กรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เข้ามาช่วยเหลือคดีฝั่งของลุงพล แต่ยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เนื่องจากติดเรื่องของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ต้องกลับกรุงเทพฯ และมีรายงานว่า ในวันที่ 5 ก.พ.64 ทีมทนายจะเข้าพื้นที่กกกอก จ.มุกดาหาร หลังคลายล็อกเรื่องโรคระบาด และเตรียมที่จะขึ้นเขาภูเหล็กไฟเพื่อดูสถานที่จริง
ล่าสุดวันที่ 4 ก.พ.64 เวลาประมาณ 10.20 น. ที่หมู่บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ที่หน้าบ้านนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล มีรถ BMW ทะเบียนกรุงเทพ มาจอดอยู่ประมาณ 5-10 นาที ก่อนที่จะมีทนายตั้ม เดินลงจากรถมาพร้อมกับทีมงานทนาย 2 คน เดินไปที่เต้นจุดคัดกรองโรงระบาดโควิด-19 ของหมู่บ้าน ที่ตั้งเต้นอยู่หน้าบ้านลุงพล
โดยมีการลงชื่อ-สกุล จังหวัดที่มา เขต,แขวงที่มา ระบุเบอร์โทร และอุณหภูมิที่วัดได้ ซึ่งทนายตั้มเดินมาจากกรุงเทพ เขตทวีวัฒนา อุณหภูมิที่วัดได้ 36.4 ซึ่งเป็นการเดินทางมาก่อนวันนัดหมาย 1 วันโดยอ้างว่าเดินทางมาเพื่อเตรียมความพร้อม
ทนายตั้ม บอกว่า ตนเดินทางมาถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ยังไม่เข้ามาในพื้นที่ ซึ่งไปทำภารกิจบางอย่าง แต่การเดินทางมาครั้งนี้ ตนยังยืนยันไม่ได้ว่าจะอยู่ในพื้นที่กี่วัน แต่หากสำรวจพื้นที่เรียบร้อยแล้วอาจจะกลับในวันพรุ่งนี้ (5 ก.พ.64) ก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อมูลและข้อสงสัยในการลงพื้นที่ครั้งนี้ว่าครบถ้วนมากน้อยเพียงใด และการลงพื้นที่หาหลักฐานครั้งนี้เป็นการตอบข้อสงสัยในฐานะทนายความ อย่าเรียกว่าเป็นการฉีกหน้าใคร เพื่อพิสูจน์ให้สังคมรู้ว่าเรื่องจริงและข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
แต่การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นเพียงแค่เรื่องคดีลุงพลและน้องชมพู่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรุกพื้นที่ป่าไม้ และยังยอมรับว่าไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่ เพราะหลังจากที่ตนได้รับการติดต่อจะให้มาดูแลเรื่องคดี ก็มีอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งเรื่องการเข้าพื้นที่ และการหาข้อมูล แต่วันนี้ในเมื่อเข้าพื้นที่ได้แล้วก็คงทำงานให้เต็มที่ แต่ก็ยังไม่ยืนยันว่าจะรับคดีนี้หรือไม่ ขอดำเนินการตรวจสอบเรื่องข้อสงสัยและดูจากข้อมูลทั้งหมดก่อน
