งามหน้า! รวบคาหนังคาเขา "พ.จ.อ." กำลังล่าสัตว์ป่าอุทยานไทรโยค พบซากนกเงือก 7 ตัว ยาบ้า-กัญชา-อาวุธอีกเพียบ
วันนี้ (5ก.พ.64) นายนิพนธ์ จำนงค์ศิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารอนุรักษ์ที่3(บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค ได้สั่งการให้คณะเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจอุทยานแห่งชาติไทรโยค(ส่วนกลาง) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ตามที่มีผู้หวังดีแจ้งว่ามีกลุ่มบุคคลเข้าไปลักลอบล่าสัตว์ป่า
เมื่อเวลา 09.47 น.คณะเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้ง เห็นรถยนต์ยีห้อ ISUZU สีเทา หมายเลขทะเบียนบบ 5145 กาญจนบุรี จอดอยู่บริเวณไร่ซึ่งเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบอุทยานแห่งชาติไทรโยค จึงได้นำกำลังดักซุ่มเพื่อสังเกตการณ์พบเห็นชาย 1 คนกำลังนั่งและใช้อาวุธปืนยาวไม่ทราบชนิดซุ่มยิงสัตว์ป่าอยู่บริเวณโคนต้นไทร คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปิดล้อมพร้อมทั้งได้แสดงตนเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ชายคนดังกล่าวคือพันจ่าเอกพิสนุ เชยคิม อายุ 41 ปี สังกัดหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 11 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พร้อมอาวุธปืนเดี่ยวยาวลูกกรดขนาด .22 LRพร้อมแม็กกาซีนภายในรังเพลิงมีลูกกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 1 นัดลักษณะพร้อมใช้งาน ตรวจสอบภายในแม็กกาซีนพบลูกกระสุนปืนขนาด .22 บรรจุอยู่ภายในแม็กกาซีนจำนวน 7 นัดตรวจ ค้นที่ตัวพบอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.พกอยู่เอวด้านหลัง ภายในแม็กกาซีนพบลูกกระสุนปืนขนาด 9 มม.บรรจุอยู่ภายในแม็กกาซีนจำนวน 6 นัด
ใกล้กันพบซากนกแก็ก เป็นนกในวงศ์นกเงือกจำนวน 7 ซาก ซากนกกาเหว่าจำนวน 2 ซาก ซากนกเขียวครามจำนวน 1 ซาก และพบมีดพกสั้น 1 เล่ม ไฟฉายคาดหัว 2 อัน พร้อมอุปกรณ์กระเป๋าคาดเอวสีม่วงตรวจค้นภายในกระเป๋าคาดเอวสีม่วง พบยาบ้าอยู่ในซองซิปล็อกพลาสติกสีขาวจำนวน 4 เม็ดครึ่งพร้อมอุปกรณ์เสพ และกัญชาอัดแท่ง
คณะเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นรถยนต์พันจ่าเอกพิสนุ พบอาวุธปืนเดี่ยวลูกซองยาวขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอกลูกกระสุนปืนขนาดเบอร์ 12 จำนวน 14 นัด มีดพกสั้น 3 เล่ม มีดพร้ายาว 1 เล่ม หม้อแปลงสำหรับช็อตปลา 1 ตัว แร้วดักสัตว์ป่า(แร้วคอม้า) จำนวนจำนวน 23 อัน แร้วดักสัตว์ป่า(จิก)จำนวน 31 อัน ไฟฉายคาดหัว 1 อัน เจ้าหน้าที่นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรไทรโยคเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป
