จากกรณี เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 2 ก.พ. 64 สภ.ประทาย จ.นครราชสีมา รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตคือ นายณรงค์ ปักกาโร อายุ 54 ปี เจ้าหน้าที่สหกรณ์การเกษตรอำเภอชุมพวง จ.นครราชสีมา อยู่ภายในรถบริเวณรั้วหน้าที่ว่าการ อ.ประทาย จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 จุด อ.ประทาย รุดเข้าตรวจสอบ พบรถยนต์จอดอยู่
ตรวจสอบภายในรถ พบศพผู้เสียชีวิตสวมเสื้อยืดสีเหลือง กางเกงขายาว นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ที่เบาะนั่งด้านผู้โดยสารตอนหน้า ที่ลำคอเขียวช้ำคล้ายกับถูกรัดคอ และทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตหายไปหลายรายการ กู้ภัยจึงนำร่างผู้เสียชีวิตส่ง รพ.ประทาย เพื่อชันสูตรหาสาเหตุ
วันที่ 3 ก.พ. 64 ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางไปที่บ้านของผู้เสียชีวิตภายใน ต.โนนรัง อ.โคกสูง จ.นครราชสีมา ตรงข้ามวัดโคกสูง ทางครอบครัวและเพื่อนบ้านต่างช่วยกันจัดเตรียมงานสวดอภิธรรมศพ หลังจากรับศพผู้เสียชีวิตที่ รพ.มหาราช บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
นายสไว เวียงจันทร์ อายุ 68 ปี น้าของผู้เสียชีวิต เผยว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนดีมาก ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกับใคร อีกทั้งเป็นเสาหลักให้กับคนในครอบครัว ทำงานอยู่แผนกเร่งรัดหนี้สินเชื่อให้กับสหกรณ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแก๊งเงินกู้นอกระบบ เหตุเริ่มจากวันที่ 31 ม.ค. 64 ช่วงเวลา 09.00 น. นายณรงค์ได้ออกจากสหกรณ์ไปประชุมงานในอำเภอเมืองยาง จากนั้นเวลา 12.00 น. เดินทางไปเอาเสื้อสีเหลืองที่อนามัยบ้านละหารปลาค้าว เพื่อจะนำมาแจกคนในกลุ่มสหกรณ์ ก่อนจะมีโทรศัพท์ของบุคคลปริศนาโทรเข้ามาในเครื่องของนายณรงค์บอกให้ไปหาที่จุดเกิดเหตุ บริเวณรั้วหน้าที่ว่าการ อ.ประทาย จ.นครราชสีมา หลังจากนั้นตนก็ไม่สามารถติดต่อกับ นายณรงค์ได้อีก
ด้วยความที่ตนเป็นห่วง จึงเดินทางเข้าไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมพวง ว่านายณรงค์ได้หายตัวออกจากบ้านไปให้ช่วยเรื่องติดตาม กระทั่งมาทราบเบาะแสตอบมาว่าไปพบรถยนต์ของนายณรงค์จอดอยู่ที่จุดเกิดเหตุ พบนายณรงค์เสียชีวิตอยู่ภายในรถมีทรัพย์สินหายไป สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท แหวนทองหนัก 1 บาท กู้ภัยจึงนำร่างผู้เสียชีวิตส่ง รพ.ประทาย เพื่อชันสูตรหาสาเหตุ
ส่วนตัวสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก และก็ยังคงติดใจกับการเสียชีวิต เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรม ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวกับเรื่องปมชู้สาว แต่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของตำรวจเร่งติดตามตัวบุคคลที่ใช้เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อนัดให้นายณรงค์ออกไปหาเป็นเบอร์สุดท้าย แต่ทางครอบครัวก็ยังไม่ได้กล่าวหาใคร ขณะนี้เลยยังคงต้องรอผลชันสูตรจากนิติเวช และตามความคืบหน้าคดีแต่ทางตำรวจต่อไป
ด้านนายสรวง ปกาโร อายุ 97 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ปกติแล้วลูกชายของตนเป็นคนที่นิสัยดี เป็นที่พึ่งของพ่อแม่ ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกับใคร หลังทราบเรื่องการเสียชีวิตของลูกจากญาติ ๆ ก็รู้สึกเสียใจมาก เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้ง ขณะนี้ตนเองก็ยังคงติดใจกับการเสียชีวิตของลูกชาย เนื่องจากสภาพศพลูกบริเวณลำคอมีรอยเขียวช้ำคล้ายกับถูกรัดคอ และทรัพย์สินก็หายไป คือสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท จึงเชื่อว่าลูกชายน่าจะไม่ได้เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ แต่น่าจะเป็นการฆาตกรรมมากกว่า อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่รู้ละเอียดเจาะลึกมากนัก ก็ต้องปล่อยให้เจ้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ตนก็อยากบอกว่ารักและคิดถึง ขอให้ลูกไปดี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่คาดว่านายณรงค์อาจถูกล่อลวงมาฆ่าชิงทรัพย์ เนื่องจากทรัพย์สินของผู้ตายสูญหายไปหลายรายการ และจากการสืบสวนทราบว่านายณรงค์ได้ปล่อยเงินกู้ด้วย เบื้องต้น ตำรวจจะได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสและติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
นางส้ม (นามสมมติ) อายุ 34 ปี แม่ค้าใกล้จุดเกิดเหตุ เผยว่า ก่อนหน้าที่จะทราบข่าวการเสียชีวิต ตนเป็นแม่ค้าขายของและชาวบ้านที่มาวิ่งออกกำลังภายในที่ว่าการอำเภอ สังเกตเห็นว่ารถของผู้เสียชีวิตได้ขับมาจอดตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.64 ช่วงเวลา 19.00 น. จากนั้นวันที่ 2 ม.ค.64 ช่วงเวลา 15.00 น. ขณะที่กำลังตั้งร้านขายของพบว่ามีเจ้าหน้าที่และคนในครอบครัวของผู้เสียชีวิตมาทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ กระทั่งพบผู้เสียชีวิต
นางวันวิสา ปกาโร อายุ 57 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ตนยังคงติดใจการเสียชีวิต เนื่องจากลักษณะสภาพศพของสามีที่บริเวณลำคอมีรอยเขียวช้ำ คล้ายกับถูกรัดคอ และถูกทุบหัว อีกทั้งทรัพย์สินหายไป จึงคาดว่าน่าจะเป็นการถูกลวงมาฆาตกรรมชิงทรัพย์แน่นอน เพราะจากที่ตนสังเกตศพของสามีมีอาการมึงหงิกเกร็ง จึงเชื่อว่าสามีน่าจะทำการต่อสู้กับคนร้ายจนเสียชีวิต และสามีเป็นคนที่ออกกำลังกายสุขภาพร่างกายแข็งแรง ตนคิดว่าไม่สามารถจะเสียชีวิตเองได้แน่ อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังไม่ทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุเป็นใคร หลังจากนี้ก็ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคดีต่อไป
โดยขณะนี้ทางตำรวจตั้งประเด็นการเสียชีวิตไว้ 3 กรณี ชิงทรัพย์ ฆาตกรรม ชู้สาว แต่ในส่วนชู้สาวตนคาดว่าน่าจะตัดทิ้ง เนื่องจากตั้งแต่อยู่กับสามีมา สามีไม่เคยทำให้ตนเองต้องช้ำใจแม้แต่ครั้งเดียว ตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีที่คบหากัน