ทีมข่าวทราบข้อมูลจากแหล่งข่าวเกี่ยวกับข้อมูลการเดินทางของทีมงานทนายตั้ม ออกเดินทางมาเมื่อวันที่ 3 ก.พ.64 เวลา 15.00 น. มาถึงยังนครราชศรีมา เวลา 18.00 น. จอดแวะพักที่ปั๊มน้ำมันใน จ.นครราชสีมา เวลา 00.10 น. มาถึงที่พัก ในจ.สกลนคร ส่วนวันที่ 4 ก.พ. เวลา 08.00 น. เดินทางไปคุยกับทีมงานทนายประชาชน เกี่ยวกับชุดที่ช่วยเหลือทางคดี และผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ในคดี เวลา 11.00 น. ถึงหมู่บ้านกกกอก สักการะพระพุทธชินราช ชมหมู่บ้านยูทูเบอร์ เวลา 12.00 น. เข้าบ้านนายไชย์พล เวลา 16.10 น. ออกมาพบกับสาธารณสุขอำเภอดงหลวง ตรวจคัดกรอง ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับประวัติเดินทางอย่างละเอียด เวลา 16.22 น. รถกระบะลุงมาจอดรับ พาทนายตั้มไปส่งที่พักใน จ.สกลนคร
ทั้งนี้เมื่อทนายตั้มถึงบ้านลุงพลแล้ว ได้เข้าไปพูดคุยและเจอกับลุงพลป้าแต๋น ที่ประตูบ้าน ได้ตอบกับสื่อสั้น ๆ พร้อมกับยกมือขอบคุณ “ขอตัวพักผ่อนสักครู่” ส่วนลุงพล เปิดเผยสั้น ๆ ว่า ขอเวลาคุยกับทนาย และถ้าทราบความเคลื่อนไหวและรายละเอียดจะแจ้งอีกที
จากนั้นลุงพลก็ได้เดินมาที่ประตูไม้ และพูดกับสื่อสั้น ๆ ก่อนที่จะปิดประตูบ้าน ว่า "พรุ่งนี้ขอให้ขึ้นเขาภูเหล็กไฟทุกคนเด้อ" พร้อมกับทักทายกับกลุ่มยูทูเบอร์ว่า "ขึ้นด้วยกันไหม"
หลังจากที่ทนายตั้มเข้าไปภายในบ้านไม่ถึง 2-5 นาที ได้กลับออกมาพร้อมกับป้าแต๋น พาเดินไปที่หน้าพระพุทธรูปพระพุทธชินราช ก้มกราบพระ 3 ครั้ง ทนายตั้มและป้าแต๋น ได้เดินพูดคุยกันเพื่อชักชวนกันไปดูในสถานที่รอบบ้าน โดยเดินมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านยูทูเบอร์ ซึ่งทนายตั้ม บอกกับทีมข่าวว่า ตนเคยเห็นแต่ในทีวี แต่ไม่เคยลงพื้นที่จริง วันนี้จึงต้องสำรวจและดูให้ครบทุกมุม แต่การลงพื้นที่มาวันนี้มาดูเพียงแค่คดีของลุงพล แต่ยังไม่เกี่ยวข้องกับป่าไม้
ส่วนการเดินทางมาในวันนี้ ตนได้มาพร้อมกับทีมผู้เชี่ยวชาญหลายเรื่อง ทั้งเรื่องป่า การเดินเขา แม้แต่ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา แต่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวข้องกับเด็กยังเดินทางมาไม่ถึง โดยคาดว่าวันพรุ่งนี้ (5 ก.พ.64) จะขึ้นไปพร้อมกัน วันนี้ขอเวลาพักผ่อนก่อน ตนยังคงยืนยันว่า ขอทำการตรวจสอบรายละเอียดและข้อมูลทั้งหมด ก่อนที่จะรับทำคดีนี้ให้กับลุงพล ดังนั้นการรวบรวมพยานหลักฐานในช่วง 1-2 วัน จะทำให้เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจโดยเร็ว ส่วนการเข้าพื้นที่ครั้งนี้ยอมรับว่าได้มีการติดต่อประสานกับทางสาธารณสุขอย่างถูกต้องแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความกังวล
หลังจากที่ทนายษิทรา เดินทางมาถึงหมู่บ้านกกกอก ก็มีรายงานข่าวว่า ผู้ใหญ่บ้านได้ประสานเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพื่อขึ้นเขาภูเหล็กไฟ โดยแจ้งความประสงค์ว่ามีกลุ่มคนจะเดินทางขึ้นเขาในเวลา 13.00 น.
