อเดิมว่า “บุญเฮ็ด บุญสร้าง” ผลิตโดยบริษัทคีตะนคร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้ “วัตร ราชวัตร (ฐิติวรดากูล)” มาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์และ “เต้-วันเฉลิม วัฒนวรกิจกุล” ทำหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์
หนังเรื่องนี้เป็นแนวดราม่า แฟนตาซี มีเนื้อเรื่องบอกเล่าเรื่องราวของ “พล” รับบทโดยนักแสดงชื่อดัง “นิว-ชัยพล พูพาร์ต” เด็กชายในต่างจังหวัด ผู้ขยันตั้งใจเล่าเรียน และมีความกตัญญู แต่เพราะปัญหาในครอบครัว จึงทำให้ชีวิตต้องถึงจุดพลิกผัน และหันเหเข้าสู่วงจรของอบายมุข ชีวิตของ “พล” ต้องพบกับความล้มเหลวแบบสุด ๆ
ปรากฏว่าจากการลงทุนเกือบ 18 ล้านบาท ผลที่ได้รับหลังหนังเข้าฉายก็คือขาดทุน รายได้จากหนังที่ฉายในโรงภาพยนตร์อยู่ที่ 8 หมื่นกว่าบาท ขายให้สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งได้แค่ 1 แสนกว่าบาท ขายลิขสิทธิ์ให้ที่อื่นต่อประมาณ 1 แสนกว่าบาทเช่นกัน ดังนั้นครั้งนี้ก็ไม่ได้ทำให้เกิดการสร้างศาลาปฏิบัติธรรมตามที่เคยบอกกับ “พระพล” ไว้ เนื่องจากหนังขาดทุน
ส่วน "บ๊วย เชษฐวุฒิ" ซึ่งเป็นหนึ่งในนักแสดงของเรื่องนี้ รับบทเป็น อาเฮีย เจ้าของคาเฟ่ และจะได้เจอกับ นิว ชัยพล ที่รับบทเป็นพระพล ตอนที่ยังอยู่ทางโลก ซึ่งมาสมัครเป็นพนักงานในร้าน ในบทนิวน่าสงสารเลยรับเข้ามา แต่อยู่ไปอยู่มา นิว ก็สร้างปัญหา จนต้องไล่ออกจากร้าน ทำให้ นิว ได้ค้นหาชีวิตและได้เข้าทางธรรมในที่สุด ทั้งหมดทั้งมวลฉากของหนุ่มบ๊วย ใช้เวลาถ่ายแค่วันเดียวเท่านั้น เพราะเป็นแค่นักแสดงรับเชิญ
จากภาพยนตร์ “ปฏิหารแก้วนาคราช” สร้างจากชีวิตจริงของพระพล อธิปัญโญ แห่งวัดดานพระอินทร์ จ.มุกดาหาร ซึ่งมี “เอ-พศิน” ร่วมแสดงด้วย เจ้าตัวแสดงเป็นบทร้าย เพราะมักจะได้รับบทบาท ร้าย ๆ มาตลอด นักแสดงในเรื่องก็จะถูกเลือกด้วย อภิญาญาณของพระพล ส่วนใหญ่นักแสดงก็จะมีความศรัทธาในพญานาค เหมือนกับที่ตนศรัทธา
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสสัมภาษณ์ “เอ-พศิน” กล่าวว่า สำหรับพระพล ตนทราบมาว่า ท่านสร้างวัดจากเงินเพียงไม่กี่บาท และจากนิมิตหลังจากที่ท่านได้สัมผัสความศรัทธาในพญานาคแล้ว ก่อนนั้นท่านใช้ชีวิตเรียกได้ว่า ทุกรูปแบบ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า สุดท้ายแล้วท่านจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นพระอาจารย์ที่มีลูกศิษย์มากมาย ก็สามารถสร้างวัดที่ใหญ่โตและสวยงามได้ ด้วยเงินเพียงไม่กี่บาท ตนก็เชื่อกันว่าพญานาคท่านสื่อบอกว่า บริเวณวัดดานพระอินทร์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และท่านต้องมาปักกลดที่นี้ ต้องสร้างวัด โดยที่ยังไม่มีเงินเลย สุดท้ายแล้ววัดก็ใหญ่โตมาก ท่านก็เป็นพระที่มีญาณค่อนข้างขลังมีเมตตาสูงมากอีกรูปหนึ่ง
แต่สำหรับประเด็นเรื่องความศรัทธาของลุงพลต่อพระพล หรือว่าการเป็นลูกศิษย์ ช่วงนั้นที่สร้างภาพยนตร์ เอ พศิน กล่าวว่า "ลุงพลยังไปไหนไม่รู้ครับ ตอนนั้นมีแต่ลุงตู่นะครับ แต่ลุงพลยังไม่มี พระอาจารย์พลก็เป็นศูนย์รวมของศรัทธาในชาวบ้านละแวกนั้น และก็มีผู้หลักผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านที่นับถือพระอาจารย์ และก็เป็นพระอาจารย์นักปฏิบัติ เป็นผู้สร้างเรียกว่า เป็นผู้สร้างท่านหนึ่งเลยทีเดียว"
“เอ พศิน” กล่าวต่อว่า ช่วงนี้ก็เป็นประเด็นมากมายเกี่ยวกับการสร้างพญานาค ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร แต่ว่าหัวใจของคนที่นับถือและศรัทธาต่อองค์พญานาค ก็คือการปกป้อง คุ้มครอง พระพุทธศาสนา อย่างที่เห็นในตำนานพระพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าเคยเป็นพญานาคในชาติหนึ่ง ชื่อพระภูริทัตต์ และในพระพุทธประวัติ ก็จะมีพญามุจลินท์นาคราช เป็นพญานาคประจำวันเสาร์ ซึ่งพญานาคองค์นี้ ก็จะเห็นในทุกวัดคือ ปางนาคปรก เป็นปางที่คุ้มครอง พระพุทธเจ้าในช่วงก่อนที่ท่านจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เชื่อได้ว่า พญานาคมีความเกี่ยวโยงกับพระพุทธศาสนา ไม่ใช่แค่ศาสนาพุทธ แม้แต่หลักของเทววิทยา พราหมณ์ ฮินดู พญานาคประจำองค์พระศิวะก็คือ ปู่ภุชงค์ พญานาคองค์นารายณ์ ก็คือ ปู่อนันตรานคราช ซึ่งหัวใจของพญานาค เป็นการปกป้องคุ้มครองและให้กำลังแก่คนที่กระทำดี ท่านจะคุ้มครองคนที่รักษาศีล มีจิตใจที่เป็นผู้ให้
ส่วนผู้ที่เป็นคนไม่ดี ก็สุดท้ายแล้วก็ต้องรับกรรมที่ตัวเองก่อ การที่คนไม่ดี หรือคนไม่มีสัจจะ คนที่โกหก อะไรต่างๆนานา ถ้าบูชาพญานาค กรรมก็จะเห็นผลเร็วขึ้น ก็ต้องล้างกรรม รับกรรมผลกรรมที่ตัวเองก่อ เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่จะบูชาพญานาค และอยากได้ผลของการบูชาที่เป็นอัศจรรย์ ก็คือต้องเป็นคนดี ประพฤติดีคิดดี ทำดี ถ้าที่สุดแล้วกฏแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด ทำอย่างไรได้อย่างงั้นครับ