จากกรณีวันที่ 2 ก.พ.64 เวลา 19.30 น. ตำรวจ สภ.ภูหลวง จ.เลย ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตอยู่ที่บ้านไร่สุขสันต์ ต.เลยวังใส อ.ภูหลวง จึงรีบเข้าตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลภูหลวง และอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างคีรีธรรมจุดภูหลวง
พบศพ น.ส.ปารีณา อยู่สถิตวงศ์ อายุ 46 ปี สภาพศพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดกระสุน .22 มม. ที่หน้าอก ทะลุสะบักด้านซ้าย กระดุมเสื้อขาด คล้ายร่องรอยการต่อสู้ ที่โทรศัพท์มือถือของผู้ตายมีรอยกระสุนปืน และที่กระท่อมพบรอยกระสุนปืนอีก 1 นัด
ล่าสุด วันที่ 4 ก.พ. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่เกิดเหตุ เป็นร้านขายพันธุ์ไม้และร้านกาแฟ ริมถนนสายภูหลวง-หล่มเก่า ทางขึ้นมอหินตั้ง หมู่ 4 ต.เลยวังใส อ.ภูหลวง จ.เลย
โดยร้านขายพันธุ์ไม้ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 5 ไร่ อยู่ห่างจากชุมชน 3 กิโลเมตร ไม่มีบ้านเรือนข้างเคียง ซึ่งจุดที่ น.ส.ปารีณา นอนเสียชีวิต อยู่บริเวณหน้ากระท่อม ยังพบคราบเลือดอยู่ที่พื้น ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 63 กรมป่าไม้ได้เข้ามาตรวจสอบที่ดินดังกล่าว พบว่าเป็นการบุกรุกป่าสงวน มีการก่อสร้างเพิงพักอาศัยทำด้วยไม้ 1 หลัง บ้านบนต้นไม้ 1 หลัง กระท่อมทำจากไม้ไผ่ 3 หลัง และซุ้มกาแฟด้านบนเป็นจุดชมวิว 1 หลัง
เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ภูหลวง โดยตำรวจจะเชิญตัวผู้ตายไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 3 ก.พ. 64 แต่มาเสียชีวิตก่อน
จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.ภูหลวง นายสุริยา พี่ชายของผู้ตาย มาให้ปากคำกับตำรวจในฐานะพยานในที่เกิดเหตุ นายสุริยาบอกเพียงสั้น ๆ ว่า ขณะเกิดเหตุตนเองนอนหลับอยู่ในบ้านบนต้นไม้ ห่างจากจุดเกิดเหตุ 50 เมตร ได้ยินเสียงคล้ายประทัดดัง 1 นัด
น้องชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ครอบครัวมีพี่น้องทั้งหมด 9 คน ผู้ตายเป็นพี่คนที่ 8 ทำงานอยู่ที่ประเทศอิตาลี 14 ปี ได้ส่งเงินมาให้ น.ส.ปู พี่สาวคนที่ 4 จำนวน 2 แสนบาทเพื่อซื้อที่ดิน จำนวน 5 ไร่ หลังจากนั้นผู้ตายมาทราบภายหลังว่าที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวน ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ครอบครองได้ จึงเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อต้นปี 2563 เพื่อจะขอเงินคืนจากพี่สาว แต่เคลียร์กันไม่ลงตัว เพราะพี่สาวไม่ยอมคืนให้ ส่วนผู้ตายเมื่อไม่ได้เงินคืนก็ขอครอบครองที่ดิน และเข้ามาทำธุรกิจร้านขายดอกไม้ แล้วพานายสุริยา พี่ชายมาช่วยดูแล ระหว่างนั้นก็มีปัญหาหาระหองระแหงกับพี่สาวอยู่เป็นระยะ
จากนั้นเมื่อเดือนกันยายน 2563 มีชายฉกรรจ์ชาย 2 คน หญิง 2 คน บุกมาทำร้ายร่างกายผู้ตายกับพี่ชาย จนได้รับบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล ทั้งคู่ได้เดินทางเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ภูหลวง ตอนนี้คดีไม่มีความคืบหน้า หลังจากนั้นผู้ตายก็โทรมาบอกหลายครั้งว่าช่วงกลางคืนจะมีรถกระบะมาคอยสอดแนม และเวลาจะเดินทางไปไหนก็รู้สึกเหมือนมีคนคอยแอบตามอยู่เป็นเดือน จนเกิดความหวาดระแวงว่าจะไม่ปลอดภัย
ต่อมาเมื่อปลายปี 2563 น.ส.ปู พี่สาวคนที่ 4 ได้แจ้งกรมป่าไม้ให้มาตรวจสอบที่ดินดังกล่าว จนกรมป่าไม้ต้องเข้าตรวจเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 63 แล้วกรมป่าไม้ก็เข้าแจ้งความที่ สภ.ภูหลวง เพื่อเอาผิดฐานบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน จนกระทั่งวันที่ 2 ก.พ. 64 ผู้ตายได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับตำรวจเรื่องที่ดิน ถูกยิงเสียชีวิตในคืนวันนั้น ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองไม่เชื่อว่าพี่น้องจะฆ่ากัน เพราะที่ดินดังกล่าวเป็นที่ไม่มีโฉนด ขายต่อไม่ได้ แต่เชื่อว่าเป็นฝีมือของบุคคลที่สาม เพราะผู้ตายเคยเล่าให้ฟังว่ามีคนมีสีอยากจะได้ที่ดินตรงนี้เช่นกัน
ลูกชายผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาแม่กับป้าก็ทะเลาะกันเรื่องที่ดินบ่อยครั้ง ลักษณะของการทะเลาะกันแบบพี่น้อง ไม่เคยมีความรุนแรง และป้าก็มักจะให้ตนเป็นตัวกลางในการคุยกับแม่ แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดความขัดแย้ง ส่วนตัวก็เข้าใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งตนเคยขอร้องแม่หลายครั้งว่าให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย
ทั้งนี้ ตนเองได้คุยกับแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 64 แม่ยังดูอารมณ์ดี ไม่ได้มีความกังวล จนกระทั่งมาทราบข่าวคืนวันที่ 2 ก.พ. 64 ว่าแม่ถูกยิงเสียชีวิต รู้สึกช็อก ทำอะไรไม่ถูก ส่วนสาเหตุการฆาตกรรมตนก็ไม่ทราบ แต่ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าป้าผมจะเป็นคนทำ เพราะเรื่องแค่นี้คงไม่ถึงขั้นฆ่ากันได้ ที่ผ่านมาตนกับป้าก็คุยกันตลอด แม้แต่เรื่องที่ป้าแจ้งกรมป่าไม้ ส่วนตัวก็อยากให้ที่ดินถูกยึด พี่น้องจะได้เลิกทะเลาะกันเรื่องนี้เสียที ส่วนคนก่อเหตุไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ถ้ามากราบขอขมาแม่ ตนก็พร้อมให้อภัย