เวลา 12.50 น. ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังสวนยางของนายแต ซึ่งเป็นที่ปักหลักของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ต้องพาญาติของลุงพลขึ้นเขา แต่กลับพบรถโตโย้ต้าวีโก้ สีดำ ซึ่งเป็นรถของยูทูเบอร์จอดทิ้งไว้ที่สวนยาง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็ไม่รู้ว่าคนที่นำรถมาจอดเป็นใครและไปที่ไหน รวมถึงไม่มีญาติของลุงพลมาขึ้นเขาตามที่แจ้งกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จึงตั้งข้อสงสัยว่าจะมีการแอบขึ้นเขาไปหรือไม่
เวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้รับรายงานว่ามีกลุ่มคนได้ลักลอบขึ้นเขา โดยนายนภัสสร ตะวันคำ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานว่าได้มีคนลักลอบขึ้นเขาไปแล้ว ซึ่งคนกลุ่มนี้จะต้องมีความผิดเข้าไปในเขตอุทยานโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งคาดคนที่นำรถมาจอดไว้น่าจะมีการลักลอบขึ้นไป เพราะตนได้รับการแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านกกกอกว่าจะมีกลุ่มคนขึ้นเขา แต่ตนมารอตั้งนานแต่กลับไม่มีใครมา แต่เมื่อตนย้อนกลับไปสอบถามผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านบอกว่ากลุ่มคนได้ขึ้นไปแล้ว แต่ยังไม่มั่นใจว่าเป็นใคร อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าผู้ใหญ่บ้านกกกอกน่าจะรู้ว่าใครเป็นคนขึ้น แต่ยังไม่มีใครมาแจ้ง ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าคนที่ขึ้นเขานั้น เป็นกลุ่มเดียวกับทนายตั้มหรือไม่
ทีมข่าวได้ติดตามนายนภัสสร ตะวันคำ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ขึ้นเขาภูเหล็กไฟ เพื่อติดตามคนที่มีการลักลอบขึ้นเขา ซึ่งระหว่างทางก็ไม่เจอใคร โดยระหว่างหยุดพัก นายนภัสสร ระบุว่า การเดินทางตามหานี้คาดว่าน่าจะเจอกับกลุ่มคนที่ลักลอบขึ้นเขา เพราะเขาคงไปได้ไม่ไกล ส่วนจะมีความผิดมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับความตั้งใจและเจตนาของคนที่ลอบขึ้นเขามาว่าเขามีเจตนาอะไร
ทั้งนี้ตนก็ไม่รู้ว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น เพราะผู้ใหญ่บ้านกกกอก โทรมาหาตนว่า จะมีคนขึ้นเขาเวลา 13.00 น. ตนก็มารอจนถึง 15.00 น. แต่ไม่มีใครมา ซึ่งเมื่อย้อนไปถามผู้ใหญ่บ้านกกกอก ก็ยอมรับว่ามีคนขึ้นเขาไปแล้ว ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าคนที่ลอบขึ้นเขามาจะมีเจตนาอะไร
หลังจากนั้นทีมข่าวได้เดินทางกันต่อและได้ใช้เวลาในการเดินประมาณ 40 นาที ก็ไปถึงจุดพบศพน้องชมพู่ ในเวลา 16.10 น. ซึ่งเมื่อไปถึงก็ไม่พบใครอยู่แล้ว ซึ่งห่างจากจุดพบศพประมาณ 3 เมตร ก็พบขวดน้ำใหม่ที่เพิ่งทิ้ง ก้นบุหรี่ใหม่ 1 อัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้คาดการณ์ว่า จะต้องเป็นของกลุ่มคนที่เดินขึ้นไป
ทีมข่าวจึงเดินสำรวจบริเวณจุดเจอรองเท้า และจุดเจอกางเกง พบว่าใบไม้ยังคงอยู่ตามปกติ ไม่ได้มีรอยเขี่ยหรือเดินผ่าน แต่มีขวดน้ำใหม่ตั้งอยู่ 1 ขวด ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปยังจุดเจอรถแบ็กโฮ พบว่าไม่มีร่องรอยใด ๆ หลังจากนั้นทีมข่าวจึงเดินทางกลับ
พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีชมพูว่า จนถึงขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะนี้ยังไม่มีวาระสำคัญที่จะต้องแถลงชี้แจงสื่อมวลชน ส่วนในประเด็นการออกหมายจับตามที่มีประแสข่าวว่า จะมีการออกหมายจับผู้ต้องหาก่อนวันที่ 15 ก.พ.64 นั้น ในขณะยี้ยังไม่มีการออกหมายจับบุคคลใด
ส่วนกรณีที่มีทนายความชื่อดัง เตรียมนำแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมนั้น ส่วนตัวมองว่าแต่ละฝ่ายมีความเห็นเป็นของตัวเอง ซึ่งทางคณะทำงานก็มีความเห็นของตัวเองเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหนึ่งบุคคลที่มีพิรุธจาการสอบปากคำ หลังเข้าเครื่องจับเท็จ เพราะเหลือเวลาที่ตอบคำถามเจ้าหน้าที่ไม่ได้ มากถึง 54 นาที